ตารางธาตุและสมบัติของธาตุ
1
ตารางธาตุและสมบัติของธาตุ
• แถวธาตุในแนวตั้งเรียกว่า หมู่ มีจํานวน 18 หมู่ แบ่งได้เป็นหมู่ A และ หมู่B
• ธาตุในแนวนอนเรียกว่า คาบ มี ทั้งหมด 7 คาบ
ตารางธาตุปัจจุบันเรียง
ตามเลขอะตอมจาก
ซ้ายไปขวา
2
โดยธาตุบางหมู่มีชื่อเรียกเฉพาะ
• ธาตุหมู่ IA ยกเว้น H เรียกว่า โลหะแอลคาไลน์
• ธาตุหมู่ IIA เรียกว่า โลหะแอลคาไลน์เอิร์ท
• ธาตุหมู่ VIIA เรียกว่า แฮโลเจน (Halogens)
• ธาตุหมู่VIIIA ยกเว้น Og เรียกว่า แก๊สมีสกุล
ตารางธาตุและสมบัติของธาตุ
ธาตุในกรอบสี่เหลี่ยมมีข้อมูลต่าง ๆ เช่น สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอม
มวลอะตอม และสมบัติความเป็นโลหะ
ธาตุหมู่ A หรือ ธาตุหมู่หลัก เรียกว่า ธาตุเรพรีเซนเททีฟ (representative element)
ธาตุหมู่ B เรียกว่า ธาตุแทรนซิชัน (transition element)
3
การจัดกลุ่มของธาตุตามการจัดเรียงอิเล็กตรอนในออร์บิทัล
s p
d
f
4
การจัดกลุ่มของธาตุตามสมบัติความเป
็ นโลหะ
โลหะ
• มีสถานะเป็นของแข็ง
• มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง
• นาไฟฟ้าและนาความร้อนได้ดีมาก
• มีค่า IE และ EN ตา
1
กึ่งโลหะ
• มีสถานะเป็นของแข็ง
• มีสมบัติอยู่กึงระหว่างโลหะ กับอโลหะ
• มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง
• นาไฟฟ้าได้
• มีค่า IE และ EN สูง
1
อโลหะ
• มีทั้ง 3 สถานะ
• มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นตา
• ไม่นาไฟฟ้าและความร้อน (ยกเว้นแกรไฟต์)
• มีค่า IE และ EN สูง
1
5
โลหะแทรนซิซัน
• มีสถานะเป็นของแข็ง (ยกเว้นปรอทเป็นของเหลว)
• มีความเป็นโลหะน้อยกว่าโลหะ หมู่ 1A และ 2A
• มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง
• นาไฟฟ้าและนาความร้อนได้ดี มีค่า IE และ EN ตา
แลนทานอยด์
• มีเลขอะตอมมาก
• เป็นธาตุหายาก
แอกทินอยด์
• เป็นธาตุกัมมันตรังสี
• มีเลขอะตอมมาก
• มีครึงชีวิตสั้น
• เป็นธาตุหายาก
การจัดกลุ่มของธาตุตามสมบัติความเป
็ นโลหะ
6
1. ขนาดอะตอม (atomic radius)
7
1. ขนาดอะตอม (atomic radius)
บอกขนาดอะตอมด้วย รัศมีอะตอม (atomic radius) ซึ่งมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของระยะระหว่าง
นิวเคลียสของอะตอมคู่ที่สร้างพันธะต่อกันหรือที่อยู่ชิดกัน
• ระยะห่างระหว่างนิวเคลียสของ ฟลูออรีน เท่ากับ 142 pm
• รัศมีอะตอมของฟลูออรีน เท่ากับ 71 pm
• ระยะห่างระหว่างนิวเคลียสของโบรมีน เท่ากับ 228 pm
• รัศมีอะตอมของโบรมีน เท่ากับ 114 pm
8
1. ขนาดอะตอม (atomic radius)
บอกขนาดอะตอมด้วย รัศมีอะตอม (atomic radius) ซึ่งมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของระยะระหว่างนิวเคลียสของ
อะตอมคู่ที่สร้างพันธะต่อกันหรือที่อยู่ชิดกัน
การเปรียบเทียบขนาดอะตอมในคาบเดียวกัน
2,1 2,2 2,3 2,4 2,5 2,6 2,7 2,8
ขนาดอะตอมจะลดลงจากซ้ายไปขวา
ตามเลขอะตอมที่เพิ่มขึ้น
9
ขนาดอะตอมจะลดลงจากซ้ายไปขวา
ตามจํานวนโปรตอนในนิวเคลียสที่เพิ่มขึ้น
1. ขนาดอะตอม (atomic radius)
การเปรียบเทียบขนาดอะตอมในหมู่เดียวกัน
2,1
2,8,1
2,8,8,1
2,7
2,8,7
2,8,18,7
ขนาดอะตอมจะเพิ่มขึ้นจากบนลงล่าง
ตามระดับชั้นพลังงานที่เพิ่มขึ้น
10
2. ขนาดไอออน (ionic radius)
11
2. ขนาดไอออน (ionic radius)
ขนาดไอออนบอกเป็นค่า รัศมีไอออน (ionic radius) ซึ่งที่วัดได้จากระยะห่างระหว่างนิวเคลียส
ของไอออนคู่หนึ่งๆ ที่มีแรงยึดเหนี่ยวกันในโครงผลึก
• รัศมีไอออน O2- เท่ากับ 140 pm
• รัศมีไอออน Mg2+ เท่ากับ 65 pm
12
2. ขนาดไอออน (ionic radius)
2.1 ขนาดไอออนบวกของโลหะในคาบเดียวกัน
ขนาดอะตอม
2,8,1 2,8,2 2,8,3 2,8,4
ขนาดไอออนบวก Na+ Mg2+ Al3+ Si4+
2,8 2,8 2,8 2,8
• อะตอมที่เสียอิเล็กตรอนไป
จะเปลี่ยนเป็นไอออนบวก
• ถ้าเสียอิเล็กตรอนมาก
ขนาดของไอออนบวกของ
อะตอมนั้นยิ่งลดลง
• อ ะ ต อ ม มีอิ เ ล็ ก ต ร อ น
น้อยลง แต่จํานวนโปรตอน
ในนิวเคลียสยังเท่าเดิม
• อิเล็กตรอนที่เหลืออยู่จะถูก
นิวเคลียสดึงดูดมากยิ่งขึ้น
จึงทําให้ไอออนบวกมีขนาด
เล็กกว่าขนาดอะตอม
ยิ่งประจุบวกมาก ขนาดไอออนยิ่งเล็ก
ในคาบเดียวกัน
13
2. ขนาดไอออน (ionic radius)
2,1
2,8,1
2,8,8,1
2.2 ขนาดไอออนบวกของโลหะในหมู่เดียวกัน
ขนาดอะตอม
Na+
Li+
K+
2
2,8
2,8,8
ขนาดไอออนบวก
• หมู่เดียวกันเสียอิเล็กตรอน
เท่ากันหรือไอออนบวกมี
ประจุเท่ากัน
• ไอออนบวกที่ระดับชั้น
พลังงานมากกว่าจะมีขนาด
ใหญ่กว่า
ขนาดไอออนบวกในหมู่เดียวกันขนาดจะเพิ่มขึ้นจากบนลง
ล่างตามระดับชั้นพลังงาน
14
2. ขนาดไอออน (ionic radius)
2.3 ขนาดไอออนลบในคาบเดียวกัน
ขนาดอะตอม
2,4 2,5 2,6 2,7
ขนาดไอออนลบ C4- N3- O2- F-
2,8 2,8 2,8 2,8
• อะตอมที่ได้รับอิเล็กตรอน
เพิ่มเข้ามาจะจะเปลี่ยนเป็ น
ไอออนลบ
• ท า ใ ห้ มี จ า น ว น
อิเล็กตรอนเพิ่มขึ้น แต่
จานวนโปรตอนคงเดิม
• อิเล็กตรอนทั้งหมดจะถูก
นิวเคลียสดึงดูดน้อยลง
• ส่งผลให้ขนาดไอออนลบ
ใหญ่กว่าขนาดอะตอม
ยิ่งประจุลบมาก ขนาดไอออนลบยิ่งมี
ขนาดใหญ่ ในคาบเดียวกัน
C N O F
15
2. ขนาดไอออน (ionic radius)
2,7
2,8,7
2,8,18,7
2.4 ขนาดไอออนลบในหมู่เดียวกัน
ขนาดอะตอม
Cl-
F-
Br-
2,8
2,8,8
2,8,18,8
ขนาดไอออนลบ
• หมู่เดียวกันรับอิเล็กตรอน
เพิ่มเท่ากันหรือไอออนลบมี
ประจุเท่ากัน
• ไอออนลบที่มีระดับชั้น
พลังงานมากกว่าจะมีขนาด
ใหญ่กว่า
ขนาดไอออนลบในหมู่เดียวกันขนาดจะเพิ่มขึ้นจากบนลง
ล่างตามระดับชั้นพลังงาน
Cl
F
Br
16
2. ขนาดไอออน (ionic radius)
2.5 เปรียบเทียบขนาดไอออนในคาบเดียวกัน
ขนาดอะตอม
2,8,1 2,8,2 2,8,3 2,8,4 2,8,5 2,8,6 2,8,7
ขนาดไอออน Cl-
Mg2+ Al3+ Si4+
2,8 2,8 2,8 2,8 2,8,8 2,8,8 2,8,8 2,8,8
P3- S2-
Na+ Si4-
Cl
P S
17
ขนาดอะตอม (atomic radius)
ลดลงจากซ้ายไปขวา
เพิ่มขึ้นจากบนลงล่าง 18
3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy : IE)
พลังงานที่น้อยที่สุด ที่ใช้เพื่อทําให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอม
ในสถานะแก๊ส เปลี่ยนเป็น ไอออนบวก ในสถานะแก๊ส
การทําให้โซเดียมอะตอมกลายเป็นโซเดียมไอออนในสถานะแก๊ส เขียนสมการได้ดังนี้
Na(g)  Na+(g) + 1e– IE = 496 kJ/mol
หลุดออก
19
ธาตุทุกธาตุจะมีลาดับพลังงานไอออไนเซชันเท่ากับจานวนอิเล็กตรอน ภายในอะตอม
3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy : IE)
มี 1 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชันค่าเดียว คือ IE1
H
Li มี 3 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชัน 3 ค่า คือ IE1 , IE2 , IE3
Na มี 11 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชัน 11 ค่า คือ IE1 – IE11
20
3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy : IE)
Be มี 4 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชัน 4 ค่า คือ IE1 , IE2 , IE3 , IE4
IE1
IE2
IE3
IE4
Be(g)  Be+(g) + 1e– IE1
Be+ (g)  Be2+(g) + 1e– IE2
Be2+ (g)  Be3+(g) + 1e– IE3
Be3+ (g)  Be4+(g) + 1e– IE4
21
3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy : IE)
กราฟแสดงพลังงานไอออไนเซชัน ของธาตุบางชนิด
อิเล็กตรอนในระดับชั้นพลังงานที่ 1
(n=1)
อิเล็กตรอนในระดับชั้นพลังงานที่ 2
(n=2)
อิเล็กตรอนที่อยู่ในระดับชั้นพลังงานเดียวกัน
ค่า IE จะใกล้เคียงกัน
อิเล็กตรอนที่อยู่ต่างระดับชั้นพลังงาน
ค่า IE จะแตกต่างกันมาก
22
3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy : IE)
กราฟแสดงพลังงานไอออไนเซชัน ของธาตุบางชนิด ธาตุหมู่ VIIIA มีค่า IE สูงที่สุด
แสดงว่า เสียอิเล็กตรอนยากต้องใช้พลังงานมาก
เพื่อทาให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอม
ธาตุหมู่ IA มีค่า IE ต่าสุด
แสดงว่า เสียอิเล็กตรอนง่ายที่สุด ใช้พลังงานเพียง
เล็กน้อย อิเล็กตรอนก็หลุดออกจากอะตอม
23
3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy : IE)
IE
IE
IE
เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา
ลดลงจากบนลงล่าง
อะตอมใหญ่ IE ต่า
อะตอมเล็ก IE สูง
24
4. สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน (Electron affinity : EA)
25
• ความสามารถในการรับอิเล็กตรอนของอะตอมในสถานะ
แก๊สเกิดเป
็ นไอออนลบ
• เมื่ออะตอมได้รับอิเล็กตรอนจะคายพลังงานออกมา
อะตอมคลอรีนในสถานะแก๊สรับอิเล็กตรอน กลายเป็น คลอไรด์ไอออนในสถานะแก๊ส เขียนสมการได้ดังนี้
Cl(g) + 1e–  Cl-(g) EA = -349 kJ/mol
Cl-(g)  Cl (g) + 1e– EA = +349 kJ/mol
ทําให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากคลอไรด์ไอออนในสถานะแก๊ส ได้อะตอมคลอรีนในสถานะแก๊ส เขียนสมการได้ดังนี้
4. สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน (Electron affinity : EA)
26
กราฟแสดง สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน ของธาตุบางชนิด
ธาตุหมู่ IA มีค่า EA ต่าที่สุด
แสดงว่า ธาตุโลหะ มีแนวโน้ม
ที่จะรับอิเล็กตรอนได้ยากกว่าธาตุอโลหะ
ธาตุหมู่ IVIA มีค่า EA สูงสุด
แสดงว่า ธาตุอโลหะ (ยกเว้นหมู่ VIIIA) มีแนวโน้ม
ที่จะรับอิเล็กตรอนได้ดีกว่าธาตุโลหะ
3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy : IE)
EA
EA
EA
เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา
ลดลงจากบนลงล่าง
อะตอมใหญ่ EA ต่า
อะตอมเล็ก EA สูง
27
รับอิเล็กตรอนไม่ดี
รับอิเล็กตรอนได้ดี
โลหะ อโลหะ
5. อิเล็กโทรเนกาติวิตี (Electronegativity : EN)
28
ความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอน ของอะตอม หรือ ค่าเปรียบเทียบความสามารถใน
การดึงอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะของอะตอมของธาตุต่าง ๆ ที่รวมกันในโมเลกุลของสาร
5. อิเล็กโทรเนกาติวิตี (Electronegativity : EN)
29
สรุปแนวโน้มความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอน ของอะตอม
คาบเดียวกัน ค่า EN เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวาตามเลขอะตอมที่เพิ่มขึ้น
หมู่เดียวกัน ค่า EN ลดลงจากบนลงล่างตามเลขอะตอมที่เพิ่มขึ้น
5. อิเล็กโทรเนกาติวิตี (Electronegativity : EN)
30
EN
EN
EN
เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา
ลดลงจากบนลงล่าง
อะตอมใหญ่ EN ต่า
อะตอมเล็ก EN สูง
ดึงดูดอิเล็กตรอนไม่ดี
ดึงดูดอิเล็กตรอนได้ดี
โลหะ อโลหะ
สรุปแนวโน้ม IE EA EN
31
เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา
ลดลงจากบนลงล่าง
อะตอมใหญ่
อะตอมเล็ก
IE EA EN ต่า
IE EA EN สูง
โลหะ อโลหะ
IE EA EN
IE EA EN
IE EA EN
โลหะแทรนซิซัน
• มีสถานะเป็นของแข็ง (ยกเว้นปรอทเป็นของเหลว)
• มีความเป็นโลหะน้อยกว่าโลหะ หมู่ 1A และ 2A
• มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง
• นาไฟฟ้าและนาความร้อนได้ดี มีค่า IE และ EN ตา
1
แลนทานอยด์
• มีเลขอะตอมมาก
• เป็นธาตุหายาก
แอกทินอยด์
• เป็นธาตุกัมมันตรังสี
• มีเลขอะตอมมาก
• มีครึงชีวิตสั้น
• เป็นธาตุหายาก
ธาตุแทรนซิชัน (Transition)
32
เป็นธาตุที่พบในธรรมชาติและ
ได้จากการสังเคราะห์
บางธาตุเป็นธาตุกัมมันตรังสี
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
33
กิจกรรมที่ 2.4 สีของสารประกอบ
 จุดประสงค์ของกิจกรรม
เปรียบเทียบสีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักกับโลหะแทรนซิชัน
 วัสดุอุปกรณ์ และสารเคมี
โพแทสเซียมไนเตรต (KNO3) แมงกานีสไดออกไซด์ (MnO2)
โซเดียมซัลเฟต (Na2SO4) แมงกานีส(II)ซัลเฟต (MnSO4)
แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) ซิงค์ซัลเฟต (ZnSO4)
แคลเซียมซัลเฟต (CaSO4) คอปเปอร์(II)ซัลเฟต (CuSO4)
แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) คอปเปอร์(II)คาร์บอเนต (CuCO3)
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
34
กิจกรรมที่ 2.4 สีของสารประกอบ
 วิธีการทากิจกรรม
1. แบ่งกลุ่มสารประกอบตัวอย่างที่กําหนดให้ ว่าสารใดเป็นสารประกอบของโลหะหมู่หลัก
และสารใดเป็นสารประกอบของโลหะแทรนซิชัน
2. สังเกตสีและเปรียบเทียบสีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักและสารประกอบของ
โลหะแทรนซิชัน
3. บันทึกข้อมูลลงในตารางบันทึกผล
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
35
กิจกรรมที่ 2.4 สีของสารประกอบ
 ผลการทากิจกรรม
ตารางบันทึกผลการสังเกตสีและแบ่งกลุ่มสารประกอบ
สารประกอบของโลหะหมู่หลัก สารประกอบของโลหะแทรนซิชัน
สูตรเคมี สีของสารประกอบ สูตรเคมี สีของสารประกอบ
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
36
 สรุปผลการทากิจกรรม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
 คาถามท้ายกิจกรรม
1. สีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักเป็นอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. สีของสารประกอบของโลหะแทรนซิชันเป็นอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. สีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักและสารประกอบของโลหะแทรนซิชันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
37
กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า
 จุดประสงค์ของกิจกรรม
1. ทําการทดลองเพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีระหว่างโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง และสังกะสีกับนํ้า
2. เปรียบเทียบความว่องไวในการทําปฏิกิริยาเคมีกับนํ้าของธาตุหมู่ IA IIA และธาตุแทรนซิชัน
3. ระบุสมบัติความเป็นกรดและเบสของสารละลายที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาเคมี
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
38
กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า
 วัสดุอุปกรณ์ และสารเคมี
บีกเกอร์ขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร 2 ใบ
กระบอกตวง 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1 อัน
หลอดหยด 1 อัน
ที่วางหลอดทดลอง 1 อัน
หลอดทดลองขนาดกลาง 6 หลอด
กระดาษทราย 1 แผ่น
ปากคีบ 1 อัน
นํ้ากลั่น
ฟีนอล์ฟทาลีน
โลหะโซเดียม (Na)
โลหะแมกนีเซียม (Mg)
โลหะทองแดง (Cu)
โลหะสังกะสี (Zn)
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
39
 วิธีการทากิจกรรม
1. ตวงนํ้ากลั่นปริมาตร 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลงในบีกเกอร์ขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร หยดฟีนอล์ฟทาลีน
ลงในบีกเกอร์ จํานวน 2 หยด สังเกตการเปลี่ยนแปลง และบันทึกผล
2. ใช้ปากคีบ คีบชิ้นโลหะโซเดียม (Na) ใส่ลงในบีกเกอร์ (ทําการทดลองที่โต๊ะของตนเอง) สังเกตการเปลี่ยนแปลง
และบันทึกผล
3. เติมนํ้ากลั่นลงในหลอดทดลองขนาดกลางจํานวน 3 หลอด หลอดละ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร กําหนดเป็น
หลอดที่ 1 2 และ 3 หยดฟีนอล์ฟทาลีน ลงไปหลอดละ 2 หยด ใส่โลหะแมกนีเซียม (Mg) ทองแดง (Cu) และ
สังกะสี (Zn) ที่ขัดสะอาดแล้ว ลงในหลอดทดลองตามลําดับ สังเกตการเปลี่ยนแปลง และบันทึกผล
4. ทําการทดลองอีกครั้ง (ข้อ 3) แต่เปลี่ยนเป็นใช้นํ้ากลั่นที่อุณหภูมิ 60 - 80 oC แทนนํ้าที่อุณหภูมิห้อง สังเกต
การเปลี่ยนแปลง และบันทึกผล
กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
40
ชนิด
ของโลหะ
น้า
(อุณหภูมิห้อง)
น้า
(อุณหภูมิ 60 - 80 oC)
โซเดียม
(Na)
ไม่ทาการทดลอง
(อันตราย)
แมกนีเซียม
(Mg)
ทองแดง
(Cu)
สังกะสี
(Zn)
กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า
 ผลการทากิจกรรม
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
41
 สรุปผลการทากิจกรรม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
 คาถามท้ายกิจกรรม
1. สารละลายในบีกเกอร์ที่ใส่โลหะโซเดียมมีสมบัติเป็นกรดหรือเบสทราบได้อย่างไร
2. สารละลายในบีกเกอร์ที่ใส่โลหะแมกนีเซียมมีสมบัติเป็นกรดหรือเบสทราบได้อย่างไร
3. เพราะเหตุใดจึงไม่ควรทําการทดลองระหว่างโลหะโซเดียมกับนํ้าที่อุณหภูมิ 60 oC
4. เปรียบเทียบความสามารถในการทําปฏิกิริยากับนํ้าของโลหะโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง และ สังกะสี
5. เปรียบเทียบความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยากับนํ้าของโลหะโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง และ สังกะสี
กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
42
สารประกอบของโลหะแทรนซิชันส่วนใหญ่มีสี (ยกเว้นหมู่ IIIB)
สารประกอบของโลหะหมู่หลัก (IA,IIA) ไม่มีสี
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
43
ธาตุ จัดเรียง e ในระดับพลังงานย่อย VE
29Cu 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d10 1
30Zn 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 2
ธาตุ จัดเรียง e ในระดับพลังงานย่อย VE
11Na 1s2 2s2 2p6 3s1 1
12Mg 1s2 2s2 2p6 3s2 2
• เกิดปฏิกิริยากับนํ้าได้ดีกว่าโลหะแทรนซิชัน
• มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยาดีกว่าโลหะแทรนซิชัน
• ทําปฏิกิริยากับนํ้า จะได้สารละลายที่มีสมบัติเป็นเบส
โลหะแทรนซิชัน โลหะหมู่หลัก (IA,IIA)
• ไม่ทําปฏิกิริยากับนํ้า
• มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยาน้อยมาก
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
44
ธาตุ รัศมีอะตอม จุดหลอมเหลว จุดเดือด ความหนาแน่น IE1 EN
K 227 63 759 0.89 425 0.82
Ca 197 842 1,484 1.54 596 1.00
Sc 160 1,541 2,836 2.99 639 1.36
Ti 150 1,670 3,287 4.51 665 1.54
V 140 1,910 3,407 6.00 657 1.63
โลหะแทรนซิชัน
โลหะหมู่หลัก
(IA,IIA)
โลหะหมู่หลัก (IA,IIA) และโลหะแทรนซิชัน มี IE1 และ EN ต่า
1
โลหะแทรนซิชัน มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูงกว่า โลหะหมู่หลัก (IA,IIA)
2
รัศมีอะตอมโลหะแทรนซิชัน มีค่าใกล้เคียงกัน และมีขนาดเล็กกว่า K , Ca ที่เป็นธาตุคาบเดียวกัน
3
สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition)
45
ธาตุ จัดเรียง e ในระดับพลังงานย่อย VE
21Sc 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d1 2
22Ti 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d2 2
23V 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d3 2
24Cr 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d5 1
25Mn 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d5 2
26Fe 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d6 2
27Co 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d7 2
28Ni 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d8 2
29Cu 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d10 1
30Zn 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 2
ธาตุ จัดเรียง e ในระดับพลังงานย่อย VE
3Li 1s2 2s1 1
11Na 1s2 2s2 2p6 3s1 1
19K 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 1
37Rb 1s2 2s2 2p6 3s2 4s2 3d5 4p6 5s1 1
4Be 1s2 2s2 2
12Mg 1s2 2s2 2p6 3s2 2
20Ca 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 2
38Sr 1s2 2s2 2p6 3s2 4s2 3d5 4p6 5s2 2
• ส่วนใหญ่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนในคาบที่ 4 เท่ากับ 2 (ยกเว้น Cr,Cu)
• อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายบรรจุอยู่ใน d ออร์บิทัล
• อิเล็กตรอนในระดับพลังงานถัดเข้ามาจากเวเลนซ์
มีจํานวนไม่เท่ากัน
• โลหะหมู่หลัก IA มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 1
• โลหะหมู่หลัก IIA มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2
• อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายบรรจุอยู่ใน s ออร์บิทัล
• อิเล็กตรอนในระดับพลังงานถัดเข้ามาจากเวเลนซ์
มีจํานวนเท่ากัน
โลหะแทรนซิชัน โลหะหมู่หลัก (IA,IIA)
ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element)
46
• ธาตุกัมมันตรังสี หมายถึง ธาตุที่สลายตัวแล้วให้ รังสี เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ที่
เกิดขึ้นที่นิวเคลียสของอะตอมของธาตุ
• กัมมันตภาพรังสี (Radioactivity) เป็นปรากฏการณ์ที่ธาตุสามารถ แผ่รังสี ต่าง ๆ และ
พลังงานออกมาเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา อันเนื่องมาจากนิวเคลียสของอะตอมอยู่ใน
สภาพที่ไม่เสถียร แล้วกลายเป็นนิวเคลียสของธาตุใหม่ที่มีความเสถียรมากขึ้น
ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element)
47
อนุภาคหรือรังสี สัญลักษณ์นิวเคลียร์ สัญลักษณ์
แอลฟา +2
4
𝐻𝑒  ประกอบด้วย 2 โปรตอน 2 นิวตรอน มีเลขมวล
เท่ากับ 4 เหมือนนิวเคลียสของธาตุ He มีอานาจ
ทะลุทะลวงต่ามาก ไม่สามารถผ่านแผ่นกระดาษหรือ
โลหะบางๆได้
บีตา −1
0
𝑒  รังสีที่มีมวลเท่ากับอิเล็กตรอน มีประจุไฟฟ
้ า -1
อานาจทะลุทะลวงสูงกว่ารังสีแอลฟา
แกมมา 0
0
  มีสมบัติคลื่นแม่เหล็กไฟฟ
้ าที่ไม่มีมวลและไม่มีประจุ
มีอานาจทะลุทะลวงสูง สามารถผ่านแผ่นกระดาษ
โลหะบางๆและแผ่นคอนกรีตหนาๆได้
รังสีที่แผ่ออกมาจากธาตุกัมมันตรังสีอาจเป
็ น รังสีแอลฟา (-ray) รังสีบีตา (-ray) หรือ รังสีแกมมา (-ray)
ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element)
48
อนุภาคหรือรังสี สัญลักษณ์นิวเคลียร์ สัญลักษณ์ ประจุ มวล
แอลฟา +2
4
𝐻𝑒  +2 4
บีตา −1
0
𝑒  -1 0
แกมมา 0
0
  0 0
โพสิตรอน +1
0
𝑒 + +1 0
นิวตรอน 0
1
𝑛 n 0 1
โปรตอน +1
1
𝑝 p +1 1
ดิวเทอรอน +1
2
𝑑 d +1 2
ทริทอน +1
3
𝑡 t +1 3
สรุปสมบัติของรังสีและอนุภาคต่างๆ ดังตารางต่อไปนี้
ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element)
49
ครึ่งชีวิต (Half life)
ครึ่งชีวิตของสารกัมมันตรังสี หมายถึง ระยะเวลาที่สารกัมมันตรังสีสลายตัวเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของ
ปริมาณเดิม ใช้สัญลักษณ์เป็น t1/2 นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ไม่เสถียร จะสลายตัวและแผ่รังสีได้เอง
ตลอดเวลา โดยไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิหรือความดัน อัตราการสลายตัวจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับจํานวนอนุภาค
ในธาตุกัมมันตรังสีนั้นปริมาณการสลายตัวจะบอกเป็นครึ่งชีวิต โดยที่ครึ่งชีวิตเป็ นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละ
ไอโซโทป
Nt =
𝑵𝒐
𝟐𝒏
สรุปแนวข้อสอบกลางภาคเรียนที่ 1/2563
50
1. ข้อสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือกจานวน 40 ข้อ
• แบบจําลองอะตอมตามทฤษฏีต่างๆ 5 ข้อ
• หลอดรังสีแคโทด 2 ข้อ
• การเกิดสเปกตรัมของธาตุ 4 ข้อ
• สัญลักษณ์นิวเคลียร์ และระบุจํานวน p n และ e รวมทั้งไอโซโทป ไอโซโทน และไอโซบาร์ 6 ข้อ
• การจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลังงานย่อย 8 ข้อ
• ระบุหมู่ คาบ ความเป็นโลหะ บอกแนวโน้มสมบัติของธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ 8 ข้อ
• บอกสมบัติของธาตุโลหะแทรนซิชัน และเปรียบเทียบสมบัติกับธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ 1 ข้อ
• อธิบายสมบัติและคํานวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี 4 ข้อ
• ยกตัวอย่างการนําธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 2 ข้อ
2. ข้อสอบอัตนัย จานวน 3 ข้อ
• คํานวณเกี่ยวพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ
้ า
• คํานวณเกี่ยวมวล ประจุ ของอิเล็กตรอน
• คํานวณครึ่งชีวิตธาตุกัมมันตรังสี
สรุปแนวข้อสอบกลางภาคเรียนที่ 1/2563
51
ขอให้นักเรียนทุกคนโชคดีและสอบผ่านค่ะ
52

หน่วยที่ 2 ตารางธาตุ

  • 1.
  • 2.
    ตารางธาตุและสมบัติของธาตุ • แถวธาตุในแนวตั้งเรียกว่า หมู่มีจํานวน 18 หมู่ แบ่งได้เป็นหมู่ A และ หมู่B • ธาตุในแนวนอนเรียกว่า คาบ มี ทั้งหมด 7 คาบ ตารางธาตุปัจจุบันเรียง ตามเลขอะตอมจาก ซ้ายไปขวา 2
  • 3.
    โดยธาตุบางหมู่มีชื่อเรียกเฉพาะ • ธาตุหมู่ IAยกเว้น H เรียกว่า โลหะแอลคาไลน์ • ธาตุหมู่ IIA เรียกว่า โลหะแอลคาไลน์เอิร์ท • ธาตุหมู่ VIIA เรียกว่า แฮโลเจน (Halogens) • ธาตุหมู่VIIIA ยกเว้น Og เรียกว่า แก๊สมีสกุล ตารางธาตุและสมบัติของธาตุ ธาตุในกรอบสี่เหลี่ยมมีข้อมูลต่าง ๆ เช่น สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอม มวลอะตอม และสมบัติความเป็นโลหะ ธาตุหมู่ A หรือ ธาตุหมู่หลัก เรียกว่า ธาตุเรพรีเซนเททีฟ (representative element) ธาตุหมู่ B เรียกว่า ธาตุแทรนซิชัน (transition element) 3
  • 4.
  • 5.
    การจัดกลุ่มของธาตุตามสมบัติความเป ็ นโลหะ โลหะ • มีสถานะเป็นของแข็ง •มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง • นาไฟฟ้าและนาความร้อนได้ดีมาก • มีค่า IE และ EN ตา 1 กึ่งโลหะ • มีสถานะเป็นของแข็ง • มีสมบัติอยู่กึงระหว่างโลหะ กับอโลหะ • มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง • นาไฟฟ้าได้ • มีค่า IE และ EN สูง 1 อโลหะ • มีทั้ง 3 สถานะ • มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นตา • ไม่นาไฟฟ้าและความร้อน (ยกเว้นแกรไฟต์) • มีค่า IE และ EN สูง 1 5
  • 6.
    โลหะแทรนซิซัน • มีสถานะเป็นของแข็ง (ยกเว้นปรอทเป็นของเหลว) •มีความเป็นโลหะน้อยกว่าโลหะ หมู่ 1A และ 2A • มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง • นาไฟฟ้าและนาความร้อนได้ดี มีค่า IE และ EN ตา แลนทานอยด์ • มีเลขอะตอมมาก • เป็นธาตุหายาก แอกทินอยด์ • เป็นธาตุกัมมันตรังสี • มีเลขอะตอมมาก • มีครึงชีวิตสั้น • เป็นธาตุหายาก การจัดกลุ่มของธาตุตามสมบัติความเป ็ นโลหะ 6
  • 7.
  • 8.
    1. ขนาดอะตอม (atomicradius) บอกขนาดอะตอมด้วย รัศมีอะตอม (atomic radius) ซึ่งมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของระยะระหว่าง นิวเคลียสของอะตอมคู่ที่สร้างพันธะต่อกันหรือที่อยู่ชิดกัน • ระยะห่างระหว่างนิวเคลียสของ ฟลูออรีน เท่ากับ 142 pm • รัศมีอะตอมของฟลูออรีน เท่ากับ 71 pm • ระยะห่างระหว่างนิวเคลียสของโบรมีน เท่ากับ 228 pm • รัศมีอะตอมของโบรมีน เท่ากับ 114 pm 8
  • 9.
    1. ขนาดอะตอม (atomicradius) บอกขนาดอะตอมด้วย รัศมีอะตอม (atomic radius) ซึ่งมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของระยะระหว่างนิวเคลียสของ อะตอมคู่ที่สร้างพันธะต่อกันหรือที่อยู่ชิดกัน การเปรียบเทียบขนาดอะตอมในคาบเดียวกัน 2,1 2,2 2,3 2,4 2,5 2,6 2,7 2,8 ขนาดอะตอมจะลดลงจากซ้ายไปขวา ตามเลขอะตอมที่เพิ่มขึ้น 9 ขนาดอะตอมจะลดลงจากซ้ายไปขวา ตามจํานวนโปรตอนในนิวเคลียสที่เพิ่มขึ้น
  • 10.
    1. ขนาดอะตอม (atomicradius) การเปรียบเทียบขนาดอะตอมในหมู่เดียวกัน 2,1 2,8,1 2,8,8,1 2,7 2,8,7 2,8,18,7 ขนาดอะตอมจะเพิ่มขึ้นจากบนลงล่าง ตามระดับชั้นพลังงานที่เพิ่มขึ้น 10
  • 11.
  • 12.
    2. ขนาดไอออน (ionicradius) ขนาดไอออนบอกเป็นค่า รัศมีไอออน (ionic radius) ซึ่งที่วัดได้จากระยะห่างระหว่างนิวเคลียส ของไอออนคู่หนึ่งๆ ที่มีแรงยึดเหนี่ยวกันในโครงผลึก • รัศมีไอออน O2- เท่ากับ 140 pm • รัศมีไอออน Mg2+ เท่ากับ 65 pm 12
  • 13.
    2. ขนาดไอออน (ionicradius) 2.1 ขนาดไอออนบวกของโลหะในคาบเดียวกัน ขนาดอะตอม 2,8,1 2,8,2 2,8,3 2,8,4 ขนาดไอออนบวก Na+ Mg2+ Al3+ Si4+ 2,8 2,8 2,8 2,8 • อะตอมที่เสียอิเล็กตรอนไป จะเปลี่ยนเป็นไอออนบวก • ถ้าเสียอิเล็กตรอนมาก ขนาดของไอออนบวกของ อะตอมนั้นยิ่งลดลง • อ ะ ต อ ม มีอิ เ ล็ ก ต ร อ น น้อยลง แต่จํานวนโปรตอน ในนิวเคลียสยังเท่าเดิม • อิเล็กตรอนที่เหลืออยู่จะถูก นิวเคลียสดึงดูดมากยิ่งขึ้น จึงทําให้ไอออนบวกมีขนาด เล็กกว่าขนาดอะตอม ยิ่งประจุบวกมาก ขนาดไอออนยิ่งเล็ก ในคาบเดียวกัน 13
  • 14.
    2. ขนาดไอออน (ionicradius) 2,1 2,8,1 2,8,8,1 2.2 ขนาดไอออนบวกของโลหะในหมู่เดียวกัน ขนาดอะตอม Na+ Li+ K+ 2 2,8 2,8,8 ขนาดไอออนบวก • หมู่เดียวกันเสียอิเล็กตรอน เท่ากันหรือไอออนบวกมี ประจุเท่ากัน • ไอออนบวกที่ระดับชั้น พลังงานมากกว่าจะมีขนาด ใหญ่กว่า ขนาดไอออนบวกในหมู่เดียวกันขนาดจะเพิ่มขึ้นจากบนลง ล่างตามระดับชั้นพลังงาน 14
  • 15.
    2. ขนาดไอออน (ionicradius) 2.3 ขนาดไอออนลบในคาบเดียวกัน ขนาดอะตอม 2,4 2,5 2,6 2,7 ขนาดไอออนลบ C4- N3- O2- F- 2,8 2,8 2,8 2,8 • อะตอมที่ได้รับอิเล็กตรอน เพิ่มเข้ามาจะจะเปลี่ยนเป็ น ไอออนลบ • ท า ใ ห้ มี จ า น ว น อิเล็กตรอนเพิ่มขึ้น แต่ จานวนโปรตอนคงเดิม • อิเล็กตรอนทั้งหมดจะถูก นิวเคลียสดึงดูดน้อยลง • ส่งผลให้ขนาดไอออนลบ ใหญ่กว่าขนาดอะตอม ยิ่งประจุลบมาก ขนาดไอออนลบยิ่งมี ขนาดใหญ่ ในคาบเดียวกัน C N O F 15
  • 16.
    2. ขนาดไอออน (ionicradius) 2,7 2,8,7 2,8,18,7 2.4 ขนาดไอออนลบในหมู่เดียวกัน ขนาดอะตอม Cl- F- Br- 2,8 2,8,8 2,8,18,8 ขนาดไอออนลบ • หมู่เดียวกันรับอิเล็กตรอน เพิ่มเท่ากันหรือไอออนลบมี ประจุเท่ากัน • ไอออนลบที่มีระดับชั้น พลังงานมากกว่าจะมีขนาด ใหญ่กว่า ขนาดไอออนลบในหมู่เดียวกันขนาดจะเพิ่มขึ้นจากบนลง ล่างตามระดับชั้นพลังงาน Cl F Br 16
  • 17.
    2. ขนาดไอออน (ionicradius) 2.5 เปรียบเทียบขนาดไอออนในคาบเดียวกัน ขนาดอะตอม 2,8,1 2,8,2 2,8,3 2,8,4 2,8,5 2,8,6 2,8,7 ขนาดไอออน Cl- Mg2+ Al3+ Si4+ 2,8 2,8 2,8 2,8 2,8,8 2,8,8 2,8,8 2,8,8 P3- S2- Na+ Si4- Cl P S 17
  • 18.
  • 19.
    3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionizationenergy : IE) พลังงานที่น้อยที่สุด ที่ใช้เพื่อทําให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอม ในสถานะแก๊ส เปลี่ยนเป็น ไอออนบวก ในสถานะแก๊ส การทําให้โซเดียมอะตอมกลายเป็นโซเดียมไอออนในสถานะแก๊ส เขียนสมการได้ดังนี้ Na(g)  Na+(g) + 1e– IE = 496 kJ/mol หลุดออก 19
  • 20.
    ธาตุทุกธาตุจะมีลาดับพลังงานไอออไนเซชันเท่ากับจานวนอิเล็กตรอน ภายในอะตอม 3. พลังงานไอออไนเซชัน(Ionization energy : IE) มี 1 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชันค่าเดียว คือ IE1 H Li มี 3 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชัน 3 ค่า คือ IE1 , IE2 , IE3 Na มี 11 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชัน 11 ค่า คือ IE1 – IE11 20
  • 21.
    3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionizationenergy : IE) Be มี 4 อิเล็กตรอน จึงมีค่าพลังงานไอออไนเซชัน 4 ค่า คือ IE1 , IE2 , IE3 , IE4 IE1 IE2 IE3 IE4 Be(g)  Be+(g) + 1e– IE1 Be+ (g)  Be2+(g) + 1e– IE2 Be2+ (g)  Be3+(g) + 1e– IE3 Be3+ (g)  Be4+(g) + 1e– IE4 21
  • 22.
    3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionizationenergy : IE) กราฟแสดงพลังงานไอออไนเซชัน ของธาตุบางชนิด อิเล็กตรอนในระดับชั้นพลังงานที่ 1 (n=1) อิเล็กตรอนในระดับชั้นพลังงานที่ 2 (n=2) อิเล็กตรอนที่อยู่ในระดับชั้นพลังงานเดียวกัน ค่า IE จะใกล้เคียงกัน อิเล็กตรอนที่อยู่ต่างระดับชั้นพลังงาน ค่า IE จะแตกต่างกันมาก 22
  • 23.
    3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionizationenergy : IE) กราฟแสดงพลังงานไอออไนเซชัน ของธาตุบางชนิด ธาตุหมู่ VIIIA มีค่า IE สูงที่สุด แสดงว่า เสียอิเล็กตรอนยากต้องใช้พลังงานมาก เพื่อทาให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอม ธาตุหมู่ IA มีค่า IE ต่าสุด แสดงว่า เสียอิเล็กตรอนง่ายที่สุด ใช้พลังงานเพียง เล็กน้อย อิเล็กตรอนก็หลุดออกจากอะตอม 23
  • 24.
    3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionizationenergy : IE) IE IE IE เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา ลดลงจากบนลงล่าง อะตอมใหญ่ IE ต่า อะตอมเล็ก IE สูง 24
  • 25.
    4. สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน (Electronaffinity : EA) 25 • ความสามารถในการรับอิเล็กตรอนของอะตอมในสถานะ แก๊สเกิดเป ็ นไอออนลบ • เมื่ออะตอมได้รับอิเล็กตรอนจะคายพลังงานออกมา อะตอมคลอรีนในสถานะแก๊สรับอิเล็กตรอน กลายเป็น คลอไรด์ไอออนในสถานะแก๊ส เขียนสมการได้ดังนี้ Cl(g) + 1e–  Cl-(g) EA = -349 kJ/mol Cl-(g)  Cl (g) + 1e– EA = +349 kJ/mol ทําให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากคลอไรด์ไอออนในสถานะแก๊ส ได้อะตอมคลอรีนในสถานะแก๊ส เขียนสมการได้ดังนี้
  • 26.
    4. สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน (Electronaffinity : EA) 26 กราฟแสดง สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน ของธาตุบางชนิด ธาตุหมู่ IA มีค่า EA ต่าที่สุด แสดงว่า ธาตุโลหะ มีแนวโน้ม ที่จะรับอิเล็กตรอนได้ยากกว่าธาตุอโลหะ ธาตุหมู่ IVIA มีค่า EA สูงสุด แสดงว่า ธาตุอโลหะ (ยกเว้นหมู่ VIIIA) มีแนวโน้ม ที่จะรับอิเล็กตรอนได้ดีกว่าธาตุโลหะ
  • 27.
    3. พลังงานไอออไนเซชัน (Ionizationenergy : IE) EA EA EA เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา ลดลงจากบนลงล่าง อะตอมใหญ่ EA ต่า อะตอมเล็ก EA สูง 27 รับอิเล็กตรอนไม่ดี รับอิเล็กตรอนได้ดี โลหะ อโลหะ
  • 28.
    5. อิเล็กโทรเนกาติวิตี (Electronegativity: EN) 28 ความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอน ของอะตอม หรือ ค่าเปรียบเทียบความสามารถใน การดึงอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะของอะตอมของธาตุต่าง ๆ ที่รวมกันในโมเลกุลของสาร
  • 29.
    5. อิเล็กโทรเนกาติวิตี (Electronegativity: EN) 29 สรุปแนวโน้มความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอน ของอะตอม คาบเดียวกัน ค่า EN เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวาตามเลขอะตอมที่เพิ่มขึ้น หมู่เดียวกัน ค่า EN ลดลงจากบนลงล่างตามเลขอะตอมที่เพิ่มขึ้น
  • 30.
    5. อิเล็กโทรเนกาติวิตี (Electronegativity: EN) 30 EN EN EN เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา ลดลงจากบนลงล่าง อะตอมใหญ่ EN ต่า อะตอมเล็ก EN สูง ดึงดูดอิเล็กตรอนไม่ดี ดึงดูดอิเล็กตรอนได้ดี โลหะ อโลหะ
  • 31.
    สรุปแนวโน้ม IE EAEN 31 เพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา ลดลงจากบนลงล่าง อะตอมใหญ่ อะตอมเล็ก IE EA EN ต่า IE EA EN สูง โลหะ อโลหะ IE EA EN IE EA EN IE EA EN
  • 32.
    โลหะแทรนซิซัน • มีสถานะเป็นของแข็ง (ยกเว้นปรอทเป็นของเหลว) •มีความเป็นโลหะน้อยกว่าโลหะ หมู่ 1A และ 2A • มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูง • นาไฟฟ้าและนาความร้อนได้ดี มีค่า IE และ EN ตา 1 แลนทานอยด์ • มีเลขอะตอมมาก • เป็นธาตุหายาก แอกทินอยด์ • เป็นธาตุกัมมันตรังสี • มีเลขอะตอมมาก • มีครึงชีวิตสั้น • เป็นธาตุหายาก ธาตุแทรนซิชัน (Transition) 32 เป็นธาตุที่พบในธรรมชาติและ ได้จากการสังเคราะห์ บางธาตุเป็นธาตุกัมมันตรังสี
  • 33.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 33 กิจกรรมที่ 2.4สีของสารประกอบ  จุดประสงค์ของกิจกรรม เปรียบเทียบสีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักกับโลหะแทรนซิชัน  วัสดุอุปกรณ์ และสารเคมี โพแทสเซียมไนเตรต (KNO3) แมงกานีสไดออกไซด์ (MnO2) โซเดียมซัลเฟต (Na2SO4) แมงกานีส(II)ซัลเฟต (MnSO4) แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) ซิงค์ซัลเฟต (ZnSO4) แคลเซียมซัลเฟต (CaSO4) คอปเปอร์(II)ซัลเฟต (CuSO4) แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) คอปเปอร์(II)คาร์บอเนต (CuCO3)
  • 34.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 34 กิจกรรมที่ 2.4สีของสารประกอบ  วิธีการทากิจกรรม 1. แบ่งกลุ่มสารประกอบตัวอย่างที่กําหนดให้ ว่าสารใดเป็นสารประกอบของโลหะหมู่หลัก และสารใดเป็นสารประกอบของโลหะแทรนซิชัน 2. สังเกตสีและเปรียบเทียบสีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักและสารประกอบของ โลหะแทรนซิชัน 3. บันทึกข้อมูลลงในตารางบันทึกผล
  • 35.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 35 กิจกรรมที่ 2.4สีของสารประกอบ  ผลการทากิจกรรม ตารางบันทึกผลการสังเกตสีและแบ่งกลุ่มสารประกอบ สารประกอบของโลหะหมู่หลัก สารประกอบของโลหะแทรนซิชัน สูตรเคมี สีของสารประกอบ สูตรเคมี สีของสารประกอบ
  • 36.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 36  สรุปผลการทากิจกรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. คาถามท้ายกิจกรรม 1. สีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักเป็นอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สีของสารประกอบของโลหะแทรนซิชันเป็นอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักและสารประกอบของโลหะแทรนซิชันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
  • 37.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 37 กิจกรรมที่ 2.5การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า  จุดประสงค์ของกิจกรรม 1. ทําการทดลองเพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีระหว่างโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง และสังกะสีกับนํ้า 2. เปรียบเทียบความว่องไวในการทําปฏิกิริยาเคมีกับนํ้าของธาตุหมู่ IA IIA และธาตุแทรนซิชัน 3. ระบุสมบัติความเป็นกรดและเบสของสารละลายที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาเคมี
  • 38.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 38 กิจกรรมที่ 2.5การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า  วัสดุอุปกรณ์ และสารเคมี บีกเกอร์ขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร 2 ใบ กระบอกตวง 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1 อัน หลอดหยด 1 อัน ที่วางหลอดทดลอง 1 อัน หลอดทดลองขนาดกลาง 6 หลอด กระดาษทราย 1 แผ่น ปากคีบ 1 อัน นํ้ากลั่น ฟีนอล์ฟทาลีน โลหะโซเดียม (Na) โลหะแมกนีเซียม (Mg) โลหะทองแดง (Cu) โลหะสังกะสี (Zn)
  • 39.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 39  วิธีการทากิจกรรม 1.ตวงนํ้ากลั่นปริมาตร 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลงในบีกเกอร์ขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร หยดฟีนอล์ฟทาลีน ลงในบีกเกอร์ จํานวน 2 หยด สังเกตการเปลี่ยนแปลง และบันทึกผล 2. ใช้ปากคีบ คีบชิ้นโลหะโซเดียม (Na) ใส่ลงในบีกเกอร์ (ทําการทดลองที่โต๊ะของตนเอง) สังเกตการเปลี่ยนแปลง และบันทึกผล 3. เติมนํ้ากลั่นลงในหลอดทดลองขนาดกลางจํานวน 3 หลอด หลอดละ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร กําหนดเป็น หลอดที่ 1 2 และ 3 หยดฟีนอล์ฟทาลีน ลงไปหลอดละ 2 หยด ใส่โลหะแมกนีเซียม (Mg) ทองแดง (Cu) และ สังกะสี (Zn) ที่ขัดสะอาดแล้ว ลงในหลอดทดลองตามลําดับ สังเกตการเปลี่ยนแปลง และบันทึกผล 4. ทําการทดลองอีกครั้ง (ข้อ 3) แต่เปลี่ยนเป็นใช้นํ้ากลั่นที่อุณหภูมิ 60 - 80 oC แทนนํ้าที่อุณหภูมิห้อง สังเกต การเปลี่ยนแปลง และบันทึกผล กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า
  • 40.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 40 ชนิด ของโลหะ น้า (อุณหภูมิห้อง) น้า (อุณหภูมิ 60- 80 oC) โซเดียม (Na) ไม่ทาการทดลอง (อันตราย) แมกนีเซียม (Mg) ทองแดง (Cu) สังกะสี (Zn) กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า  ผลการทากิจกรรม
  • 41.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 41  สรุปผลการทากิจกรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. คาถามท้ายกิจกรรม 1. สารละลายในบีกเกอร์ที่ใส่โลหะโซเดียมมีสมบัติเป็นกรดหรือเบสทราบได้อย่างไร 2. สารละลายในบีกเกอร์ที่ใส่โลหะแมกนีเซียมมีสมบัติเป็นกรดหรือเบสทราบได้อย่างไร 3. เพราะเหตุใดจึงไม่ควรทําการทดลองระหว่างโลหะโซเดียมกับนํ้าที่อุณหภูมิ 60 oC 4. เปรียบเทียบความสามารถในการทําปฏิกิริยากับนํ้าของโลหะโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง และ สังกะสี 5. เปรียบเทียบความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยากับนํ้าของโลหะโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง และ สังกะสี กิจกรรมที่ 2.5 การทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้า
  • 42.
  • 43.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 43 ธาตุ จัดเรียงe ในระดับพลังงานย่อย VE 29Cu 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d10 1 30Zn 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 2 ธาตุ จัดเรียง e ในระดับพลังงานย่อย VE 11Na 1s2 2s2 2p6 3s1 1 12Mg 1s2 2s2 2p6 3s2 2 • เกิดปฏิกิริยากับนํ้าได้ดีกว่าโลหะแทรนซิชัน • มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยาดีกว่าโลหะแทรนซิชัน • ทําปฏิกิริยากับนํ้า จะได้สารละลายที่มีสมบัติเป็นเบส โลหะแทรนซิชัน โลหะหมู่หลัก (IA,IIA) • ไม่ทําปฏิกิริยากับนํ้า • มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยาน้อยมาก
  • 44.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 44 ธาตุ รัศมีอะตอมจุดหลอมเหลว จุดเดือด ความหนาแน่น IE1 EN K 227 63 759 0.89 425 0.82 Ca 197 842 1,484 1.54 596 1.00 Sc 160 1,541 2,836 2.99 639 1.36 Ti 150 1,670 3,287 4.51 665 1.54 V 140 1,910 3,407 6.00 657 1.63 โลหะแทรนซิชัน โลหะหมู่หลัก (IA,IIA) โลหะหมู่หลัก (IA,IIA) และโลหะแทรนซิชัน มี IE1 และ EN ต่า 1 โลหะแทรนซิชัน มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแน่นสูงกว่า โลหะหมู่หลัก (IA,IIA) 2 รัศมีอะตอมโลหะแทรนซิชัน มีค่าใกล้เคียงกัน และมีขนาดเล็กกว่า K , Ca ที่เป็นธาตุคาบเดียวกัน 3
  • 45.
    สมบัติของธาตุแทรนซิชัน (Transition) 45 ธาตุ จัดเรียงe ในระดับพลังงานย่อย VE 21Sc 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d1 2 22Ti 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d2 2 23V 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d3 2 24Cr 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d5 1 25Mn 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d5 2 26Fe 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d6 2 27Co 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d7 2 28Ni 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d8 2 29Cu 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d10 1 30Zn 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 2 ธาตุ จัดเรียง e ในระดับพลังงานย่อย VE 3Li 1s2 2s1 1 11Na 1s2 2s2 2p6 3s1 1 19K 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 1 37Rb 1s2 2s2 2p6 3s2 4s2 3d5 4p6 5s1 1 4Be 1s2 2s2 2 12Mg 1s2 2s2 2p6 3s2 2 20Ca 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 2 38Sr 1s2 2s2 2p6 3s2 4s2 3d5 4p6 5s2 2 • ส่วนใหญ่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนในคาบที่ 4 เท่ากับ 2 (ยกเว้น Cr,Cu) • อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายบรรจุอยู่ใน d ออร์บิทัล • อิเล็กตรอนในระดับพลังงานถัดเข้ามาจากเวเลนซ์ มีจํานวนไม่เท่ากัน • โลหะหมู่หลัก IA มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 1 • โลหะหมู่หลัก IIA มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 • อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายบรรจุอยู่ใน s ออร์บิทัล • อิเล็กตรอนในระดับพลังงานถัดเข้ามาจากเวเลนซ์ มีจํานวนเท่ากัน โลหะแทรนซิชัน โลหะหมู่หลัก (IA,IIA)
  • 46.
    ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element) 46 •ธาตุกัมมันตรังสี หมายถึง ธาตุที่สลายตัวแล้วให้ รังสี เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ที่ เกิดขึ้นที่นิวเคลียสของอะตอมของธาตุ • กัมมันตภาพรังสี (Radioactivity) เป็นปรากฏการณ์ที่ธาตุสามารถ แผ่รังสี ต่าง ๆ และ พลังงานออกมาเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา อันเนื่องมาจากนิวเคลียสของอะตอมอยู่ใน สภาพที่ไม่เสถียร แล้วกลายเป็นนิวเคลียสของธาตุใหม่ที่มีความเสถียรมากขึ้น
  • 47.
    ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element) 47 อนุภาคหรือรังสีสัญลักษณ์นิวเคลียร์ สัญลักษณ์ แอลฟา +2 4 𝐻𝑒  ประกอบด้วย 2 โปรตอน 2 นิวตรอน มีเลขมวล เท่ากับ 4 เหมือนนิวเคลียสของธาตุ He มีอานาจ ทะลุทะลวงต่ามาก ไม่สามารถผ่านแผ่นกระดาษหรือ โลหะบางๆได้ บีตา −1 0 𝑒  รังสีที่มีมวลเท่ากับอิเล็กตรอน มีประจุไฟฟ ้ า -1 อานาจทะลุทะลวงสูงกว่ารังสีแอลฟา แกมมา 0 0   มีสมบัติคลื่นแม่เหล็กไฟฟ ้ าที่ไม่มีมวลและไม่มีประจุ มีอานาจทะลุทะลวงสูง สามารถผ่านแผ่นกระดาษ โลหะบางๆและแผ่นคอนกรีตหนาๆได้ รังสีที่แผ่ออกมาจากธาตุกัมมันตรังสีอาจเป ็ น รังสีแอลฟา (-ray) รังสีบีตา (-ray) หรือ รังสีแกมมา (-ray)
  • 48.
    ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element) 48 อนุภาคหรือรังสีสัญลักษณ์นิวเคลียร์ สัญลักษณ์ ประจุ มวล แอลฟา +2 4 𝐻𝑒  +2 4 บีตา −1 0 𝑒  -1 0 แกมมา 0 0   0 0 โพสิตรอน +1 0 𝑒 + +1 0 นิวตรอน 0 1 𝑛 n 0 1 โปรตอน +1 1 𝑝 p +1 1 ดิวเทอรอน +1 2 𝑑 d +1 2 ทริทอน +1 3 𝑡 t +1 3 สรุปสมบัติของรังสีและอนุภาคต่างๆ ดังตารางต่อไปนี้
  • 49.
    ธาตุกัมมันตรังสี (Radioactive element) 49 ครึ่งชีวิต(Half life) ครึ่งชีวิตของสารกัมมันตรังสี หมายถึง ระยะเวลาที่สารกัมมันตรังสีสลายตัวเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของ ปริมาณเดิม ใช้สัญลักษณ์เป็น t1/2 นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ไม่เสถียร จะสลายตัวและแผ่รังสีได้เอง ตลอดเวลา โดยไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิหรือความดัน อัตราการสลายตัวจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับจํานวนอนุภาค ในธาตุกัมมันตรังสีนั้นปริมาณการสลายตัวจะบอกเป็นครึ่งชีวิต โดยที่ครึ่งชีวิตเป็ นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละ ไอโซโทป Nt = 𝑵𝒐 𝟐𝒏
  • 50.
    สรุปแนวข้อสอบกลางภาคเรียนที่ 1/2563 50 1. ข้อสอบแบบปรนัย4 ตัวเลือกจานวน 40 ข้อ • แบบจําลองอะตอมตามทฤษฏีต่างๆ 5 ข้อ • หลอดรังสีแคโทด 2 ข้อ • การเกิดสเปกตรัมของธาตุ 4 ข้อ • สัญลักษณ์นิวเคลียร์ และระบุจํานวน p n และ e รวมทั้งไอโซโทป ไอโซโทน และไอโซบาร์ 6 ข้อ • การจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลังงานย่อย 8 ข้อ • ระบุหมู่ คาบ ความเป็นโลหะ บอกแนวโน้มสมบัติของธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ 8 ข้อ • บอกสมบัติของธาตุโลหะแทรนซิชัน และเปรียบเทียบสมบัติกับธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ 1 ข้อ • อธิบายสมบัติและคํานวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี 4 ข้อ • ยกตัวอย่างการนําธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 2 ข้อ 2. ข้อสอบอัตนัย จานวน 3 ข้อ • คํานวณเกี่ยวพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ ้ า • คํานวณเกี่ยวมวล ประจุ ของอิเล็กตรอน • คํานวณครึ่งชีวิตธาตุกัมมันตรังสี
  • 51.
  • 52.