บริการ Secure Account: วิธีคืนค่า Environment เป็นค่าเริ่มต้น

บริการ Secure Account: วิธีคืนค่า Environment เป็นค่าเริ่มต้น

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงขั้นตอนการคืนค่า Secure Account สำหรับ ClassMethods และข้อควรระวังเวลาคืนค่า Secure Account กันครับ
2025.11.11

สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน ผมกาญจน์ครับ

ในบทความนี้เราจะพูดถึง Secure Account ที่เป็นบริการเฉพาะของ Classmethod ที่ช่วยให้การตั้งค่าความปลอดภัยของบัญชี AWS ของเรามีความสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ว่าในการเปิดปิดบริการแต่ละครั้งอาจมีรายละเอียด หรือข้อปลีกย่อยที่เราควรคำนึงถึง ซึ่งเราจะมาอธิบายกันในบทความนี้ครับ

บทความนี้ได้รับการแปลและเรียบเรียงจากบทความภาษาญี่ปุ่นชื่อ 【セキュアアカウントサービス】環境の切り戻しに関するご案内 โดยเจ้าของบทความนี้คือ คุณ คิมูระ ยูตะ โดยผู้อ่านที่สนใจสามารถกดเข้าไปอ่านเพิ่มเติมตามลิงค์ได้ครับ

บทความนี้จะแนะนำวิธีการคืนการตั้งค่าของ Secure Account Service ที่ทาง Classmethod Members ให้บริการครับ

ในการดำเนินการคืนการตั้งค่าของ Secure Account เราจำเป็นต้องทำทั้ง การปิดใช้งาน opt-in และ การปิดใช้งาน/หยุดการทำงานของ service ฝั่ง AWS ร่วมกัน หากดำเนินการเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น การคืนค่าจะไม่เสร็จสมบูรณ์ครับ

ก่อนที่ผมจะอธิบายวิธีการคืนค่าเป็นค่าเริ่มต้น ผมขอแนะนำเกี่ยวกับ Secure Account อย่างง่าย ๆ ก่อนครับ สำหรับผู้ที่ต้องการทราบขั้นตอนการโดยตรง สามารถดูได้จากที่นี่

Secure Account คืออะไร?

Secure Account เป็นบริการตั้งค่าความปลอดภัยที่ทางเราแนะนำเวลาใช้ AWS สำหรับลูกค้าผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่สมัครใช้บริการเก็บเงินกับทาง ClassMethod ครับ

diagram-implement-th

รูปภาพข้างต้นนี้อธิบายถึงการกำหนดค่าเริ่มต้นและการดูแลการตั้งค่าครับ

การกำหนดค่าเริ่มต้น (Initial Implementation) ของ Secure Account คืออะไร?

การกำหนดค่าเริ่มต้นของ Secure Account เป็นฟิเจอร์ที่ส่งมอบบัญชี AWS ที่ได้รับการปรับใช้ best practices ด้านความปลอดภัยอย่างครบถ้วนให้แก่ลูกค้าตอนที่ออกบัญชี

ลูกค้าทุกคนที่สมัครใช้บริการ AWS Billing Service สามารถใช้ฟิเจอร์นี้ได้ทันทีเมื่อออกบัญชี

เมื่อเริ่มใช้ฟังก์ชันกำหนดค่าเริ่มต้น บัญชีที่ออกให้จะมีการเปิดใช้งานฟังก์ชันการดูแลการตั้งค่าของทุกบริการโดยอัตโนมัติครับ

การดูแลการตั้งค่า (Maintenance) ของ Secure Account คืออะไร?

การดูแลการตั้งค่าของ Secure Account เป็นบริการที่ช่วยให้คุณสามารถสร้าง Environment ที่ปลอดภัยได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว และสามารถดูแล Environment ให้ปลอดภัยอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งอัปเดตให้เป็นสถานะล่าสุดได้ครับ

เป็นฟังก์ชันที่ลูกค้าทุกรายที่สมัครใช้ บริการเรียกเก็บเงินแทนของ AWS สามารถใช้งานได้ และสามารถทำการตั้งค่าได้จาก Classmethod Members Portal ได้แม้หลังจากออก account ไปแล้ว

ลูกค้าสามารถทำการตั้งค่าแยกเป็นรายการได้ และเมื่อเปิดใช้งานการตั้งค่า เราจะสามารถกำหนดเนื้อหาของรายการต่อไปนี้ได้ครับ

รายการ คำอธิบาย
Password Policy Password Policy ของบัญชีจะถูกตั้งค่าตาม policy นี้ หากต้องการใช้ policy ที่เข้มงวดกว่า เราต้องปิดการเลือกนี้และทำการตั้งค่าด้วยตนเองครับ
AWS IAM Access Analyzer เปิดใช้งานเพื่อตรวจจับการตั้งค่าที่อนุญาตให้เข้าถึงจากทรัพยากรภายนอก เช่น IAM, S3, Lambda และจัดการสิทธิ์ที่ไม่จำเป็น สามารถตรวจสอบรายละเอียดการตั้งค่าที่นี่ นอกจากนี้ ยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับบริการนี้ด้วยครับ
AWS Compute Optimizer ช่วยให้เราตรวจสอบว่า EC2, EBS, Lambda มีการใช้ทรัพยากรมากเกินไปหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบราคาได้ที่นี่ครับ
AWS CloudTrail (Basic Settings) ในการตั้งค่า Basic จะสร้างและเปิดใช้งาน "A trail that applies to all regions" ภายใน Singapore Region และเข้ารหัส log file โดยใช้ SSE-S3 ไม่มีการบันทึก data event หากต้องการตั้งค่า CloudTrail อื่นนอกเหนือจากการตั้งค่า default ที่ทางบริษัทมีมาให้ ผู้อ่านต้องปิดตัวเลือกนี้ นอกจากนี้ audit trail ตัวแรกจะไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วยครับ
AWS Config (Basic Settings) ในการตั้งค่า Basic จะบันทึกการเปลี่ยนแปลง Resource สำหรับบางบริการ หากต้องการเพิ่ม/ลบบริการใดๆ ต้องกดเช็คออกเพื่อปิดการเลือก นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบราคาได้ที่นี่
AWS CloudTrail (Secure Settings) เมื่อสมัครเป็นสมาชิก จะมีการสร้าง trail ชื่อ "Members" ในการตั้งค่าความปลอดภัย จะใช้ SSE-KMS เพื่อเข้ารหัส log file นอกจากนี้ S3 bucket สำหรับจัดเก็บบันทึกจะถูกตั้งค่าเป็น "cm-members-cloudtrail-xxxx" ถ้าผู้อ่านต้องการตั้งค่า CloudTrail อื่นนอกเหนือจากการตั้งค่าของบริษัท ต้องปิดการเลือกก่อนหน้าครับ นอกจากนี้ trail ตัวแรกจะไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนั้นผู้อ่านสามารถสร้าง trail ของตัวเองและลบ members trail ได้โดยไม่มีปัญหาเช่นกันครับ
AWS Config (Secure Settings) ในการตั้งค่า Secure จะบันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกบริการ โปรดระวังค่าใช้จ่ายใน Environment ที่มีการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรบ่อย bucket สำหรับจัดเก็บบันทึกจะถูกตั้งค่าเป็น "cm-members-config-xxxx" หากต้องการเพิ่ม/ลบบริการใดๆ หรือระบุ bucket ปลายทาง โปรดปิดการเลือก และสามารถตรวจสอบราคาได้ที่นี่ครับ
EBS Default Encryption เข้ารหัส Amazon EBS โดยค่าเริ่มต้น ตรวจสอบรายละเอียดการตั้งค่าได้ที่นี่ และตรวจสอบราคาได้ที่นี่
การตั้งค่าการแจ้งเตือน Amazon EventBridge เปิดใช้งาน Amazon EventBridge สำหรับการแจ้งเตือนความปลอดภัยของ Amazon GuardDuty และ AWS Security Hub นอกจากนี้ยังตรวจสอบรายละเอียดการตั้งค่าได้ที่นี่ และต้องมีการตั้งค่าโดยลูกค้าเพื่อรับการแจ้งเตือน โปรดตรวจสอบคู่มือผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย SNS และ Step Functions สำหรับแต่ละการแจ้งเตือน
Amazon GuardDuty เปิดใช้งาน Amazon GuardDuty เป็นบริการตรวจจับภัยคุกคามบน AWS ตรวจจับการเข้าสู่ระบบ AWS ที่ไม่ได้รับอนุญาต การขุดเหรียญ และการรั่วไหลของข้อมูล S3 สามารถตรวจสอบรายละเอียดการตั้งค่าได้ที่นี่ และตรวจสอบค่าใช้จ่ายได้ที่นี่
AWS Security Hub ตั้งค่ามาตรฐานโดย AWS Security Hub เพื่อตรวจจับการตั้งค่าที่เป็นอันตรายบน AWS และตรวจจับการตั้งค่าผิดพลาด เช่น การเปิดพอร์ต SSH ของ Security Group เป็น 0.0.0.0/0 หรือการเปิดเผย S3 bucket โดยไม่ตั้งใจ สามารถตรวจสอบรายละเอียดการตั้งค่าได้ที่นี่ และตรวจสอบค่าใช้จ่ายได้ที่นี่
Amazon Detective เปิดใช้งานเพื่อแสดงภัยคุกคามในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ ช่วยให้สามารถตรวจสอบและแสดง log โดยละเอียดได้อย่างง่ายดาย สามารถตรวจสอบรายละเอียดการตั้งค่าได้ที่นี่ และตรวจสอบค่าใช้จ่ายได้ที่นี่

ฟังก์ชันการดูแลการตั้งค่าจะทำการตรวจสอบ Environment เป็น รายสัปดาห์ โดยจะดำเนินการตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน (00.00 น.) เวลาไทย ของวันเสาร์และต่อเนื่องไปตลอดสุดสัปดาห์ แต่ข้อควรระวังคือ การดำเนินการไม่ได้เกิดขึ้นทันที ดังนั้นเราควรตรวจสอบว่าการตั้งค่าได้ ถูกนำไปใช้หรือไม่ในวันจันทร์ ครับ

เพราะการปิด Opt-in การตั้งค่าใน Secure Account เป็นแค่การปิด "การดูแลการตั้งค่ารายสัปดาห์" เท่านั้น
ดังนั้น ถ้าอยากปิดการใช้งานบริการจริงๆ เราต้องไปปิดการตั้งค่าใน AWS ด้วยครับ (นอกเหนือจากปิด Opt-in ใน Secure Account)

Opt-in คืออะไร?

Opt-in คือการเปิดใช้งานรายการของฟังก์ชันการดูแลการตั้งค่าครับ

การ Opt-in จะช่วยให้คุณสามารถเปิดใช้งานบริการ AWS ต่างๆ ตามการตั้งค่าที่ Classmethod Members แนะนำ และช่วยรักษาการตั้งค่าให้เป็นปัจจุบันโดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องอีกด้วยครับ

ข้อควรระวังเมื่อทำการปิดการตั้งค่า Environment

มีข้อควรระวังเมื่อจำเป็นต้องทำการปิดการตั้งค่า Environment เนื่องจากเหตุผลด้านต้นทุนหรือกฎระเบียบภายในองค์กร

ขอย้ำอีกครั้งว่า การหยุดหรือปิดการใช้งานบริการที่เปิดใช้งานผ่าน Opt-in จำเป็นต้องทำทั้งการ ปิดการใช้งาน Opt-in และการ ปิดการใช้งานหรือหยุดบริการทางฝั่ง AWS ควบคู่กัน

เงื่อนไขของการเปิดปิดจะเป็นไปตามตารางข้างล่างนี้ครับ

ไม่ได้เปลี่ยนแปลง AWS Service สั่งหยุด การใช้งาน AWS Service
เปิด การใช้งาน Opt-in ① AWS Service เปิดใช้งาน และมีการ ดูแลการตั้งค่า ทุกสัปดาห์ตามปกติ ② AWS Service ถูกปิดการใช้งาน จนถึงสุดสัปดาห์ ในการ ดูแลการตั้งค่า สัปดาห์ถัดไปจะถูกเปิดใช้งาน
ปิด การใช้งาน Opt-in ③ AWS Service เปิดใช้งาน และไม่มีการ ดูแลการตั้งค่า สัปดาห์ถัดไป ④ AWS Service ปิดการใช้งาน และไม่มีการ ดูแลการตั้งค่า สัปดาห์ถัดไป

ถ้าเราอยากย้อน AWS Environment เราทำแบบในข้อที่ ④ ครับ

รายละเอียดของเงื่อนไขแต่ละส่วนจะอธิบายข้างล่างครับ แต่ขออธิบายคร่าวๆก่อนว่า

  • Opt-in: เป็นฟังก์ชันในการ Maintenance การทำงานของ service ของ AWS ซึ่งจะดำเนินการทุกวันเสาร์ (ในกรณี AWS Service ดังกล่าวปิดอยู่ มันจะไปสั่งให้เปิดใหม่วันเสาร์)
  • สั่งเปิด/ปิด AWS Service: เป็นการสั่งให้ service ตัวนั้นปิดหรือเปิดโดยตรง

① กรณี "เปิดใช้งาน Opt-in" และ "ไม่ได้เปลี่ยนแปลง AWS Service"

การเปิดใช้งานการตั้งค่าความปลอดภัยรวมถึงการดูแลการตั้งค่าจะดำเนินการทุกสัปดาห์ เพื่อดูแล Environment ที่ปลอดภัย

ถ้าต้องการหยุด/ปิดการใช้งานให้สมบูรณ์ เราจำเป็นต้องปิด Opt-in (เพื่อหยุด การดูแลการตั้งค่า) และปิด AWS Service ด้วย โดยสามารถไปดูที่หัวข้อข้างล่างได้ครับ

② กรณี "เปิดใช้งาน Opt-in" และ "สั่งหยุดการใช้งาน AWS Service"

ถ้าเราสั่งหยุดหรือปิดการใช้งานบริการทางฝั่ง AWS บริการจะหยุดหรือถูก ปิดการใช้งานทันที และการเรียกเก็บเงินจะ ถูกระงับชั่วคราว

แต่เพราะ Opt-in ยังเปิดอยู่ มันจึงไปสั่งดำเนินการ Maintenance ทุกวันเสาร์ให้เปิด AWS Service ให้กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง (และเริ่มต้นเก็บเงินค่าบริการ Service ดังกล่าวใหม่)

ถ้าต้องการหยุด/ปิดการใช้งานให้สมบูรณ์ เราจำเป็นต้องปิด Opt-in (เพื่อหยุดการดูแลการตั้งค่า) ด้วยครับ

③ กรณี "ปิดการใช้งาน Opt-in" และ "ไม่ได้เปลี่ยนแปลง AWS Service"

ถ้าเราปิด Opt-in เฉพาะการตั้งค่าความปลอดภัยและการดูแลการตั้งค่าทุกสัปดาห์เท่านั้นที่หยุด แต่ AWS Service ที่เปิดอยู่จะไม่ได้ปิดไปด้วย (และยังเก็บเงินค่าบริการต่อไป)

ดังนั้น ถ้าเราอยากเลิกใช้ AWS Service ตัวไหน เราต้องไปสั่งหยุด AWS Service เหล่านั้นใน AWS Console เองด้วยครับ

ถ้าต้องการหยุด/ปิดการใช้งานให้สมบูรณ์ เราจำเป็นต้องปิด AWS Service ที่ฝั่ง AWS Console เพื่อหยุดการทำงานด้วยครับ

④ กรณี "ปิดการใช้งาน Opt-in" และ "สั่งหยุดการใช้งาน AWS Service"

เป็นเงื่อนไขเดียวที่ AWS Service จะถูกปิดอย่างสมบูรณ์ครับ

Service ทางฝั่ง AWS ถูกปิด และเนื่องจาก Opt-in ถูกปิด การดูแลการตั้งค่าทุกสัปดาห์จะไม่ไปสั่งเปิด AWS Service อีกครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับการคืนค่า Environment เป็นค่าเริ่มต้น

จะเห็นได้ว่าการคืนค่า Environment ให้เป็นค่าเริ่มต้น เราจำเป็นต้องทำสองขั้นตอนครับ คือ

ซึ่งรายละเอียดแต่ละส่วนจะอยู่ข้างล่างนี้ครับ

1. ขั้นตอนการหยุดและปิดการใช้งานบริการต่างๆ ของ AWS

ผู้อ่านสามารถอ้างอิงวิธีตามบทความข้างล่าง เพื่อสั่งหยุด/ปิดบริการใน AWS ได้เลยครับ

Amazon GuardDuty
https://dev.classmethod.jp/articles/secure-account-disable-amazon-guardduty-th/

AWS Security Hub
https://dev.classmethod.jp/articles/th-secure-account-aws-security-hub/

Amazon Detective
https://dev.classmethod.jp/articles/th-secure-account-amazon-detective/

AWS CloudTrail
https://dev.classmethod.jp/articles/th-secure-account-aws-cloudtrail/

Amazon EventBridge
https://dev.classmethod.jp/articles/secure-account-disable-amazon-eventbridge-th/

2. ขั้นตอนการปิดการใช้งาน Opt-in ใน Classmethod Members Portal (CMS)

  • ในส่วนนี้ผมจะอธิบายวิธีการใช้งาน Opt-in ในเว็บไซต์ Classmethod Members Portal ของระบบ Secure Account ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่จะคืนค่าหรือปิดการใช้งานบริการเกี่ยวกับความปลอดภัยใน AWS เพราะหากเราไม่ปิด Opt-in ทุกวันเสาร์เวลาเที่ยงคืนของไทย ระบบก็จะทำการเปิดบริการที่เราได้ปิดไปนั่นเองครับ
  • ตัวอย่างในรูปจะเป็นตัวอย่างการปิด Opt-in ของ Security Hub ครับ แต่ขั้นตอนการปิด Opt-in ของตัวอื่นก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ หรือคลิกเข้าไปในลิงค์บทความวิธีการปิด/คืนค่า Secure Account ข้างบนได้เลยครับ
  1. อันดับแรก ให้มาที่เว็บไซต์ Classmethod Members Portal จากหัวข้อ "AWS Account" แล้วเลือก Account ID ที่เราต้องการครับ

securehub01

  1. จากนั้นเลื่อนลงมาที่หัวข้อ "Security Settings" แล้วคลิกที่ Edit
    securehub02

  2. เลื่อนลงมาที่หัวข้อ "Secure Settings" ให้ติ๊ก "AWS Security Hub" ออก เพื่อปิดการใช้งาน

securehub034. จากนั้นเลื่อนลงมาข้างล่างสุดแล้วกด "Save" เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงครับ
secure_account_save
5. เท่านี้การปิด Opt-in ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ผู้อ่านสามารถไปคืนค่า/ปิดการใช้งานบริการ AWS ดังกล่าวต่อได้เลยครับ

ทิ้งท้าย

การตั้งค่า Secure Account อาจจะมีความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ความกระจ่างกับผู้อ่านทุกท่านเกี่ยวกับการตั้งค่านะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

บทความต้นฉบับ

【セキュアアカウントサービス】環境の切り戻しに関するご案内 (บทความภาษาญี่ปุ่น)

この記事をシェアする

FacebookHatena blogX

関連記事