เพื่อให้สอดคล้องกับสัจพจน์ของทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ การแปลงแบบกาลิเลโอ ถูกแทนที่ด้วย การแปลงแบบลอเรนซ์ สมการการแปลงมีรูปแบบทั่วไปคือ อนึ่ง การแปลงแบบลอเรนซ์จะสามารถประมาณได้จากการแปลงแบบกาลิเลโอภายใต้ ขีดจำกัดของอัตราเร็วสัมพัทธ์ของกรอบอ้างอิงเฉื่อยสองกรอบที่มีค่าน้อยๆ (v << c) การแปลงแบบกาลิเลโอ ( จะใช้ได้กับวัตถุที่เคลื่อนที่ช้ากว่าแสงมากๆ เท่านั้น ) การแปลงแบบลอเรนซ์ การแปลงสมการแบบลอเรนซ์
6.
การแปลงความเร็วแบบสัมพันธภาพ ถ้า โดยที่เมื่อ u = (u x , u y , u z ) เป็นอัตราเร็วของวัตถุซึ่งวัดในกรอบ S และ u = (u x , u y , u z ) เป็นอัตราเร็วของวัตถุวัดในกรอบ S
7.
ทฤษฎีสัมพัทธภาพขยายสู่โมเมนตัม p ของอนุภาคมวล m ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว u คือ พลังงานจลน์ของอนุภาคคือ เมื่อ m 0 c 2 เรียกว่าพลังงานนิ่ง (rest energy ; E R ) ของอนุภาค พลังงานรวม E ของอนุภาคมวล m มีความสัมพันธ์กันตาม สมการสมมูลมวล - พลังงาน (energy-mass equivalence) ของไอน์สไตน์ คือ E k = m 0 c 2 + m 0 c 2 p = m 0 u E = m 0 c 2 = mc 2 E = E R + E k พลังงานรวม E และขนาดโมเมนตัม p ของอนุภาคตัวหนึ่ง มีความสัมพันธ์ต่อกันตามสมการ E 2 = m 0 2 c 4 + (pc) 2 = E R 2 + (pc) 2 E 2 = ( m 0 c 2 ) 2 + ( pc) 2 E k = ( -1) m 0 c 2 โดยที่ E = m 0 c 2 = mc 2 แทนพลังงานสัมพันธภาพรวมของอนุภาคตัวหนึ่ง E R = m 0 c 2 แทนพลังงานนิ่ง (rest energy) ของอนุภาคตัวเดียวกัน E k = ( -1) m 0 c 2 แทนพลังงานจลน์สัมพันธภาพของอนุภาคตัวนี้
สรุป กลศาสตร์ควอนตัมเบื้องต้น ทฤษฎีควอนตัมของการแผ่รังสีจากวัตถุดำ เมื่อ I เป็นพลังงานที่แผ่ออกมาจากวัตถุดำพื้นที่ 1 m 2 ใน 1 วินาที คือ ค่าคงที่สเตฟาน - โบลซ์มานน์ = 5.67x10 -8 W.m -2 K -4 … .. Stefan-Boltzmann Law ..... Wein’s displacement law E = nh เมื่อ E เป็นพลังงานของออสซิลเลเตอร์ , n เป็นเลขควอนตัมมีค่าเป็นเลขจำนวนเต็ม , h เป็นค่าคงที่ของ แ พลงค์ = 6.625x10 -34 J.s และ คือค่าความถี่ของการสั่น ข้อสมมติฐานของแพลงค์ : ออสซิลเลเตอร์ที่สั่นจะมีพลังงานเป็นค่าใดๆ ไม่ได้ โดยจะมีค่าจำกัดเป็นช่วงๆ ออสซิลเลเตอร์ที่มีความถี่ จะมีพลังงานเป็น ..... กฏการแผ่รังสีของแพลงค์
15.
ปรากฏการณ์โฟโตอิเลกตริก โดยที่ (E k ) max = พลังงานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเลกตรอน = ½ mv 2 max = eV 0 e = ค่าประจุไฟฟ้าของอิเลกตรอน = 1.6x10 -19 C V 0 = ค่าศักย์หยุดยั้ง ( V ) = h /e – W/e W = ค่าฟังก์ชันงานของโลหะ มีค่าต่างกันแล้วแต่ชนิดของโลหะ … . สมการโฟโตอิเลกตริกของไอน์สไตน์ เป็นขบวนการที่อิเลกตรอนหลุดออกจากผิวโลหะเมื่อแสงตกกระทบบนผิวโลหะ ไอน์สไตน์ประสบความสำเร็จในการอธิบายปรากฏการณ์นี้โดยการขยายสมมติฐานทางควอนตัมของแพลงค์กับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ในแบบจำลองนี้แสงถูกมองว่าเป็นลำของโฟตอน ซึ่งมีพลังงาน E = h เมื่อ เป็นความถี่ และ h เป็นค่าคงที่ของแพลงค์ ถ้าพลังงานจลน์เป็นศูนย์ จะได้ค่าความถี่เป็นค่าความถี่ขีดเริ่ม 0 = W/h
16.
สเปกตรัมชนิดเส้น แบบจำลองอะตอมของบอร์ประสบความสำเร็จในการอธิบายเส้นสเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจน ข้อสมมติฐานหนึ่งคืออิเลกตรอนสามารถอยู่ได้ในวงโคจรที่ไม่ต่อเนื่อง โดยมีโมเมนตัมเชิงมุม mvr เท่ากับผลคูณของลำดับชั้นของวงโคจรกับ h/2 บอร์สันนิษฐานค่าวงโคจรแต่ละวงเป็นวงกลมและมีแรงดึงดูดระหว่างอิเลกตรอนกับโปรตอน พลังงานของแต่ละสถานะควอนตัมหาได้จาก แทนค่า m, e, 0 , h ลงในสมการนี้ แล้วหารด้วย e เพื่อทำให้เป็นหน่วย eV จะได้ n = 1, 2, 3, … ถ้าอิเลกตรอนในอะตอมไฮโดรเจนย้ายจากวงโคจรซึ่งมีเลขควอนตัม n i ไปยังวงโคจรที่มีเลขควอนตัม n f และถ้า n f < n i อะตอมจะแผ่โฟตอนซึ่งมีความถี่เป็น โดย ค่าคงที่ของริดเบอร์ก
p = โมเมนตัมของโฟตอน m = มวลอนุภาค v = ความเร็วอนุภาค = ความยาวคลื่น ทวิภาพของเดอบรอยล์ " คลื่นแสดงสมบัติของอนุภาคได้ และอนุภาคก็แสดงสมบัติของคลื่นได้ " วัตถุมวล m มีความเร็ว v จะมีความยาวคลื่น แสงความยาวคลื่น จะมีโมเมนตัม สสารและคลื่น x = ความไม่แน่นอนของการวัดตำแหน่ง p = ความไม่แน่นอนของการวัดโมเมนตัม หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก