บทที่ 
ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์
โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ
นักเรียนคิดว่า ในการเล่นกีฬาดังภาพผู้เล่นต้องอาศัยพลังงาน และการ
ทางานที่สัมพันธ์ของระบบต่างๆ พลังงานเหล่านั้นมาจากไหน และระบบ
ต่างๆทางานสัมพันธ์กันอย่างไร
นักเรียนคิดว่า ในการเล่นกีฬาดังภาพผู้เล่นต้องอาศัยพลังงาน และการ
ทางานที่สัมพันธ์ของระบบต่างๆ พลังงานเหล่านั้นมาจากไหน และระบบ
ต่างๆทางานสัมพันธ์กันอย่างไร
ในการทากิจกรรมใดๆ ก็ตามต้องอาศัย...
การทางานที่สัมพันธ์กันของระบบต่างๆในร่างกาย
รวมถึงต้องใช้สิ่งสาคัญที่เรียกว่า..“พลังงาน”
“อาหารถือ เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย”
ระบบย่อยอาหาร(DigestionSystem)
คือ กระบวนการที่ร่างกายเปลี่ยนสภาพอาหารให้มีขนาดเล็ก
พอที่ร่างกายจะดูดซึม และนาไปใช้ได้ (หน่วยย่อยของอาหาร)
4.1การย่อยอาหารของจุลินทรีย์
และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ
4.1การย่อยอาหารของจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
ราและแบคทีเรีย มีการย่อยแบบภายนอกเซลล์ (Extracellulardigestion)
 โดยจะส่งน้าย่อยออกย่อยให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็กก่อนแล้วจึงดูดซึมเข้าเซลล์
ราและแบคทีเรีย
เซลล์โพรคาริโอต (Prokaryotic Cell)
4.2การย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
อะมีบา พารามีเซียม มีการย่อยแบบภายในเซลล์ (Intracellulardigestion)
 โดยจะมีวิธีการนาอาการเข้าที่ต่างกัน เช่นอะมีบาใช้วิธีฟาโกไซโตซิส
ส่วนพารามีเซียมอาหารจะเข้าทางร่องปาก โดยวิธีพิโนไซโทซิส
เข้ามาในรูปแบบของ Food Vacuole แล้วถูกย่อยโดยไลโซโซมต่อไป
4.2การย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
4.2การย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
4.2การย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การย่อยอาหารของอะมีบา
การย่อยอาหารของอะมีบา
การย่อยอาหารของพารามีเซียม
การย่อยอาหารของพารามีเซียม
สรุปการย่อยอาหารของจุลินทรีย์
ชนิดสิ่งมีชีวิต
ระบบทางเดิน
อาหาร
วิธีการกิน ลักษณะการย่อยอาหาร
รา และแบคทีเรีย ไม่มี
การย่อยอาหารนอก
เซลล์
สร้างน้าย่อยออกมา แล้วส่งไป
นอกเซลล์เพื่อสารโมเลกุลใหญ่ใน
เล็กลง แล้วดูดซึมเข้าเซลล์
อะมีบา ไม่มี ฟาโกไซโทซิส ย่อยในฟูดแวคิวโอล
พารามีเซียม ไม่มี
พิโนไซโทซิสโดยการ
พัดโบกของซีเลีย
ย่อยในฟูดแวคิวโอล
4.2การย่อยอาหารของสัตว์
โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ
1) ฟองน้ำ (Sponge)
ลาตัวมีรูโดยรอบ มีช่องว่างกลางลาตัว ที่ผนังด้านในเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหาร
เซลล์โคเอโนไซต์ (Choanocyte) มีแฟลกเจลลัมคอยพัดโบกอาหาร (<1 ไมครอน)
แล้วนาเข้าเซลล์ โดยวิธีฟาโกไซโตซิส
เซลล์อะมิโบไซต์ จานาอาหาร (5-50 ไมครอน) โดยวิธีฟาโกไซโตซิสเช่นกัน
เพิ่มเติม
อาหารของฟองน้าได้แก่ แบคทีเรีย และอินทรียสารต่างๆ
ถือว่าไม่มีทางเดินอาหาร น้าเข้าทางรูด้านข้าง เรียกว่า “ออสเทีย”
และออกทางรูด้านบนเรียกว่า “ออสคิวลัม”
ฟองน้ำ (Sponge)
ฟองน้ำ (Sponge)
ฟองน้ำ (Sponge)
ฟองน้ำ (Sponge)
ฟองน้ำ (Sponge)
2)ไฮดรา( Hydra)
มีทางเดินอาหารเป็นแบบปากถุงมีเข็มพิษ(Nematocyst)อยู่บริเวณหนวด(Tentacle)
อาหารจะเข้าสู่ เข้าสู่ช่องกลางลาตัว (GastrovascularCavity)
ที่ผนังด้านในประกอบด้วยเซลล์ ที่เรียกว่า แกสโตรโดรมิส (Gastrodermis)
อาหารของไฮดราคือ ตัวอ่อนของกุ้ง ปู และไรน้าเล็กๆ
 ไฮดรำ
แกสโตรโดรมิส(Gastrodermis)
1)นิวทริทิพเซลล์(Nutritivecell)
บางเซลล์มีแซ่2 เส้นเรียกว่าแฟลเจลเลตเซลล์(Flagellatecell)
 บางเซลล์คล้ายอะมีบาเรียกว่าอะมีบอยด์เซลล์(Amoebiolcell)
จะย่อยอาหารโดยใช้รูปแบบฟาโกไซโทซิส(หลังจากเซลล์ต่อมย่อยแล้ว)
2) เซลล์ต่อมหรือเซลล์ย่อยอาหาร (Glandcellordigestivecell)
 เป็นเซลล์ที่สร้างน้าย่อยและปล่อยออกมา จัดเป็นการย่อยอาหารแบบนอกเซลล์
เมื่ออาหารมีขนาดเล็กลงก็จะถูกนิวทริทิพเซลล์นาไปย่อยภายในเซลล์ต่อไป
 ไฮดรำ
 ชั้นแกสโตรโดรมิส (Gastrodermis) ประกอบด้วย
1) เซลล์ย่อยอาหาร หรือนิวทริทิพ เซลล์ (Nutritive cell)
 ไฮดรำ
1) เซลล์ย่อยอาหาร หรือนิวทริทิพ เซลล์ (Nutritive cell)
 ไฮดรำ
 ชั้นแกสโตรโดรมิส (Gastrodermis) ประกอบด้วย
1) เซลล์ย่อยอาหาร หรือนิวทริทิพ เซลล์ (Nutritive cell)
 ไฮดรำ
 ชั้นแกสโตรโดรมิส (Gastrodermis) ประกอบด้วย
1) เซลล์ย่อยอาหาร หรือนิวทริทิพ เซลล์ (Nutritive cell)
3)หนอนตัวแบน( Flatworm)
เช่น พลานาเรียจะมีทางเดินอาหารทอดยาวและแตกแขนงไปตามลาตัว
จะมีปาก และคอยหอย ยื่นออกมาเป็นท่อ เพื่อเป็นทางเข้าของอาหาร
ของเสียหรือกากอาหาก็จะออกทางปาก ถือเป็นทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์
3)หนอนตัวแบน( Flatworm)
4) ไส้เดือนดิน(Earthworm)
มีระบบทางเดินอาหารเป็นแบบช่องเปิด2 ทาง ประกอบด้วยปากซึ่งเป็นรูเปิดของปล้องที่หนึ่ง
 ต่อจากปากก็จะเป็นช่องปาก คอหอยมีกล้ามเนื้อหนาช่วยในการฮุบกิน
กระเพาะพักอาหารและมีกึ๋นช่วยในการบดอาหารลาไส้ย่อยอาหารและดูดซึมเข้าสู่ระบบเลือด
 และปล่อยของเสียออกทางทวารหนัก ถือเป็นทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์
4) ไส้เดือนดิน(Earthworm)
ปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะพักอาหาร
กึ๋น ลาไส้ ทวารหนัก
5) แมลง(Insect)
ทางเดินอาหารแบบช่องเปิด2 ทาง ปากมีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างออกไปเช่นกัด/ดูด
 พื้นฐานของทางเดินอาหารที่เหมือนกันคือปากคอหอยหลอดอาหารกระเพาะพักอาหารกึ๋น
กระเพาะอาหารลาไส้และทวารหนัก
5) แมลง(Insect)
6) การย่อยอาหารของสัตว์กินพืช
6) การย่อยอาหารของสัตว์กินพืช
การมีทางเดินอาหารที่ยาวมากๆยาวถึงเกือบ40เมตร
ทาให้ระยะเวลาในการย่อยและการดูดซึมสารอาหารนานยิ่งขึ้น(ต้องใช้จุลินทรีย์ช่วยย่อย)
มีกระเพาะอาหาร4 ส่วนคือกระเพาะผ้าขี้ริ้ว(Rumen),กระเพาะรังผึ้ง(reticulum),
กระเพาะสามสิบกลีบ(omasum),กระเพาะจริง(อะโบมาซัม)
6) การย่อยอาหารของสัตว์กินพืช
อวัยวะในระบบย่อยอาหารของคน
๑. ปากและโพรงปาก
เป็นอวัยวะส่วนแรกของระบบทางเดินอาหาร มีหน้าที่เป็นทางเข้าของอาหาร
เมื่ออาหารเข้าสู่ปาก จะถูกบดด้วยฟัน มีลิ้นช่วยคลุกเคล้าอาหารให้เข้าน้้าลาย
๑.๑ ฟัน (Teeth)
มีหน้าที่ในการตัด ฉีก และบดอาหาร
แบ่งเป็น ฟันตัด ฟันฉีก ฟันกรามหน้า ฟันกรามหลัง
๑.๒ ลิ้น (Tongue)
 บอกต้าแหน่งอาหาร กลืนอาหารและเปล่งเสียง
และมีหน่วยรับรู้สารเคมี ในการรับรสอาหาร และคลุกเคล้าอาหารให้เป็นก้อน แล้วช่วย
ส่งอาหารเข้าสู่ทางเดินอาหาร
๑.๓ ต่อมน้้าลาย
 สร้างน้้าลาย(Saliva) ซึ่งประกอบด้วย เอนไซม์ อะไมเลส น้้า และเมือก
มี ๓ คู่ คือ ต่อมน้้าลายใต้ลิ้นต่อมน้้าลายใต้ขากรรไกรและต่อมน้้าลายข้างกกหู
การหลั่งน้้าลาย
 การหลั่งน้้าลายออกมาวันละ ๑,๐๐๐ - ๑,๕๐๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร
 จะเกิดเมื่อระบบประสาทถูกกระตุ้น เช่น การมองเห็นอาหาร กลิ่นอาหาร รสอาหาร
หรือความนึกถึงอาหาร
คอหอย (Pharynx)
เป็นจุดเชื่อมระหว่างโพรงจมูกกับปาก
 เมื่อเริ่มการกลืน เพดานอ่อน ยกขึ้นปิดช่องจมูก ฝาปิดกล่องเสียง จะปิดหลอดลม
คอหอย (Pharynx)
 หลอดอาหาร (Esophagus)
ยาวประมาณ 25 ซม. ไม่มีต่อมที่ท้าหน้าที่สร้างน้้าย่อย
 เกิดการหดตัวเป็นลูกคลื่นของผนังกล้ามเนื้อหลอดอาหาร เรียกว่า เพอริสทัลซิส ไล่ให้
อาหารตกลงสู่กระเพาะอาหาร
 กระเพาะอาหาร (Stomach)
 อยู่ภายในช่องท้องด้านซ้ายใต้กะบังลม ยืดขยายได้ดี แข็งแรงมาก สามารถขยายความจุ
ได้ถึง ๕๐๐ – ๒,๐๐๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร
 กล้ามเนื้อหูรูดอยู่ ๒ แห่ง คือที่ต่อกับหลอดอาหาร และที่ต่อกับล้าไส้เล็ก
พบเอนไซม์ที่ส้าคัญ 2 ชนิด คือ เปบซิน และเรนนิน
 กระเพาะอาหาร (Stomach)
มีเซลล์ส้าคัญ 3 เซลล์ สร้างเมือก สร้างไฮโดรคลอริก และเพปซิโนเจน
 เมื่ออาหารมาถึงกระเพาะอาหารจะหลั่งฮอร์โมนแกสตริน กระตุ้นการสร้างไฮโดรคลอริก
ซึ่งจะเปลี่ยนเพปซิโนเจน เป็นเปบซินที่พร้อมย่อยโปรตีน
ส่วนเมือกจะช่วยเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหารไว้ ไม่ให้ถูกท้าลาย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
เซลล์ของกระเพาะอาหารถูกท้าลายตลอดเวลา แต่ก็สร้างทดแทนตลอดเวลา
 การเกิดแผล เกิดจากกินอาหารไม่ตรงเวลา
การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนท้าให้การสร้างเมือกน้อยกว่าปกติ
และการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อการสร้างกรดไฮโดรคลอริกมากกว่าปกติ
ล้าไส้เล็ก (Small intestine)
มีลักษณะเป็นท่อยาวประมาณ ๖ – ๗ เมตร กว้าง ๒.๕ เซนติเมตร
 แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ดูโอดีนัม (Duodenum) ยาวประมาณ ๒๕ เซนติเมตร เจจูนัม
(Jejunum) ยาวประมาณ ๒.๕ เมตร และไอเลียม(Ileum) ยาวประมาณ ๔ เมตร
เมื่ออาหารถึงดูโอดีนัมจะสร้างฮอร์โมนให้ตับอ่อนสร้าง NaHCo3 เพื่อลดความเป็นกรด
ล้าไส้เล็ก (Small intestine)
 ผนังมีลักษณะคล้ายนิ้วมือ เรียกว่า วิลลัส (Villus)
เอนไซม์ที่สร้างเอง ได้แก่ มอลเทส ซูเครส แลกเทสและ และ อะมิโนเปบติเดส
เอนไซม์ที่ตับอ่อนสร้างอะไมเลส ไลเปส ทริปซิน คาร์บอกซิเพปทิเดส ส่วนตับจะผลิตน้้าดี
ถือเป็นอวัยวะที่มีการย่อยและดูดซึมมากที่สุด (เจจูนัม)
 ล้าไส้ใหญ่ (Large intestine)
- กากอาหาร รวมทั้งน้้า วิตามิน และแร่ธาตุบางส่วนที่ไม่ถูกดูดซึมจะเข้าสู่ล้าไส้ใหญ่
- ล้าไส้ใหญ่ของคนยาวประมาณ ๑.๕๐ เมตร กว้าง ประมาณ 2.5 ซม.
- ประกอบด้วย ซีกัม(Caecum) โคลอน (Colon) และ ไส้ตรง(Rectum)
- มีหน้าที่ดูดซึมน้้าและวิตามินบี ๑๒ และส่งกากอาหารออกทางไส้ตรงต่อไป
 ทวารหนัก (Anus)
-เป็นกล้ามเนื้อหูรูด ๒ ชั้น กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักอันในท้างานนอกอ้านาจจิตใจ
- จะเปิดออกเมื่อกากอาหารถูกส่งเข้าสู่ไส้ตรงจะมีปฏิกิริยารีเฟ็กซ์กระตุ้น
- แต่กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักอันนอกเปิดออกเมื่อร่างกายต้องการ

บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร