บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
1.สารเสพติด
ยาเสพติด หมายถึง สารใดก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะห์ขึ้น เมื่อนาเข้าสู้
ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใด ๆ แล้วทาให้เกิดผลต่อร่างกายและ
จิตใจ นอกจากนี้ยังจะทาให้เกิดการเสพติดได้ หากใช้สารนั้นเป็นประจาทุกวัน หรือวันละหลาย ๆ ครั้ง
ลักษณะสาคัญของสารเสพติด จะทาให้เกิดอาการ และอาการแสดงต่อผู้เสพดังนี้
๑. เกิดอาการดื้อยา หรือต้านยา และเมื่อติดแล้ว ต้องการใช้สารนั้นในประมาณมากขึ้น
๒. เกิดอาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมื่อใช้สารนั้นเท่าเดิม ลดลง หรือหยุดใช้
๓. มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างรุนแรงตลอดเวลา
๔. สุขภาพร่างกายทรุดโทรมลง เกิดโทษต่อตนเอง ครอบครัว ผู้อื่น ตลอดจนสังคม และ
ประเทศชาติ
2.โทษของสารเสพติด
การควบคุมยาเสพติดให้โทษ โดยทั่วไปยึดถือหลักในการพิจารณาว่า ตัวยานั้นทาให้เกิดการเสี่ยงต่อ
การติดยาของประชากรในระดับรุนแรงอย่างไร และประโยชน์ของยาในการรักษาโรคมากน้อยเพียงใด ซึ่งจาก
หลักการดังกล่าว พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ได้จัดประเภทของยาเสพติดให้โทษออกเป็น 5
ประเภท ดังนี้
ประเภทที่1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เป็นยาที่ไม่มีการนามาใช้ในทางการแพทย์ และทาให้เกิดการเสี่ยง
ต่อการติดยาของประชากรในระดับรุนแรง เช่น เฮโรอีน ยาบ้า ยาอี เป็นต้น
ประเภทที่2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เป็นยาที่มีประโยชน์ในการรักษาโรคในระดับน้อยจนถึงมาก และทาให้เกิด
การเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรในระดับที่ต้องพึงระวัง เช่น มอร์ฟีน โคเคน โคเดอีน เป็นต้น
ประเภทที่3 ยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท2 เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย ตามที่ได้ขึ้นทะเบียนตารับ
ไว้ เป็นยาที่ทาให้เกิดการเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรน้อย แต่ยังคงมีอันตราย และมีประโยชน์มากในการ
รักษาโรคเช่น ยาแก้ไอผสมโคเดอีน เป็นต้น
ประเภทที่4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท1 หรือประเภท2 เช่น อาเซติคแอนไฮไดรด์
(Acetic Anhydride) อาเซติลคลอไรด์ (Acetyl Chloride)
ประเภทที่5 ยาเสพติดให้โทษที่มิได้อยู่ในประเภทที่1 ถึงประเภทที่4 เช่น กัญชา พืชกระท่อม เห็ดขี้ควาย เป็น
ต้น
ภาพที่ 2.1 ยาเสพติด
ภาพที่ 2.2 โครงการเราคนไทยร่วมใจต้านยาเสพติด

บทที่ 2

  • 1.
    บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 1.สารเสพติด ยาเสพติด หมายถึงสารใดก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะห์ขึ้น เมื่อนาเข้าสู้ ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใด ๆ แล้วทาให้เกิดผลต่อร่างกายและ จิตใจ นอกจากนี้ยังจะทาให้เกิดการเสพติดได้ หากใช้สารนั้นเป็นประจาทุกวัน หรือวันละหลาย ๆ ครั้ง ลักษณะสาคัญของสารเสพติด จะทาให้เกิดอาการ และอาการแสดงต่อผู้เสพดังนี้ ๑. เกิดอาการดื้อยา หรือต้านยา และเมื่อติดแล้ว ต้องการใช้สารนั้นในประมาณมากขึ้น ๒. เกิดอาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมื่อใช้สารนั้นเท่าเดิม ลดลง หรือหยุดใช้ ๓. มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างรุนแรงตลอดเวลา ๔. สุขภาพร่างกายทรุดโทรมลง เกิดโทษต่อตนเอง ครอบครัว ผู้อื่น ตลอดจนสังคม และ ประเทศชาติ 2.โทษของสารเสพติด การควบคุมยาเสพติดให้โทษ โดยทั่วไปยึดถือหลักในการพิจารณาว่า ตัวยานั้นทาให้เกิดการเสี่ยงต่อ การติดยาของประชากรในระดับรุนแรงอย่างไร และประโยชน์ของยาในการรักษาโรคมากน้อยเพียงใด ซึ่งจาก หลักการดังกล่าว พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ได้จัดประเภทของยาเสพติดให้โทษออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ ประเภทที่1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เป็นยาที่ไม่มีการนามาใช้ในทางการแพทย์ และทาให้เกิดการเสี่ยง ต่อการติดยาของประชากรในระดับรุนแรง เช่น เฮโรอีน ยาบ้า ยาอี เป็นต้น ประเภทที่2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เป็นยาที่มีประโยชน์ในการรักษาโรคในระดับน้อยจนถึงมาก และทาให้เกิด การเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรในระดับที่ต้องพึงระวัง เช่น มอร์ฟีน โคเคน โคเดอีน เป็นต้น ประเภทที่3 ยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท2 เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย ตามที่ได้ขึ้นทะเบียนตารับ ไว้ เป็นยาที่ทาให้เกิดการเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรน้อย แต่ยังคงมีอันตราย และมีประโยชน์มากในการ รักษาโรคเช่น ยาแก้ไอผสมโคเดอีน เป็นต้น
  • 2.
    ประเภทที่4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท1 หรือประเภท2เช่น อาเซติคแอนไฮไดรด์ (Acetic Anhydride) อาเซติลคลอไรด์ (Acetyl Chloride) ประเภทที่5 ยาเสพติดให้โทษที่มิได้อยู่ในประเภทที่1 ถึงประเภทที่4 เช่น กัญชา พืชกระท่อม เห็ดขี้ควาย เป็น ต้น ภาพที่ 2.1 ยาเสพติด ภาพที่ 2.2 โครงการเราคนไทยร่วมใจต้านยาเสพติด