โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
ตารางวิเคราะหแบบทดสอบ
ชุดที่
ตารางวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด ตารางวิเคราะหระดับพฤติกรรมการคิด
มาตรฐาน ตัวชี้วัด ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับตัวชี้วัด
ระดับ
พฤติกรรม
การคิด
ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับ
ระดับพฤติกรรมการคิด รวม
1
ว 4.1
1 14-15 A ความรู ความจํา 1, 2, 14, 19, 25, 27-30, 33-34, 37-38 13
2 16-18 B ความเขาใจ 3-6, 9-10, 16-18, 20-21, 31-32,
44, 46
15
3 19-24
4 25-26 C การนําไปใช 12-13, 15, 22, 35-36, 39, 47-48 9
ว 4.2
1 1-8 D การวิเคราะห 7, 11, 23, 26, 45, 49 6
2 9-11 E การสังเคราะห 8, 24, 41-42 4
3 11-13 F การประเมินคา 40, 43, 50 3
ว 5.1
1 27-32
2 33-36
3 37
4 38-40
5 41
6 42
7 43
8 44-45
9 46-50
แบบทดสอบอิงมาตรฐาน
เนนการคิด
การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีจุดมุงหมายเพื่อใหผูเรียนอานออก เขียนได คิดคํานวณเปน มุงใหเกิดทักษะการเรียนรูตลอดชีวิต
เตรียมตัวเปนพลเมืองที่มีคุณภาพ และมีความสามารถในการแขงขันไดในอนาคต การจัดการเรียนรูที่สอดคลองกับจุดมุงหมายดังกลาว
จึงควรใหผูเรียนฝกฝนการนําความรูไปประยุกตใชในชีวิตจริง สามารถคิดวิเคราะหและแกปญหาได ดังนั้นเพื่อเปนการเตรียมความพรอม
ของผูเรียน ทางโครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด จึงไดจัดทําแบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด
โดยดําเนินการวิเคราะหสาระการเรียนรูที่สําคัญตามที่ระบุไวในมาตรฐานและตัวชี้วัดชั้นป แลวนํามากําหนดเปนระดับพฤติกรรมการคิด
เพื่อสรางแบบทดสอบที่มีคุณสมบัติ ดังน�้
แบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด ที่จัดทําโดย โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ประกอบดวย
แบบทดสอบ 3 ชุด แตละชุดมีทั้งแบบทดสอบปรนัย และแบบทดสอบอัตนัย โดยวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด และระดับพฤติกรรมการคิดที่
สัมพันธกับแบบทดสอบไวอยางชัดเจน เพื่อใหผูสอนนําไปใชเปนเครื่องมือวัดและประเมินผลผูเรียนไดอยางมีประสิทธิภาพ
สอดคลองกับมาตรฐาน
ตัวชี้วัดชั้นปทุกขอ
ตามระดับพฤติกรรมการคิด
ที่ระบุไวในตัวชี้วัด
วัดผลการเรียนรู เนนใหผูเรียนเกิดการคิด1 2 ผูสอนสามารถนําแบบทดสอบน�้ไปใชเปนเครื่องมือวัด
และประเมินผล รวมทั้งเปนเครื่องบงชี้ความสําเร็จและรายงาน
คุณภาพของผูเรียนแตละคน เพื่อเปนการเตรียมความพรอม
ของนักเรียนใหมีความสามารถในดานการใชภาษา ดานการ
คิดคํานวณ และดานเหตุผล สําหรับรองรับการประเมินผลผูเรียน
ในระดับประเทศ (O-NET) และระดับนานาชาติ (PISA) ตอไป
หมายเหตุ : มีเฉลยและคําอธิบายเชิงวิเคราะห อยูทายแบบทดสอบชุดที่ 3
(1)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
ชุดที่
ตารางวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด ตารางวิเคราะหระดับพฤติกรรมการคิด
มาตรฐาน ตัวชี้วัด ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับตัวชี้วัด
ระดับ
พฤติกรรม
การคิด
ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับ
ระดับพฤติกรรมการคิด รวม
2
ว 4.1
1 14-16 A ความรู ความจํา 1, 9, 14, 17, 21, 26, 28-29, 33 9
2 17-20 B ความเขาใจ 2-4, 15, 18, 22, 23, 30-32, 34, 41,
44-47
16
3 21-25
4 26-27 C การนําไปใช 5-6, 12, 19, 24, 35, 48 7
ว 4.2
1 1-8 D การวิเคราะห 10-11, 13, 16, 25, 36, 38, 49 8
2 9-11 E การสังเคราะห 7-8, 20, 27, 39-40, 43, 50 8
3 12-13 F การประเมินคา 37, 42 2
ว 5.1
1 28-32
2 33-36
3 37
4 38-40
5 41
6 42
7 43
8 44-45
9 46-50
3
ว 4.1
1 15-16 A ความรู ความจํา 1, 9, 18, 20-21, 28-29, 33, 38-39,
41, 42, 45-46
14
2 18-19
3 20-25 B ความเขาใจ 2-6, 10-11, 15-16, 22-23, 26,
30-31, 43, 47
16
4 26-27
ว 4.2
1 1-8 C การนําไปใช 19, 24, 34-35, 48 5
2 9-12 D การวิเคราะห 7, 12, 17, 36-37, 40, 49 7
3 13-14 E การสังเคราะห 8, 13, 25, 27, 32, 44, 50 7
ว 5.1
1 28-32 F การประเมินคา 14 1
2 33-37
3 38
4 39-40
5 41-42
6 43
7 44
8 45
9 46-50
(2)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
4. การกระจัดจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร
1. 30 เมตร 2. 50 เมตร
3. 70 เมตร 4. 90 เมตร
5. รถยนต A เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งโดยมีความเร็วเพิ่มขึ้น
2 เมตร/วินาที2
ทุกๆ 1 วินาที เมื่อสิ้นวินาทีที่ 5 รถยนต
จะมีความเร็วเทาไร
1. 5 เมตร/วินาที 2. 10 เมตร/วินาที
3. 15 เมตร/วินาที 4. 20 เมตร/วินาที
6. หากปลอยวัตถุใหตกลงมาในแนวดิ่งเมื่อเวลาผานไป4วินาที
วัตถุจะมีความเรงเทาใด
1. 9.8 เมตร/วินาที2
2. 19.6 เมตร/วินาที2
3. 29.4 เมตร/วินาที2
4. 39.2 เมตร/วินาที2
7.
จากภาพ ชวงเวลาใดที่วัตถุมีความเรงคงตัวเปนลบ
1. A 2. B
3. C 4. D
4.4. การกระจัดจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร
1. 30 เมตร 2. 50 เมตรB
5.5. รถยนต A เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งโดยมีความเร็วเพิ่มขึ้น
2 เมตร/วินาทีB
6.6. หากปลอยวัตถุใหตกลงมาในแนวดิ่งเมื่อเวลาผานไป4วินาที
วัตถุจะมีความเรงเทาใดB
7.7.
D
1. ขอใดเปนปริมาณเวกเตอรทั้งหมด
1. แรง โมเมนต นํ้าหนัก
2. ระยะทาง การกระจัด เวลา
3. ความเร็ว ความเรง อุณหภูมิ
4. ความเขมแสง นํ้าหนัก ความเร็ว
2. ขอใดกลาวถูกตอง
1. อัตราเร็ว หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา
2. ความเร็ว หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา
3. อัตราเรง หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา
4. ความเรง หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา
พิจารณาภาพแลวตอบคําถามขอ 3.-4.
1.1. ขอใดเปนปริมาณเวกเตอรทั้งหมด
1. แรง โมเมนต นํ้าหนักA
2.2. ขอใดกลาวถูกตอง
1. อัตราเร็ว หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลาA
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
50
ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แตละขอมีคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
จํานวน 50 ขอ ขอละ 1 คะแนน
ชื่อ …………………………………………………………………………………………………….. นามสกุล ……………………………………………………………………………………………..
เลขประจําตัวสอบ ……………………………………………………………………. โรงเรียน …………………………………………………………………………………………….
สอบวันที่ …………………….. เดือน ………………………………………………… พ.ศ. ………………………………………..
โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
60
แบบทดสอบว�ชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6
ชุดที่ 1
โรงเรียน
บาน
25
3015 ความเร็ว
เวลา
D
C
B
A
3. ระยะทางจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร
1. 30 เมตร 2. 50 เมตร
3. 70 เมตร 4. 90 เมตร
3.3. ระยะทางจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร
1. 30 เมตร 2. 50 เมตรB
ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา
A B C D E F
(3)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
8. เพราะเหตุใดเมื่อปลอยขนนกและกอนหินจากที่สูงในระดับ
เดียวกัน วัตถุทั้งสองนั้นจึงตกถึงพื้นไมพรอมกัน
1. ขนนกมีพื้นที่ผิวมากกวา
2. ขนนกมีมวลนอยกวากอนหิน
3. ขนนกมีคุณสมบัติในการลอยตัวไดดี
4. มีแรงตานในอากาศกระทําและพยุงขนนกไว
9. หากผูกเชือกเขากับจุกยางแลวเหวี่ยงใหจุกยางเคลื่อนที่เปน
วงกลมในระดับเหนือศีรษะดวยความเร็วคงตัว ขอใดถูกตอง
1. จุกยางมีความเร็วคงตัว
2. จุกยางมีความเรงเปนศูนย
3. แรงที่กระทําตอจุกยางมีทิศเขาสูศูนยกลางวงกลม
4. แรงที่กระทําตอจุกยางมีทิศเดียวกับความเร็วของ
จุกยาง
10. ขวางลูกบอล m จากตึกสูง 10 เมตร ไปในแนวระดับ
ดวยอัตราเร็ว 5 เมตรตอวินาที ลูกบอลจะตกสูพื้นดวย
ความเรงเทาไร
1. 5 เมตร/วินาที2
2. 10 เมตร/วินาที2
3. 15 เมตร/วินาที2
4. 20 เมตร/วินาที2
11. ขอใดเปนลักษณะของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล
1. เตยปนจักรยานไปซื้อของ
2. ธีรรถนํ้าตนไมดวยสายยาง
3. วินนั่งบนบอลลูนที่ลอยขึ้นจากพื้นดิน
4. ตาขับรถยนตเลี้ยวโคงบริเวณทางโคง
12. เพราะเหตุใดนักกระโดดรมที่กระโดดลงมาจากเครื่องบิน
จึงคอยๆ ตกลงมาอยางชาๆ
1. รมมีขนาดใหญ ทําใหตกลงมาอยางชาๆ
2. ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงมีคาลดลง
3. นักกระโดดรมถูกฝกใหลอยตัวไดเองในอากาศ
4. มีแรงตานในอากาศที่ปะทะกับรมทําใหความเรงมีคาลดลง
13. ดอกยางรถยนตมีความสําคัญตอการเคลื่อนที่ในทางโคง
อยางไร
1. ชวยใหรถเขาโคงไดเร็วขึ้น
2. เพิ่มความถี่ในการเคลื่อนที่ของรถยนต
3. เพิ่มแรงเสียดทานซึ่งเปนแรงเขาสูศูนยกลาง
4. ลดแรงเสียดทานเพื่อใหวัตถุเขาโคงไดเร็วขึ้น
8.8. เพราะเหตุใดเมื่อปลอยขนนกและกอนหินจากที่สูงในระดับ
เดียวกัน วัตถุทั้งสองนั้นจึงตกถึงพื้นไมพรอมกันE
9.9. หากผูกเชือกเขากับจุกยางแลวเหวี่ยงใหจุกยางเคลื่อนที่เปน
วงกลมในระดับเหนือศีรษะดวยความเร็วคงตัว ขอใดถูกตองB
10.10. ขวางลูกบอล m จากตึกสูง 10 เมตร ไปในแนวระดับ
ดวยอัตราเร็ว 5 เมตรตอวินาที ลูกบอลจะตกสูพื้นดวยB
11.11. ขอใดเปนลักษณะของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล
1. เตยปนจักรยานไปซื้อของD
12.12. เพราะเหตุใดนักกระโดดรมที่กระโดดลงมาจากเครื่องบิน
จึงคอยๆ ตกลงมาอยางชาๆC
13.13. ดอกยางรถยนตมีความสําคัญตอการเคลื่อนที่ในทางโคง
อยางไรC
14. สนามของแรงชนิดใดมีทิศตั้งฉากกับพื้นโลก
1. สนามไฟฟา 2. สนามแมเหล็ก
3. สนามโนมถวง 4. สนามแมเหล็กไฟฟา
15. ดาวเทียมโคจรรอบโลกไดอยางไร
1. มีตัวกลางอีเทอรอยูในอวกาศ
2. เปนผลเนื่องจากสนามโนมถวงของโลก
3. มีแรงขับจากเชื้อเพลิงภายในดาวเทียม
4. สมดุลระหวางแรงไฟฟาและแรงโนมถวงของดาวเทียม
16. การเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟาในลวดตัวนํามีลักษณะอยางไร
1. เปนการเคลื่อนที่ของโปรตอนในลวดตัวนํา
2. เปนการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในลวดตัวนํา
3. ทิศของกระแสไฟฟามีทิศเดียวกับการเคลื่อนที่ของ
โปรตอน
4. ทิศของกระแสไฟฟาสวนทางกับการเคลื่อนที่ของ
อิเล็กตรอน
17. ขอความใดตอไปนี้ไมถูกตอง
1. สนามไฟฟาเปนปริมาณเวกเตอร และมีทิศทางจาก
ประจุบวกไปประจุลบเสมอ
2. วัตถุที่เปนฉนวนไฟฟาจะไมยอมใหประจุไฟฟาไหลผาน
แตสามารถเกิดสนามไฟฟาไดถาถูกกระตุน
3. ประจุไฟฟาชนิดเดียวกัน ถาอยูใกลกันจะออกแรง
ผลักกัน และเคลื่อนที่หางกันไปเรื่อยๆ เปนระยะอนันต
4. ถานําวัตถุที่เปนกลางทางไฟฟาวางคั่นระหวางประจุ
บวกกับประจุลบ วัตถุนั้นจะไมสงผลใดๆ ตอสนามไฟฟา
18. วางอนุภาคอิเล็กตรอนลงในบริเวณซึ่งมีเฉพาะสนามไฟฟา
ที่มีทิศไปทางดานขวา ดังรูป อนุภาคอิเล็กตรอนจะมีการ
เคลื่อนที่เปนไปตามขอใด
1. เคลื่อนที่เปนเสนโคง เบนขึ้นขางบน
2. เคลื่อนที่เปนเสนโคง เบนลงขางลาง
3. เคลื่อนที่เปนเสนตรงขนานกับสนามไฟฟา
ไปทางดานขวา
4. เคลื่อนที่เปนเสนตรงขนานกับสนามไฟฟา
ไปทางดานซาย
14.14. สนามของแรงชนิดใดมีทิศตั้งฉากกับพื้นโลก
1. สนามไฟฟา 2. สนามแมเหล็กA
15.15. ดาวเทียมโคจรรอบโลกไดอยางไร
1. มีตัวกลางอีเทอรอยูในอวกาศC
16.16. การเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟาในลวดตัวนํามีลักษณะอยางไร
1. เปนการเคลื่อนที่ของโปรตอนในลวดตัวนําB
17.17. ขอความใดตอไปนี้ไมถูกตอง
1. สนามไฟฟาเปนปริมาณเวกเตอร และมีทิศทางจากB
18.18. วางอนุภาคอิเล็กตรอนลงในบริเวณซึ่งมีเฉพาะสนามไฟฟา
ที่มีทิศไปทางดานขวา ดังรูป อนุภาคอิเล็กตรอนจะมีการB
(4)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
19. ขอใดกลาวถึงสนามแมเหล็กไดถูกตอง
1. สนามแมเหล็กพัฒนาขึ้นมาจากสนามไฟฟา
2. สนามแมเหล็กพุงจากสารแมเหล็กชนิดตางๆ เขาสู
แมเหล็ก
3. สนามแมเหล็กพุงออกจากขั้วแมเหล็กใตไปยัง
ขั้วแมเหล็กเหนือ
4. สนามแมเหล็กพุงออกจากขั้วแมเหล็กเหนือไปยัง
ขั้วแมเหล็กใต
20. วัตถุชนิดใดไมถูกกระทําเมื่ออยูในสนามแมเหล็ก
1. ตะปู 2. ชอนสังกะสี
3. กระดาษสีเงิน 4. ลวดหนีบกระดาษ
21. เมื่อนําเข็มทิศมาวางใกลๆ กับกึ่งกลางแทงแมเหล็กที่
ตําแหนง ดังรูป เข็มทิศจะชี้ในลักษณะใด
1. 2.
3. 4.
22. หากตองการผลิตแมเหล็กชั่วคราวขึ้น สามารถทําไดดวย
วิธีใด
1. นําแทงเหล็กวางในบริเวณที่มีสนามไฟฟา
2. นําแทงเหล็กสองแทงมาถูกกันเพื่อใหเกิดสนามไฟฟา
3. นําแมเหล็กมาติดกับแทงเหล็กที่ตองการทําใหเกิด
อํานาจไฟฟา
4. นําลวดตัวนําพันรอบแทงโลหะแลวจายกระแสไฟฟา
ผานลวดตัวนํา
23. ขอใดไมใชปจจัยที่มีผลตอการผลิตกระแสไฟฟาของไดนาโม
1. จํานวนรอบของขดลวด
2. ความเขมของสนามแมเหล็ก
3. ปริมาณไฟฟาที่จายแกไดนาโม
4. ความเร็วในการเคลื่อนที่ของแทงแมเหล็ก
19.19. ขอใดกลาวถึงสนามแมเหล็กไดถูกตอง
1. สนามแมเหล็กพัฒนาขึ้นมาจากสนามไฟฟาA
20.20. วัตถุชนิดใดไมถูกกระทําเมื่ออยูในสนามแมเหล็ก
1. ตะปู 2. ชอนสังกะสีB
21.21. เมื่อนําเข็มทิศมาวางใกลๆ กับกึ่งกลางแทงแมเหล็กที่
ตําแหนง ดังรูป เข็มทิศจะชี้ในลักษณะใดB
22.22. หากตองการผลิตแมเหล็กชั่วคราวขึ้น สามารถทําไดดวย
วิธีใดC
23.23. ขอใดไมใชปจจัยที่มีผลตอการผลิตกระแสไฟฟาของไดนาโม
1. จํานวนรอบของขดลวดD
24. ขอใดแสดงการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟาในสนามแมเหล็ก
ไดถูกตอง
1. 2.
3. 4.
25. แรงระหวางอนุภาคซึ่งอยูภายในนิวเคลียสจะประกอบดวย
แรงอะไร
1. แรงนิวเคลียรเทานั้น
2. แรงนิวเคลียรและแรงไฟฟา
3. แรงนิวเคลียรและแรงดึงดูดระหวางมวล
4. แรงนิวเคลียร แรงไฟฟา และแรงดึงดูดระหวางมวล
26. เหตุใดโปรตอนซึ่งเปนอนุภาคบวกจึงสามารถอยูรวมกันได
ในนิวเคลียสของอะตอม
1. มีแรงผลักจากอิเล็กตรอนโดยรอบ
2. แรงทางไฟฟาระหวางโปรตอนหักลางกันพอดี
3. แรงนิวเคลียรภายในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวอนุภาคไว
4. นิวตรอนในนิวเคลียสชวยลดแรงผลักระหวางโปรตอน
27. ขอใดตอไปนี้ถูกตองเกี่ยวกับคลื่นตามยาว
1. เปนคลื่นที่ไมตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่
2. เปนคลื่นที่เคลื่อนที่ไปตามแนวยาวของตัวกลาง
3. เปนคลื่นที่อนุภาคของตัวกลางมีการสั่นไดหลายแนว
4. เปนคลื่นที่อนุภาคของตัวกลางมีการสั่นในแนวเดียวกับ
การเคลื่อนที่ของตัวกลาง
28. ปริมาณใดแปรผกผันกับความถี่คลื่น
1. อัตราเร็วคลื่น
2. คาบของคลื่น
3. การกระจัดของคลื่น
4. แอมพลิจูดของคลื่น
29. เมื่อโยนกอนหินลงไปในผิวนํ้านิ่งจะเกิดคลื่นนํ้าแผเปน
วงกลม คลื่นดังกลาวจัดเปนคลื่นประเภทใด
1. คลื่นวงกลม 2. คลื่นตามยาว
3. คลื่นตามขวาง 4. ไมสามารถสรุปได
24.24. ขอใดแสดงการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟาในสนามแมเหล็ก
ไดถูกตองE
25.25. แรงระหวางอนุภาคซึ่งอยูภายในนิวเคลียสจะประกอบดวย
แรงอะไรA
26.26. เหตุใดโปรตอนซึ่งเปนอนุภาคบวกจึงสามารถอยูรวมกันได
ในนิวเคลียสของอะตอมD
27.27. ขอใดตอไปนี้ถูกตองเกี่ยวกับคลื่นตามยาว
1. เปนคลื่นที่ไมตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่A
28.28. ปริมาณใดแปรผกผันกับความถี่คลื่น
1. อัตราเร็วคลื่นA
29.29. เมื่อโยนกอนหินลงไปในผิวนํ้านิ่งจะเกิดคลื่นนํ้าแผเปน
วงกลม คลื่นดังกลาวจัดเปนคลื่นประเภทใดA
N S
N
S
NS
N
S
x x x x x x x x x
x x x x x x x x x
x x x x x x x x x
x x x x x x x x x
+q
+q
+q
x x x x x x x x x
x x x x x x x x x
x x x x x x x x x
x x x x x x x x x
+q
N S
เข็มทิศ
(5)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
30. ขอใดกลาวถึงสมบัติของคลื่นไมถูกตอง
1. การหักเหของคลื่นเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผานรอยตอ
ระหวางตัวกลางที่มีสมบัติตางกัน
2. คลื่นที่มีความยาวคลื่นมากจะเกิดการเลี้ยวเบนของคลื่น
ไดดีกวาคลื่นที่มีความยาวคลื่นนอย
3. การสะทอนของคลื่น มุมของคลื่นตกกระทบจะเทากับ
มุมของคลื่นสะทอนเสมอ
4. ถาอัตราเร็วของคลื่นเปลี่ยนแปลงไป จะทําใหความถี่
ของคลื่นเปลี่ยนแปลงตามไปดวย
31. จากภาพ ความยาวของคลื่นมีคาเทาไร
1. 10 m 2. 20 m
3. 30 m 4. 40 m
32. จุมปากกาลงบนผิวนํ้า30 ครั้งในเวลา1 นาที คลื่นนํ้าจาก
ปลายปากกาเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว 0.05 เมตรตอวินาที
จงหาคาบของคลื่นนํ้าดังกลาว
1. 2 วินาที
2. 5 วินาที
3. 10 วินาที
4. 15 วินาที
33. อัตราเร็วของคลื่นเสียงในอากาศขึ้นอยูกับปจจัยในขอใด
1. ความเขมเสียง
2. อุณหภูมิของอากาศ
3. ความถี่ของแหลงกําเนิด
4. ความเร็วของแหลงกําเนิด
34. สมบัติตามขอใดของคลื่นเสียงที่เกี่ยวของกับการเกิดบีตส
1. การหักเห
2. การสะทอน
3. การเลี้ยวเบน
4. การสอดแทรก
30.30. ขอใดกลาวถึงสมบัติของคลื่นไมถูกตอง
1. การหักเหของคลื่นเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผานรอยตอA
31.31. จากภาพ ความยาวของคลื่นมีคาเทาไร
B
32.32. จุมปากกาลงบนผิวนํ้า30 ครั้งในเวลา1 นาที คลื่นนํ้าจาก
ปลายปากกาเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว 0.05 เมตรตอวินาทีB
33.33. อัตราเร็วของคลื่นเสียงในอากาศขึ้นอยูกับปจจัยในขอใด
1. ความเขมเสียงA
34.34. สมบัติตามขอใดของคลื่นเสียงที่เกี่ยวของกับการเกิดบีตส
1. การหักเหA
35. การเลนกีตารเมื่อตองการใหเกิดเสียงสูง เหตุใดจึงตอง
กดสายใหสั้นลง
1. เพื่อปรับคุณภาพเสียง
2. เพื่อเพิ่มความถี่ในการสั่น
3. เพื่อเพิ่มความเขมของเสียง
4. เพื่อเพิ่มความยาวคลื่นเสียง
36. ขอใดเปนการใชประโยชนจากการสะทอนของคลื่น
1. การสงสัญญาณวิทยุ
2. การเลนเครื่องดนตรี
3. การตรวจสอบชั้นหิน
4. การแยกสีแสงผานสเปกตรัม
37. องคการอนามัยโลก ไดกําหนดระดับของความเขมเสียงที่
ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกินกี่เดซิเบล และ
ไดยินติดตอกันไมเกินกี่ชั่วโมง
1. ไมเกิน75 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน8 ชั่วโมง
2. ไมเกิน85 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน8 ชั่วโมง
3. ไมเกิน75 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน9 ชั่วโมง
4. ไมเกิน85 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน9 ชั่วโมง
38. คลื่นใดตอไปนี้ มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด
1. คลื่นวิทยุ
2. คลื่นแสง
3. คลื่นไมโครเวฟ
4. คลื่นอินฟราเรด
39. เพราะเหตุใดเราจึงไมสามารถมองเห็นรังสีจากรีโมตโทรทัศน
1. ใชคลื่นเสียงในการควบคุม
2. ใชสัญญาณคลื่นวิทยุ ซึ่งไมสามารถมองเห็นไดดวย
ตาเปลา
3. ใชสัญญาณคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งไมสามารถมองเห็นได
ดวยตาเปลา
4. ใชสัญญาณคลื่นอินฟราเรด ซึ่งไมสามารถมองเห็นได
ดวยตาเปลา
40. คลื่นแมเหล็กไฟฟามีความสําคัญอยางไร
1. ชวยในการไดยิน
2. ชวยขับเคลื่อนไฟฟา
3. ชวยในการสื่อสารผานสุญญากาศ
4. เชื่อมโยงสนามไฟฟาและสนามแมเหล็กเขาดวยกัน
35.35. การเลนกีตารเมื่อตองการใหเกิดเสียงสูง เหตุใดจึงตอง
กดสายใหสั้นลงC
36.36. ขอใดเปนการใชประโยชนจากการสะทอนของคลื่น
1. การสงสัญญาณวิทยุC
37.37. องคการอนามัยโลก ไดกําหนดระดับของความเขมเสียงที่
ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกินกี่เดซิเบล และA
38.38. คลื่นใดตอไปนี้ มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด
1. คลื่นวิทยุA
39.39. เพราะเหตุใดเราจึงไมสามารถมองเห็นรังสีจากรีโมตโทรทัศน
1. ใชคลื่นเสียงในการควบคุมC
40.40. คลื่นแมเหล็กไฟฟามีความสําคัญอยางไร
1. ชวยในการไดยินF
การกระจัด (m)
ระยะทาง (m)0 10 20 30 40
-30
30
(6)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
41. จากการทดลองปลอยรังสีแอลฟาและรังสีบีตาผาน
สนามแมเหล็กสมํ่าเสมอ เมื่อรังสีทั้งสองเบี่ยงเบนใน
สนามแมเหล็กจะมีลักษณะตางกันหรือไม อยางไร
1. ไมแตกตางกัน เนื่องจากเบี่ยงเบนไปตามเสนทาง
เดียวกัน
2. แตกตางกัน คือ เบี่ยงเบนในทิศทางตรงกันขาม แตมี
รัศมีความโคงเทากัน
3. แตกตางกัน คือ เบี่ยงเบนในทิศทางเดียวกัน แตมีรัศมี
ความโคงแตกตางกัน
4. แตกตางกัน คือ เบี่ยงเบนในทิศทางตรงกันขาม และ
มีรัศมีความโคงแตกตางกัน
42. ขอใดกลาวไมถูกตอง
1. ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันหรือปฏิกิริยาลูกโซเหมาะที่จะ
นํามาผลิตกระแสไฟฟา
2. โรงไฟฟานิวเคลียรสามารถผลิตพลังงานไฟฟาได
ปริมาณมาก
3. ตนทุนจากมาตรการควบคุมดานความปลอดภัยของ
การผลิตไฟฟาดวยพลังงานนิวเคลียรตํ่ากวาการผลิต
ไฟฟาดวยพลังงานอื่น
4. การทํางานของเครื่องปฏิกรณนิวเคลียรทําใหเกิด
ของเสียที่เรียกวา กากกัมมันตรังสี ซึ่งเปนอันตราย
ตอสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
43. นักเรียนคิดวาพลังงานนิวเคลียรมีความสําคัญตอมนุษย
หรือไม อยางไร
1. ไมมี เพราะเปนพลังงานที่อันตราย ไมสามารถ
ควบคุมได
2. ไมมี เพราะเปนพลังงานที่ไมเสถียร อาจมีมาก
เกินความจําเปน
3. มี เพราะเปนพลังงานทดแทนพลังงานธรรมชาติได
ในอนาคต
4. มี เพราะเปนแหลงพลังงานที่สามารถใชประโยชน
ไดในระยะยาว
44. รังสีชนิดใดสามารถทําใหอากาศแตกตัวไดดีที่สุด
1. รังสีบีตา
2. รังสีแอลฟา
3. รังสีแกมมา
4. รังสีอินฟราเรด
41.41. จากการทดลองปลอยรังสีแอลฟาและรังสีบีตาผาน
สนามแมเหล็กสมํ่าเสมอ เมื่อรังสีทั้งสองเบี่ยงเบนในE
42.42. ขอใดกลาวไมถูกตอง
1. ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันหรือปฏิกิริยาลูกโซเหมาะที่จะE
43.43. นักเรียนคิดวาพลังงานนิวเคลียรมีความสําคัญตอมนุษย
หรือไม อยางไรF
44.44. รังสีชนิดใดสามารถทําใหอากาศแตกตัวไดดีที่สุด
1. รังสีบีตาB
45. รังสีA สามารถเคลื่อนที่ผานกระดาษบางๆ ไดดี แตไมเกิด
การเปลี่ยนแปลงเมื่อเคลื่อนที่ตั้งฉากผานสนามแมเหล็ก
สมํ่าเสมอ รังสี A เปนรังสีชนิดใด
1. รังสีบีตา
2. รังสีแกมมา
3. รังสีแอลฟา
4. รังสีอินฟราเรด
46. การคนพบกัมมันตภาพรังสี เบ็กเคอเรลทราบไดอยางไรวา
รอยดําจากฟลมไมไดเกิดจากรังสีเอกซ
1. ใชแผนฟลมที่ตางชนิดกัน
2. พบการเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็กของรังสีดังกลาว
3. รอยดํามีความเขมมากกวารอยดําเนื่องจากรังสีเอกซ
4. เบ็กเคอเรลคนพบรังสีดังกลาวกอนมีการคนพบ
รังสีเอกซ
47. การหาอายุของซากฟอสซิลโบราณมีการนําหลักการทาง
กัมมันตภาพรังสีมาใชไดอยางไร
1. วัดสเปกตรัมของรังสีที่แผออกมา
2. ฉายรังสีไปยังฟอสซิลเพื่อวัดรองรอยอายุ
3. ใชเครื่องมือตรวจจับชนิดของรังสีที่แตกตางกัน
4. ใชหลักการสลายตัวครึ่งชีวิตของสารกัมมันตรังสี
48. สารกัมมันตรังสีชนิดใดนํามาใชในการรักษาโรคมะเร็ง
ตอมไทรอยด
1. โคบอลต -60 2. ไอโอดีน -131
3. ไอโอดีน -132 4. แกลเลียม -67
49. ไอโซโทปใดสามารถเกิดการสลายตัวแลวไดกัมมันตภาพรังสี
1. 4
2He 2. 13
6C
3. 129
53 I 4. 60
27Co
50. นักเรียนคิดวาสารกัมมันตรังสีมีประโยชนในดานตางๆ
หรือไม อยางไร
1. มี เพราะสามารถใชประโยชนในการบําบัดรักษาโรคได
2. มี เพราะรังสีจากสารกัมมันตรังสีเปนสารที่มีมูลคาทาง
เศรษฐกิจ
3. ไมมี เพราะเปนสารอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง
4. ไมมี เพราะเปนสารที่ไมเสถียร และไมเปนประโยชน
ในทางวิทยาศาสตร
45.45. รังสีA สามารถเคลื่อนที่ผานกระดาษบางๆ ไดดี แตไมเกิด
การเปลี่ยนแปลงเมื่อเคลื่อนที่ตั้งฉากผานสนามแมเหล็กD
46.46. การคนพบกัมมันตภาพรังสี เบ็กเคอเรลทราบไดอยางไรวา
รอยดําจากฟลมไมไดเกิดจากรังสีเอกซB
47.47. การหาอายุของซากฟอสซิลโบราณมีการนําหลักการทาง
กัมมันตภาพรังสีมาใชไดอยางไรC
48.48. สารกัมมันตรังสีชนิดใดนํามาใชในการรักษาโรคมะเร็ง
ตอมไทรอยดC
49.49. ไอโซโทปใดสามารถเกิดการสลายตัวแลวไดกัมมันตภาพรังสี
1.D
50.50. นักเรียนคิดวาสารกัมมันตรังสีมีประโยชนในดานตางๆ
หรือไม อยางไรF
(7)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. จากการศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวเสนตรงโดยใชเครื่องเคาะสัญญาณเวลา ไดจุดบนแถบกระดาษ ดังรูป ซึ่งระยะหาง
ระหวางจุดมีชวงเวลาเทากัน จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเรงและเวลา
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. มอเตอรชนิดหนึ่งทําใหใบพัดหมุนเปนวงกลมดวยความถี่40 เฮิรตซ หากเปดใหใบพัดหมุนเปนเวลา1 นาที ใบพัดจะหมุนได
กี่รอบ และหมุนดวยคาบเทาไร
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. เพราะเหตุใดภายในมอเตอรจึงมีขดลวดและแมเหล็กเปนสวนประกอบ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. ใหนักเรียนวิเคราะหความหนาแนนของสนามแมเหล็กสําหรับแมเหล็กรูปเกือกมา พรอมแสดงเสนแรงแมเหล็ก
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
5. ไอโอดีน -128 มีคาครึ่งชีวิต 25 นาที ถาเริ่มตนมีไอโอดีน -128 อยู 400 มิลลิกรัม ไอโอดีน -128 จะลดลงเหลือ 50 มิลลิกรัม
เมื่อเวลาผานไปกี่นาที
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
1.1. จากการศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวเสนตรงโดยใชเครื่องเคาะสัญญาณเวลา ไดจุดบนแถบกระดาษ ดังรูป ซึ่งระยะหาง
ระหวางจุดมีชวงเวลาเทากัน จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเรงและเวลาE
2.2. มอเตอรชนิดหนึ่งทําใหใบพัดหมุนเปนวงกลมดวยความถี่40 เฮิรตซ หากเปดใหใบพัดหมุนเปนเวลา1 นาที ใบพัดจะหมุนได
กี่รอบ และหมุนดวยคาบเทาไรE
3. เพราะเหตุใดภายในมอเตอรจึงมีขดลวดและแมเหล็กเปนสวนประกอบ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B
4. ใหนักเรียนวิเคราะหความหนาแนนของสนามแมเหล็กสําหรับแมเหล็กรูปเกือกมา พรอมแสดงเสนแรงแมเหล็ก
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................D
5.5. ไอโอดีน -128 มีคาครึ่งชีวิต 25 นาที ถาเริ่มตนมีไอโอดีน -128 อยู 400 มิลลิกรัม ไอโอดีน -128 จะลดลงเหลือ 50 มิลลิกรัม
เมื่อเวลาผานไปกี่นาทีB
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
10
ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จํานวน 5 ขอ ขอละ 2 คะแนน
t = 0
. . . . . . .
(8)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
5. มาตรวัดความเร็วบนหนาปดรถยนตบอกคาความเร็วชนิดใด
1. ความเร็วตน 2. ความเร็วเฉลี่ย
3. ความเร็วปลาย 4. ความเร็วขณะหนึ่ง
6. หากตองการใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งใหไดสูงที่สุด
สามารถทําไดอยางไร (ไมคิดแรงตานในอากาศ)
1. เพิ่มขนาดของวัตถุ
2. ปรับรูปรางของวัตถุ
3. ลดปริมาณมวลของวัตถุ
4. เพิ่มความเร็วตนของวัตถุ
7. การทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งควรระมัดระวัง
เรื่องใดเปนพิเศษ
1. มวลของวัตถุ
2. นํ้าหนักของวัตถุ
3. แรงตานในอากาศ
4. อุณหภูมิในหองทดลอง
8. หากปลอยวัตถุที่มีมวลเทากันใหตกจากความสูงระดับ
เดียวกันบนผิวดวงจันทร การเคลื่อนที่ของวัตถุนี้จะมีความ
เหมือนหรือแตกตางจากการปลอยวัตถุบนพื้นโลกอยางไร
1. วัตถุบนดวงจันทรจะลอยขึ้นไปในอากาศ
2. ความเร็วของวัตถุที่ตกบนดวงจันทรมีคาคงตัว
3. ความเร็วของวัตถุที่ตกบนดวงจันทรมีคาไมคงตัว
4. วัตถุบนดวงจันทรตกลงดวยความเรงนอยกวาคา g
5.5. มาตรวัดความเร็วบนหนาปดรถยนตบอกคาความเร็วชนิดใด
1. ความเร็วตน 2. ความเร็วเฉลี่ยC
6.6. หากตองการใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งใหไดสูงที่สุด
สามารถทําไดอยางไร (ไมคิดแรงตานในอากาศ)C
7.7. การทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งควรระมัดระวัง
เรื่องใดเปนพิเศษE
8.8. หากปลอยวัตถุที่มีมวลเทากันใหตกจากความสูงระดับ
เดียวกันบนผิวดวงจันทร การเคลื่อนที่ของวัตถุนี้จะมีความE
1. ขอใดไมใชลักษณะของวัตถุที่ตกอยางอิสระ
1. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเรงคงที่ 9.8 m/s2
2. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเร็วลดลงอยางคงที่
3. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเร็วเพิ่มขึ้นอยางคงที่
4. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งถูกกระทําดวยแรงโนมถวงตลอด
การเคลื่อนที่
2. เมื่อปาวัตถุขึ้นไปในแนวดิ่ง วัตถุจะมีการเปลี่ยนแปลง
ความเร็วขณะเคลื่อนที่ขึ้นอยางไร
1. ความเร็วมีคาคงตัว
2. ความเร็วลดลงคงที่
3. ความเร็วเพิ่มขึ้นคงที่
4. ความเร็วมีคาเปนศูนย
3. เด็กคนหนึ่งวิ่งไปทางขวา 20 เมตร ใชเวลา 4 วินาที
จากนั้นหันกลับหลังแลววิ่งอีก 2 เมตร ในเวลา 1 วินาที
เด็กคนนี้มีความเร็วเฉลี่ยเทาใด
1. 3.6 m/s 2. 3.8 m/s
3. 6.0 m/s 4. 7.0 m/s
4. รถยนตคันหนึ่งเคลื่อนที่ไปดวยความเร็ว 10 เมตร/วินาที
แลวเรงเครื่องดวยความเรง5 เมตร/วินาที2
ภายในเวลา20
วินาที รถยนตคันนี้จะมีความเร็วสุดทายเปนกี่เมตร/วินาที
1. 100 เมตร/วินาที 2. 110 เมตร/วินาที
3. 120 เมตร/วินาที 4. 130 เมตร/วินาที
1.1. ขอใดไมใชลักษณะของวัตถุที่ตกอยางอิสระ
1. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเรงคงที่ 9.8 m/sA
2.2. เมื่อปาวัตถุขึ้นไปในแนวดิ่ง วัตถุจะมีการเปลี่ยนแปลง
ความเร็วขณะเคลื่อนที่ขึ้นอยางไรB
3.3. เด็กคนหนึ่งวิ่งไปทางขวา 20 เมตร ใชเวลา 4 วินาที
จากนั้นหันกลับหลังแลววิ่งอีก 2 เมตร ในเวลา 1 วินาทีB
4.4. รถยนตคันหนึ่งเคลื่อนที่ไปดวยความเร็ว 10 เมตร/วินาที
แลวเรงเครื่องดวยความเรง5 เมตร/วินาทีB
ชื่อ …………………………………………………………………………………………………….. นามสกุล ……………………………………………………………………………………………..
เลขประจําตัวสอบ ……………………………………………………………………. โรงเรียน …………………………………………………………………………………………….
สอบวันที่ …………………….. เดือน ………………………………………………… พ.ศ. ………………………………………..
โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
60
แบบทดสอบว�ชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6
ชุดที่ 2
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
50
ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แตละขอมีคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
จํานวน 50 ขอ ขอละ 1 คะแนน
ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา
A B C D E F
(9)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
9. ในการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ปริมาณใดมีคาคงตัว
1. การกระจัดในแนวดิ่ง 2. ความเร็วในแนวดิ่ง
3. การกระจัดในแนวระดับ 4. ความเร็วในแนวระดับ
10. ขอใดเปนการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย
1. เด็กไกวชิงชา 2. รถยนตเลี้ยวโคง
3. ลูกบอลกลิ้งตามพื้นเอียง 4. เรือดํานํ้าดิ่งลงในทะเล
11. ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหวัตถุมีการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก
อยางงาย
1. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง แลวผลักลูกตุมให
แกวงเปนวงกลมในแนวดิ่ง
2. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง แลวดึงลูกตุมออกมา
จนเชือกทํามุมกับแนวดิ่งเล็กนอยจึงปลอยมือ
3. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนวดิ่ง โดยตรึงอีกดานของ
สปริงไว จากนั้นดึงวัตถุใหสปริงยืดออกเล็กนอยแลว
ปลอยมือ
4. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนวระดับ โดยตรึงอีกดานของ
สปริงไว จากนั้นดึงวัตถุใหสปริงยืดออกเล็กนอยแลว
ปลอยมือ
12. เพราะเหตุใดจึงตองใหลูกตุมนาฬกาแกวงดวยมุมเล็กๆ
1. เพื่อใหแกวงไดเร็วขึ้น
2. เพื่อเพิ่มความถี่ในการแกวงกวัด
3. เพื่อใหความถี่ในการแกวงกวัดมีคาคงตัว
4. เพื่อใหจํานวนคาบของการกวัดแกวงคอยๆ ลดลง
13. เพราะเหตุใดในการเล็งเปายิงธนูจึงตองเล็งใหสูงเหนือ
เปาเล็กนอย
1. เปายิงอาจมีการเปลี่ยนตําแหนง
2. เพื่อเพิ่มแรงยิงในการยิงธนูใหแรงขึ้น
3. ธนูไมมีอุปกรณในการเล็งเปาที่แนนอน
4. ลูกธนูมีการโคงลงเมื่อเคลื่อนที่ในระยะไกล
14. ขอใดกลาวถึงสนามโนมถวงไมถูกตอง
1. การตกของวัตถุในสนามโนมถวง วัตถุจะเคลื่อนที่ดวย
ความเรงคงที่
2. สนามโนมถวงของโลกที่ระดับความสูงตางๆ จากผิวโลก
จะมีคาเทากัน
3. สนามโนมถวง ณ ตําแหนงตางๆ บนผิวโลก มีคา
ประมาณ 9.8 นิวตัน/กิโลกรัม
4. ไมวาจะปลอยวัตถุ ณ ตําแหนงใดที่สูงจากพื้นโลก วัตถุ
จะตกลงสูพื้นโลกเสมอ
9.9. ในการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ปริมาณใดมีคาคงตัว
1. การกระจัดในแนวดิ่ง 2. ความเร็วในแนวดิ่งA
10.10. ขอใดเปนการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย
1. เด็กไกวชิงชา 2. รถยนตเลี้ยวโคงD
11.11. ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหวัตถุมีการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก
อยางงายD
12.12. เพราะเหตุใดจึงตองใหลูกตุมนาฬกาแกวงดวยมุมเล็กๆ
1. เพื่อใหแกวงไดเร็วขึ้นC
13.13. เพราะเหตุใดในการเล็งเปายิงธนูจึงตองเล็งใหสูงเหนือ
เปาเล็กนอยD
14.14. ขอใดกลาวถึงสนามโนมถวงไมถูกตอง
1. การตกของวัตถุในสนามโนมถวง วัตถุจะเคลื่อนที่ดวยA
15. วัตถุมวล 10 กิโลกรัม เมื่ออยูบนดวงจันทรจะมีนํ้าหนัก
16 นิวตัน อยากทราบวาสนามโนมถวงของดวงจันทร
มีคาเทาใด
1. 1.6 m/s2
2. 3.2 m/s2
3. 6.4 m/s2
4. 9.6 m/s2
16. แรงในขอใดตอไปนี้เปนแรงชนิดเดียวกับแรงที่ทําใหใบไม
รวงลงสูพื้น
1. แรงที่ทําใหอิเล็กตรอนอยูในอะตอมได
2. แรงที่ทําใหแผนแมเหล็กติดอยูบนตูเย็น
3. แรงที่ทําใหดาวเทียมอยูในวงโคจรรอบโลก
4. แรงที่ยกใหขดลวดตัวนําที่อยูระหวางขั้วแมเหล็กลอยขึ้น
17. ขอใดคือสมบัติของเสนแรงไฟฟา
1. ตั้งฉากกับเสนแรงแมเหล็ก
2. เคลื่อนที่ผานตัวนํา แตไมผานฉนวน
3. มีทิศทางจากขั้วไฟฟาลบไปขั้วไฟฟาบวก
4. มีทิศทางจากขั้วไฟฟาบวกไปขั้วไฟฟาลบ
18. ลําอนุภาคQ และR เมื่อเคลื่อนที่ผานสนามแมเหล็กB ที่มี
ทิศพุงเขาตั้งฉากกับกระดาษจะมีการเบี่ยงเบน ดังรูป ถานํา
อนุภาคทั้งสองไปวางไวในบริเวณที่มีสนามไฟฟาสมํ่าเสมอ
แนวการเคลื่อนที่จะเปนอยางไร
1. เคลื่อนที่ไปทางเดียวกันในทิศทางตามเสนสนามไฟฟา
2. เคลื่อนที่ไปทางเดียวกันในทิศทางตรงขามกับเสนสนาม
ไฟฟา
3. เคลื่อนที่ไปทิศตรงขามกัน โดยอนุภาคR ไปทางเดียว
กับเสนสนามไฟฟา
4. เคลื่อนที่ไปทิศตรงขามกัน โดยอนุภาคQ ไปทางเดียว
กับเสนสนามไฟฟา
19. จากหลักการของกระแสไฟฟาเหนี่ยวนํา สามารถนําไปใช
สรางเครื่องมือชนิดใด
1. ไดนาโม 2. มอเตอร
3. ลําโพงไฟฟา 4. แกลวานอมิเตอร
15.15. วัตถุมวล 10 กิโลกรัม เมื่ออยูบนดวงจันทรจะมีนํ้าหนัก
16 นิวตัน อยากทราบวาสนามโนมถวงของดวงจันทรB
16.16. แรงในขอใดตอไปนี้เปนแรงชนิดเดียวกับแรงที่ทําใหใบไม
รวงลงสูพื้นD
17.17. ขอใดคือสมบัติของเสนแรงไฟฟา
1. ตั้งฉากกับเสนแรงแมเหล็กA
18.18. ลําอนุภาคQ และR เมื่อเคลื่อนที่ผานสนามแมเหล็กB ที่มี
ทิศพุงเขาตั้งฉากกับกระดาษจะมีการเบี่ยงเบน ดังรูป ถานําB
19.19. จากหลักการของกระแสไฟฟาเหนี่ยวนํา สามารถนําไปใช
สรางเครื่องมือชนิดใดC
x x x x x x x x x x x
x x x x x x x x x x x
x x x x x x x x x x x
x x x x x x x x x x x
Q
R
(10)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
20. การทดลองหลอดรังสีแคโทด เหตุใดจึงตองทําใหความดัน-
อากาศภายในหลอดลดตํ่าลงเกือบเปนสุญญากาศ
1. เพื่อใหสังเกตรังสีแคโทดไดชัดเจน
2. เพื่อลดอันตรายจากแรงดันอากาศที่เพิ่มขึ้นในหลอดแกว
3. เพื่อลดการชนระหวางอนุภาคของรังสีแคโทดกับอากาศ
4. เพื่อไมใหสนามไฟฟาหรือสนามแมเหล็กที่ใชไปรบกวน
การเคลื่อนที่ของรังสีแคโทด
21. สนามแมเหล็กไมมีผลตอสิ่งใด
1. ประจุไฟฟาที่หยุดนิ่ง
2. ประจุไฟฟาที่เคลื่อนที่
3. สารแมเหล็กที่หยุดนิ่ง
4. สารแมเหล็กที่เคลื่อนที่
22. วางลวดตัวนําไวในสนามแมเหล็กดังรูป เมื่อใหกระแสไฟฟา
ผานลวดตัวนํา จะเกิดแรงเนื่องจากสนามแมเหล็กกระทําตอ
ลวดนี้ในทิศทางใด
1. ทิศชี้ลง 2. ทิศชี้ขึ้น
3. ทิศไปทางขั้วเหนือ 4. ทิศไปทางขั้วใต
23. จากแผนภาพแสดงลักษณะของเสนแรงแมเหล็กที่เกิดจาก
แทงแมเหล็กสองแทงวางใกลกัน
ขอใดบอกถึงขั้วของแมเหล็กที่ตําแหนง A, B, C และ D
ไดอยางถูกตอง
1. A และ C เปนขั้วเหนือ สวน B และ D เปนขั้วใต
2. A และ D เปนขั้วเหนือ สวน B และ C เปนขั้วใต
3. B และ D เปนขั้วเหนือ สวน A และ C เปนขั้วใต
4. B และ C เปนขั้วเหนือ สวน A และ D เปนขั้วใต
20.20. การทดลองหลอดรังสีแคโทด เหตุใดจึงตองทําใหความดัน-
อากาศภายในหลอดลดตํ่าลงเกือบเปนสุญญากาศE
21.21. สนามแมเหล็กไมมีผลตอสิ่งใด
1. ประจุไฟฟาที่หยุดนิ่งA
22.22. วางลวดตัวนําไวในสนามแมเหล็กดังรูป เมื่อใหกระแสไฟฟา
ผานลวดตัวนํา จะเกิดแรงเนื่องจากสนามแมเหล็กกระทําตอB
23.23. จากแผนภาพแสดงลักษณะของเสนแรงแมเหล็กที่เกิดจาก
แทงแมเหล็กสองแทงวางใกลกันB
24. เหตุใดภายในมอเตอรไฟฟาจึงตองมีแมเหล็กเปน
องคประกอบ
1. เพื่อสรางสนามไฟฟาจากขดลวดตัวนํา
2. เพื่อสรางสนามแมเหล็กจากขดลวดตัวนํา
3. เพื่อยึดโครงสรางมอเตอรที่เปนเหล็กใหติดกัน
4. เพื่อทําใหขดลวดตัวนําภายในมอเตอรเกิดการหมุน
เมื่อจายกระแสไฟฟาเขาไป
25. เพราะเหตุใดเมื่อตัดแทงแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตออกเปน
ครึ่งหนึ่ง จึงยังคงไดแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตเสมอ
1. ขั้วเหนือใตของแมเหล็กกระจายตัวอยูทั่วทั้ง
แทงแมเหล็ก
2. ขั้วเหนือใตของแมเหล็กเรียงตัวสลับกันตลอดทั้ง
แทงแมเหล็ก
3. แมเหล็กมีสมบัติคูขั้ว ทําใหแมเหล็กแตละแทงตองมี
สองขั้วเสมอ
4. แมเหล็กมีสนามแมเหล็กอยูรอบๆ สงผลใหแมเหล็กที่
ถูกตัดแบงจะมีอํานาจแมเหล็กเหมือนแทงเดิม
26. ขอใดกลาวถึงแรงนิวเคลียรไมถูกตอง
1. แรงนิวเคลียรตองเปนแรงดูดที่มีคานอยกวาแรงผลัก
ทางไฟฟา
2. แรงที่ยึดโปรตอนทุกตัวและนิวตรอนทุกตัวไวดวยกันใน
นิวเคลียส
3. แรงนิวเคลียรแบบเขม เปนแรงที่ดึงดูดอนุภาคมูลฐาน
ใหรวมกันอยูได
4. แรงนิวเคลียรแบบออน เปนแรงที่เกี่ยวของกับปฏิกิริยา
นิวเคลียรฟวชัน
27. แรงนิวเคลียรมีความสําคัญตอชีวิตของมนุษยหรือไม
อยางไร
1. ไมสําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรกอใหเกิดอันตรายใน
วงกวาง
2. ไมสําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรมีผลตอการคงอยูของ
อะตอมเพียงอยางเดียว
3. สําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรมีสวนในกระบวนการผลิต
ของโรงงานอุตสาหกรรมหลายประเภท
4. สําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรนําไปสูการสรางพลังงาน
ในการนําไปใชประโยชนไดอยางมหาศาล
24.24. เหตุใดภายในมอเตอรไฟฟาจึงตองมีแมเหล็กเปน
องคประกอบC
25.25. เพราะเหตุใดเมื่อตัดแทงแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตออกเปน
ครึ่งหนึ่ง จึงยังคงไดแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตเสมอD
26.26. ขอใดกลาวถึงแรงนิวเคลียรไมถูกตอง
1. แรงนิวเคลียรตองเปนแรงดูดที่มีคานอยกวาแรงผลักA
27.27. แรงนิวเคลียรมีความสําคัญตอชีวิตของมนุษยหรือไม
อยางไรE
N S
BA
C D
I
(11)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
28. ปรากฏการณใดของคลื่นที่ทําใหคลื่นเกิดการเปลี่ยนแปลง
ความยาวคลื่น
1. การหักเห 2. การสะทอน
3. การเลี้ยวเบน 4. การแทรกสอด
29. คลื่นชนิดใดมีความยาวคลื่นมากที่สุด
1. รังสีเอกซ 2. ไมโครเวฟ
3. อินฟราเรด 4. อัลตราไวโอเลต
30. ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตอง
1. คลื่นบางชนิดเคลื่อนที่ไดโดยไมตองอาศัยตัวกลาง
2. ความยาวคลื่นมีความสัมพันธแบบแปรผันตรงกับ
ความถี่คลื่น
3. คลื่นเปนพลังงานที่สงผานพลังงานไปพรอมกับตัวกลาง
ที่เคลื่อนที่
4. การแทรกสอดของคลื่นและการเลี้ยวเบนของคลื่นเปน
ปรากฏการณที่เกิดขึ้นคูกัน
31. เพราะเหตุใดเมื่อสังเกตปลาที่วายอยูในนํ้า จะมองเห็นวา
ปลามีขนาดใหญกวาปกติ
1. เปนผลจากการหักเหของคลื่นแสง
2. เปนผลจากการสะทอนของคลื่นแสง
3. เปนผลจากการเลี้ยวเบนของคลื่นแสง
4. เปนผลจากการแทรกสอดของคลื่นแสง
32. ลูกบอลลูกหนึ่งตกนํ้าและสั่นขึ้นลงหลายรอบ ทําใหเกิด
คลื่นผิวนํ้าแผออกเปนรูปวงกลม เมื่อเวลาผานไป10 วินาที
คลื่นแผออกไปไดรัศมีสูงสุด 20 เมตร โดยมีระยะระหวาง
สันคลื่นที่ติดกันเทากับ2 เมตร จากขอมูลดังกลาวลูกบอล
สั่นขึ้นลงดวยความถี่เทาใด
1. 0.5 Hz 2. 1.0 Hz
3. 2.0 Hz 4. 4.0 Hz
33. ความเขมเสียง ใชบอกลักษณะใดของคลื่นเสียง
1. ระดับเสียง 2. คุณภาพเสียง
3. ความดังเสียง 4. บีตสของเสียง
34. เครื่องโซนารในเรือประมงไดรับสัญญาณสะทอนจาก
กนทะเล หลังจากสงสัญญาณไป 0.4 วินาที ถาอัตราเร็ว
ของเสียงในนํ้ามีคาประมาณ 1,500 เมตร/วินาที ทะเล
บริเวณนี้มีความลึกเทาใด
1. 100 เมตร 2. 200 เมตร
3. 300 เมตร 4. 400 เมตร
28.28. ปรากฏการณใดของคลื่นที่ทําใหคลื่นเกิดการเปลี่ยนแปลง
ความยาวคลื่นA
29.29. คลื่นชนิดใดมีความยาวคลื่นมากที่สุด
1. รังสีเอกซ 2. ไมโครเวฟA
30.30. ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตอง
1. คลื่นบางชนิดเคลื่อนที่ไดโดยไมตองอาศัยตัวกลางB
31.31. เพราะเหตุใดเมื่อสังเกตปลาที่วายอยูในนํ้า จะมองเห็นวา
ปลามีขนาดใหญกวาปกติB
32.32. ลูกบอลลูกหนึ่งตกนํ้าและสั่นขึ้นลงหลายรอบ ทําใหเกิด
คลื่นผิวนํ้าแผออกเปนรูปวงกลม เมื่อเวลาผานไป10 วินาทีB
33.33. ความเขมเสียง ใชบอกลักษณะใดของคลื่นเสียง
1. ระดับเสียง 2. คุณภาพเสียงA
34.34. เครื่องโซนารในเรือประมงไดรับสัญญาณสะทอนจาก
กนทะเล หลังจากสงสัญญาณไป 0.4 วินาที ถาอัตราเร็วB
35. เครื่องโซนารใชสมบัติใดของคลื่นในการทํางาน
1. การหักเห 2. การสะทอน
3. การเลี้ยวเบน 4. การแทรกสอด
36. การที่นายพรานแนบหูเพื่อฟงเสียงจากพื้น วิธีดังกลาวชวย
ใหไดยินเสียงไดอยางไร
1. เสียงแทรกสอดผานชองวางใตดินมาได
2. เสียงผานตัวกลางคืออากาศที่อยูบริเวณผิวดิน
3. เสียงจะเคลื่อนที่ไดดีผานตัวกลางที่เปนของแข็ง
4. การแนบฟงเสียงบนพื้นดินไมสามารถใชไดจริง
37. นักเรียนคิดวาในโรงงานอุตสาหกรรมควรมีการควบคุม
ระดับความเขมของเสียงหรือไม เพราะเหตุใด
1. ควร เพราะเปนการสรางมาตรฐานโรงงานที่กระทรวง
อุตสาหกรรมยอมรับ
2. ควร เพราะเสียงที่มีความเขมมากเกินไปจะเกิดมลพิษ
ทางเสียงซึ่งเปนอันตรายตอการไดยิน
3. ควร เพราะเสียงที่มีความเขมมากเกินไปจะมีพลังงานสูง
สงผลตอระบบทอนํ้าในโรงงาน
4. ไมควร เพราะการลดความเขมเสียง หมายถึง การลด
จํานวนเครื่องจักรในโรงงาน ซึ่งสงผลตอผลประกอบการ
38. เพราะเหตุใดจึงใชคลื่นไมโครเวฟในการสื่อสารระยะไกล
แทนการใชคลื่นวิทยุ
1. คลื่นวิทยุเคลื่อนที่ไดในระยะใกลเทานั้น
2. คลื่นวิทยุไมสะทอนในชั้นไอโอโนสเฟยร
3. คลื่นไมโครเวฟมีความถี่สูงกวาคลื่นวิทยุ
4. คลื่นไมโครเวฟไมสะทอนในชั้นบรรยากาศ
39. ขอใดตอไปนี้เรียงลําดับความยาวคลื่นจากมากไปนอย
ไดถูกตอง
1. แสง คลื่นวิทยุ รังสีเอกซ รังสีแกมมา
2. คลื่นวิทยุ อินฟราเรด แสง รังสีแกมมา
3. รังสีเอกซ อินฟราเรด อัลตราไวโอเลต คลื่นวิทยุ
4. อัลตราไวโอเลต อินฟราเรด ไมโครเวฟ รังสีแกมมา
40. คลื่นAเปนคลื่นที่มีความยาวคลื่นตํ่าสามารถทําใหแผนฟลม
ที่หอกระดาษไวเปนรอยได สมมติฐานในขอใดถูกตอง
1. คลื่น A คือ คลื่นกล
2. คลื่น A คือ คลื่นแสง
3. คลื่น A คือ รังสีเอกซ
4. คลื่น A คือ อินฟราเรด
35.35. เครื่องโซนารใชสมบัติใดของคลื่นในการทํางาน
1. การหักเห 2. การสะทอนC
36.36. การที่นายพรานแนบหูเพื่อฟงเสียงจากพื้น วิธีดังกลาวชวย
ใหไดยินเสียงไดอยางไรD
37.37. นักเรียนคิดวาในโรงงานอุตสาหกรรมควรมีการควบคุม
ระดับความเขมของเสียงหรือไม เพราะเหตุใดF
38.38. เพราะเหตุใดจึงใชคลื่นไมโครเวฟในการสื่อสารระยะไกล
แทนการใชคลื่นวิทยุD
39.39. ขอใดตอไปนี้เรียงลําดับความยาวคลื่นจากมากไปนอย
ไดถูกตองE
40.40. คลื่นAเปนคลื่นที่มีความยาวคลื่นตํ่าสามารถทําใหแผนฟลม
ที่หอกระดาษไวเปนรอยได สมมติฐานในขอใดถูกตองE
(12)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
41. เพราะเหตุใดจึงเรียกปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันวา ปฏิกิริยา
ลูกโซ
1. เปนปฏิกิริยาที่ใชความรอนสูง
2. เปนปฏิกิริยาที่เกิดจากธาตุโลหะ
3. เปนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นไดเองอยางตอเนื่อง
4. เปนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตอเนื่องเมื่อยิงนิวเคลียส
ดวยนิวตรอน
42. ปฏิกิริยานิวเคลียรชนิดใดเหมาะที่จะนํามาผลิตพลังงาน
ไฟฟา
1. ปฏิกิริยาฟวชัน
2. ปฏิกิริยาฟชชัน
3. ปฏิกิริยาเทอรโมเรดิเอชัน
4. ปฏิกิริยาเทอรโมไดนามิกส
43. เครื่องปฏิกรณนิวเคลียรอาศัยหลักการของปฏิกิริยาใด
ในการผลิตพลังงานนิวเคลียร
1. ปฏิกิริยาฟชชัน
2. ปฏิกิริยาฟวชัน
3. ปฏิกิริยาดิฟฟวชัน
4. ปฏิกิริยามอเดอรเรเตอร
44. รังสีชนิดใดไมเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็ก
1. รังสีบีตา
2. รังสีแอลฟา
3. รังสีแกมมา
4. รังสีอิเล็กตรอน
45. ธาตุชนิดหนึ่งสลายตัวใหธาตุใหมที่มีเลขมวลและเลขอะตอม
ลดลง แสดงวาธาตุดังกลาวมีการปลดปลอยรังสีชนิดใด
1. รังสีบีตา 2. รังสีเอกซ
3. รังสีแกมมา 4. รังสีแอลฟา
46. เพราะเหตุใดธาตุกัมมันตรังสีจึงมีการปลดปลอยรังสีออกมา
ตลอดเวลา
1. มีพลังงานสะสมอยูมากเกินไป
2. เปนการสลายตัวที่เกิดขึ้นตามเวลา
3. เพื่อใหธาตุกัมมันตรังสีเกิดความเสถียร
4. ถูกกระตุนดวยอนุภาคบางชนิดจึงปลดปลอยพลังงาน
ออกมา
41.41. เพราะเหตุใดจึงเรียกปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันวา ปฏิกิริยา
ลูกโซB
42.42. ปฏิกิริยานิวเคลียรชนิดใดเหมาะที่จะนํามาผลิตพลังงาน
ไฟฟาF
43.43. เครื่องปฏิกรณนิวเคลียรอาศัยหลักการของปฏิกิริยาใด
ในการผลิตพลังงานนิวเคลียรE
44.44. รังสีชนิดใดไมเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็ก
1. รังสีบีตาB
45.45. ธาตุชนิดหนึ่งสลายตัวใหธาตุใหมที่มีเลขมวลและเลขอะตอม
ลดลง แสดงวาธาตุดังกลาวมีการปลดปลอยรังสีชนิดใดB
46.46. เพราะเหตุใดธาตุกัมมันตรังสีจึงมีการปลดปลอยรังสีออกมา
ตลอดเวลาB
47. สมการการสลายตัวของธาตุชนิดหนึ่งเปนดังนี้
238
92U 
234
90Th + x
x คืออะไร
1. รังสีแกมมา
2. อนุภาคแอลฟา
3. อนุภาคโพสิตรอน
4. อนุภาคอิเล็กตรอน
48. เพราะเหตุใดจึงใชแผนฟลมเปนอุปกรณในการตรวจวัด
ปริมาณรังสี
1. งายตอการพกพา
2. รังสีสามารถเกาะติดกับแผนฟลมไดดี
3. สามารถวัดปริมาณรังสีไดทันทีและแมนยํา
4. แผนฟลมทําปฏิกิริยากับรังสีเชนเดียวกับแสง
49. สัญลักษณนิวเคลียร 127
53I แสดงวานิวเคลียสของไอโอดีนนี้
มีอนุภาคตามขอใด
1. โปรตอน 53 ตัว และนิวตรอน 74 ตัว
2. โปรตอน 53 ตัว และนิวตรอน 127 ตัว
3. โปรตอน 127 ตัว และนิวตรอน 53 ตัว
4. โปรตอน 53 ตัว และอิเล็กตรอน 74 ตัว
50. กราฟใดอธิบายลักษณะการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี
ไดถูกตอง
1. 2.
3. 4.
47.47. สมการการสลายตัวของธาตุชนิดหนึ่งเปนดังนี้
238B
48.48. เพราะเหตุใดจึงใชแผนฟลมเปนอุปกรณในการตรวจวัด
ปริมาณรังสีC
49.49. สัญลักษณนิวเคลียร
มีอนุภาคตามขอใดD
50.50. กราฟใดอธิบายลักษณะการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี
ไดถูกตองE
เวลา
ปริมาณสาร
เวลา
ปริมาณสาร
เวลา
ปริมาณสาร
เวลา
ปริมาณสาร
(13)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. วัตถุ 2 ชิ้นที่มีมวลเทากัน ถูกโยนขึ้นไปในแนวดิ่งดวยความเร็วตน 20 เมตรตอวินาที และ 50 เมตรตอวินาที วัตถุทั้งสอง
จะมีความเรงเหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไร
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ใหนักเรียนวิเคราะหและอธิบายการทํางานของเข็มทิศ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. ใหนักเรียนเขียนภาพเสนแรงแมเหล็กที่เกิดขึ้นจากแทงแมเหล็กที่วางไว ดังภาพ
4. คลื่นดลบนเสนเชือกมีลักษณะดังภาพ ซึ่งเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว u จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางการกระจัด
ในแนว y ของจุด P (จุดๆ หนึ่งบนเสนเชือก) กับเวลา
5. ใหนักเรียนเขียนสมการแสดงการสลายตัวของเรเดียม -226 เปนเรดอน -222 โดยมีการปลดปลอยแกมมารวมดวย
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
1.1. วัตถุ 2 ชิ้นที่มีมวลเทากัน ถูกโยนขึ้นไปในแนวดิ่งดวยความเร็วตน 20 เมตรตอวินาที และ 50 เมตรตอวินาที วัตถุทั้งสอง
จะมีความเรงเหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไรD
2.2. ใหนักเรียนวิเคราะหและอธิบายการทํางานของเข็มทิศ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................E
3.3. ใหนักเรียนเขียนภาพเสนแรงแมเหล็กที่เกิดขึ้นจากแทงแมเหล็กที่วางไว ดังภาพ
D
4.4. คลื่นดลบนเสนเชือกมีลักษณะดังภาพ ซึ่งเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว u จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางการกระจัด
ในแนว y ของจุด P (จุดๆ หนึ่งบนเสนเชือก) กับเวลาE
5.5. ใหนักเรียนเขียนสมการแสดงการสลายตัวของเรเดียม -226 เปนเรดอน -222 โดยมีการปลดปลอยแกมมารวมดวย
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................E
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
10
ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จํานวน 5 ขอ ขอละ 2 คะแนน
N S
S
N
u
P
(14)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
4. การเคลื่อนที่ในขอใดมีความเรงเปนศูนย
1. กอนหินกอนหนึ่งจมอยูที่กนบอ
2. เครื่องบินเคลื่อนที่ขึ้นจากรันเวย
3. นักกระโดดรมลอยตัวลงมาอยางชาๆ
4. รถยนตคันหนึ่งคอยๆ ลดความเร็วเพื่อหยุดรถ
5. สมคิดเริ่มขับจักรยานยนตจากจุดหยุดนิ่งโดยใชอัตราเร็ว
เพิ่มขึ้น 3 เมตร/วินาที ทุกๆ 1 วินาที ที่เวลา 10 วินาที
สมคิดเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วเทาไร
1. 10 เมตรตอวินาที
2. 20 เมตรตอวินาที
3. 30 เมตรตอวินาที
4. 40 เมตรตอวินาที
6. การเคลื่อนที่ในขอใดตอไปนี้ จัดวาเปนการเคลื่อนที่ดวย
ความเรง
1. รถยนตจอดนิ่งกลางถนน
2. มาลีเดินดวยความเร็วสมํ่าเสมอ
3. มานะหยุดรถที่แลนอยูอยางกะทันหัน
4. รถโดยสารประจําทางแลนดวยอัตราเร็ว
110 กิโลเมตรตอชั่วโมง
4.4. การเคลื่อนที่ในขอใดมีความเรงเปนศูนย
1. กอนหินกอนหนึ่งจมอยูที่กนบอB
5.5. สมคิดเริ่มขับจักรยานยนตจากจุดหยุดนิ่งโดยใชอัตราเร็ว
เพิ่มขึ้น 3 เมตร/วินาที ทุกๆ 1 วินาที ที่เวลา 10 วินาทีB
6.6. การเคลื่อนที่ในขอใดตอไปนี้ จัดวาเปนการเคลื่อนที่ดวย
ความเรงB
1. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการกระจัด
1. ขนาดของการกระจัดเทากับระยะทางของการเคลื่อนที่
2. ขนาดของการกระจัดจะเพิ่มขึ้นตามเสนทางการเคลื่อนที่
3. ทิศทางของการกระจัดคือทิศทางเริ่มตนของการเคลื่อนที่
4. ทิศทางของการกระจัดจะลากจากจุดเริ่มตนไปยังจุด
สิ้นสุดของการเคลื่อนที่
2. ขอใดตอไปนี้เปนการเคลื่อนที่ที่มีขนาดของการกระจัด
นอยที่สุด
1. เดินไปทางขวาดวยความเร็วคงที่3 เมตรตอวินาที เปน
เวลา 4 วินาที
2. เดินไปทางซายดวยความเร็วคงที่4 เมตรตอวินาที เปน
เวลา 3 วินาที
3. เดินไปทางขวา10 เมตร แลวเดินยอนกลับมาทางซาย
2 เมตร
4. ทั้งสามขอมีการกระจัดเทากัน
3. รถยนตคันหนึ่งแลนดวยความเร็วเฉลี่ย 20 เมตรตอวินาที
จงหาเวลาที่รถยนตคันนี้ใชขณะที่แลนไปได 1 กิโลเมตร
1. 50 วินาที 2. 100 วินาที
3. 150 วินาที 4. 200 วินาที
1.1. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการกระจัด
1. ขนาดของการกระจัดเทากับระยะทางของการเคลื่อนที่A
2.2. ขอใดตอไปนี้เปนการเคลื่อนที่ที่มีขนาดของการกระจัด
นอยที่สุดB
3.3. รถยนตคันหนึ่งแลนดวยความเร็วเฉลี่ย 20 เมตรตอวินาที
จงหาเวลาที่รถยนตคันนี้ใชขณะที่แลนไปได 1 กิโลเมตรB
ชื่อ …………………………………………………………………………………………………….. นามสกุล ……………………………………………………………………………………………..
เลขประจําตัวสอบ ……………………………………………………………………. โรงเรียน …………………………………………………………………………………………….
สอบวันที่ …………………….. เดือน ………………………………………………… พ.ศ. ………………………………………..
โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
60
แบบทดสอบว�ชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6
ชุดที่ 3
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
50
ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แตละขอมีคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
จํานวน 50 ขอ ขอละ 1 คะแนน
ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา
A B C D E F
(15)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
7. กราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเร็วกับเวลาของ
การเคลื่อนที่เปนดังรูป จงหาความเรงที่เวลา 3 วินาที
1. 3 m/s2
2. -3 m/s2
3. 5 m/s2
4. -5 m/s2
8. หากปลอยวัตถุตกอยางอิสระ ขอใดแสดงความสัมพันธ
ระหวางความเรงตอเวลาไดถูกตอง
1. 2.
3. 4.
9. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับคาบของลูกตุม
1. ไมขึ้นกับความยาวเชือก
2. ไมขึ้นกับมวลของลูกตุม
3. ไมขึ้นกับแรงโนมถวงของโลก
4. มีคาเทาเดิมแมวาจะไปแกวงบนดวงจันทร
10. วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ขณะที่วัตถุอยูบน
จุดสูงสุด ขอใดตอไปนี้ถูกตอง
1. ความเร็วของวัตถุมีคาเปนศูนย
2. ความเรงของวัตถุมีคาเปนศูนย
3. ความเร็วของวัตถุในแนวดิ่งมีคาเปนศูนย
4. ความเร็วของวัตถุในแนวราบมีคาเปนศูนย
7.7. กราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเร็วกับเวลาของ
การเคลื่อนที่เปนดังรูป จงหาความเรงที่เวลา 3 วินาทีD
8.8. หากปลอยวัตถุตกอยางอิสระ ขอใดแสดงความสัมพันธ
ระหวางความเรงตอเวลาไดถูกตองE
9.9. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับคาบของลูกตุม
1. ไมขึ้นกับความยาวเชือกA
10.10. วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ขณะที่วัตถุอยูบน
จุดสูงสุด ขอใดตอไปนี้ถูกตองB
11. ผูกวัตถุดวยเชือกแลวเหวี่ยงใหเคลื่อนที่เปนวงกลมในแนวดิ่ง
ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มาถึงตําแหนงสูงสุดของวงกลม
แรงชนิดใดตอไปนี้ที่ทําหนาที่เปนแรงสูศูนยกลาง
1. แรงตึงเชือก
2. นํ้าหนักวัตถุ
3. แรงตึงเชือกกับนํ้าหนักวัตถุ
4. ตําแหนงนั้นแรงสูศูนยกลางเปนศูนย
12. การเคลื่อนที่แบบวงกลมและการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก
อยางงายมีสวนเหมือนกันอยางไร
1. เปนการเคลื่อนที่แบบคาบ
2. เปนการเคลื่อนที่แบบ 1 มิติ
3. เสนทางการเคลื่อนที่เปนวิถีโคง
4. มีการกระจัดสูงสุดที่เรียกวาแอมพลิจูด
13. หลักการใดใชอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่โคงลงของวัตถุ
ที่ถูกปาไปดานหนาโดยทํามุมใดๆ กับแนวระดับ
1. เปนไปตามเสนทางการเคลื่อนที่
2. มีแรงโนมถวงกระทําตลอดการเคลื่อนที่
3. วัตถุเคลื่อนที่เปนวิถีวงกลมตามวงโคจรของโลก
4. แรงตานในอากาศตานไมใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นไปเปน
เสนตรง
14. การศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุมีประโยชนทางดาน
วิศวกรรมอยางไร
1. ชวยออกแบบเสนทางการบิน
2. ชวยออกแบบพื้นถนนทางโคง
3. ชวยออกแบบเสนทางการเดินรถ
4. ชวยออกแบบเครื่องยนตกําลังสูง
15. ชายคนหนึ่งมีนํ้าหนัก 500 นิวตันที่ผิวโลก เขาจะมีมวล
เทาใดบนดวงจันทร ซึ่งมีคาความเรงโนมถวง เปน 1
6 เทา
ของโลก (กําหนดใหคาความโนมถวงของโลก = 10 m/s2
)
1. 50 kg
2. 50
2 kg
3. 50
4 kg
4. 50
6 kg
11.11. ผูกวัตถุดวยเชือกแลวเหวี่ยงใหเคลื่อนที่เปนวงกลมในแนวดิ่ง
ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มาถึงตําแหนงสูงสุดของวงกลมB
12.12. การเคลื่อนที่แบบวงกลมและการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก
อยางงายมีสวนเหมือนกันอยางไรD
13.13. หลักการใดใชอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่โคงลงของวัตถุ
ที่ถูกปาไปดานหนาโดยทํามุมใดๆ กับแนวระดับE
14.14. การศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุมีประโยชนทางดาน
วิศวกรรมอยางไรF
15.15. ชายคนหนึ่งมีนํ้าหนัก 500 นิวตันที่ผิวโลก เขาจะมีมวล
เทาใดบนดวงจันทร ซึ่งมีคาความเรงโนมถวง เปนB
0 1 2 3 4 5 6
25
20
15
10
5
เวลา (s)
ความเร็ว (m/s)
ความเรง (m/s2
)
เวลา (s) เวลา (s)
ความเรง (m/s2
)
เวลา (s)
ความเรง (m/s2
)
เวลา (s)
ความเรง (m/s2
)
(16)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
16. วัตถุ A มีมวล m กิโลกรัม วางอยูนิ่งบนพื้น สวนวัตถุ B
ซึ่งมีมวลเทากันกําลังตกลงสูพื้นโลก กําหนดใหทั้ง A และ
B อยูในบริเวณที่ขนาดสนามโนมถวงของโลกเทากับ g
นิวตัน/กิโลกรัม และไมมีแรงตานในอากาศ ขอใดไมถูกตอง
1. วัตถุทั้งสองมีนํ้าหนักเทากัน
2. วัตถุทั้งสองมีอัตราเรงในแนวดิ่งเทากันคือgเมตร/วินาที2
3. แรงโนมถวงของโลกที่กระทําตอวัตถุA มีขนาดเทากับ
mg นิวตัน
4. แรงโนมถวงของโลกที่กระทําตอวัตถุB มีขนาดเทากับ
mg นิวตัน
17. แรงในขอใดเปนแรงประเภทเดียวกันกับแรงที่ทําให
ลูกแอปเปลตกลงสูพื้นโลก
1. แรงที่ทําใหอิเล็กตรอนอยูในอะตอมได
2. แรงที่ทําใหแผนแมเหล็กติดอยูบนตูเย็น
3. แรงที่ทําใหดวงจันทรอยูในวงโคจรรอบโลก
4. แรงที่ทําใหโปรตอนหลายอนุภาคอยูรวมกัน
18. ขอใดกลาวถึงการเคลื่อนที่ของประจุในสนามไฟฟาไดถูกตอง
1. ประจุบวกเคลื่อนที่ในทิศเดียวกับทิศของสนามไฟฟา
2. ถามีประจุไฟฟาอยูระหวางสนามไฟฟาสมํ่าเสมอ
ประจุไฟฟาจะไมเคลื่อนที่
3. ถาใหลําอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในทิศตั้งฉากกับสนาม-
ไฟฟาสมํ่าเสมอ แรงไฟฟาจะทําใหแนวการเคลื่อนที่
ของอิเล็กตรอนตรงไปเหมือนแนวการเคลื่อนที่เดิม
4. สนามไฟฟามีทิศทางตรงขามกับทิศของแรงที่กระทํา
ตอประจุบวก โดยสนามไฟฟามีทิศพุงออกจากประจุลบ
เขาหาประจุบวกเสมอ
19. ขอใดไมใชประโยชนของการใชสนามไฟฟา
1. เครื่องปนอาหาร
2. เครื่องออสซิลโลสโคป
3. จอภาพเครื่องอัลตราซาวด
4. การกําจัดฝุนควันในโรงงานอุตสาหกรรม
20. จากรูป บริเวณใดที่สนามแมเหล็ก
มีความหนาแนนมากที่สุด
1. A 2. B
3. C 4. D
16.16. วัตถุ A มีมวล m กิโลกรัม วางอยูนิ่งบนพื้น สวนวัตถุ B16. วัตถุ A มีมวล m กิโลกรัม วางอยูนิ่งบนพื้น สวนวัตถุ B16.
ซึ่งมีมวลเทากันกําลังตกลงสูพื้นโลก กําหนดใหทั้ง A และB
17.17. แรงในขอใดเปนแรงประเภทเดียวกันกับแรงที่ทําให
ลูกแอปเปลตกลงสูพื้นโลกD
18.18. ขอใดกลาวถึงการเคลื่อนที่ของประจุในสนามไฟฟาไดถูกตอง
1. ประจุบวกเคลื่อนที่ในทิศเดียวกับทิศของสนามไฟฟาA
19.19. ขอใดไมใชประโยชนของการใชสนามไฟฟา
1. เครื่องปนอาหารC
20.20. จากรูป บริเวณใดที่สนามแมเหล็ก
A
21. จุดสะเทินในสนามแมเหล็ก หมายถึงอะไร
1. ตําแหนงที่มีสนามแมเหล็กผาน
2. ตําแหนงที่มีความเขมของสนามแมเหล็กมาก
3. ตําแหนงที่สนามแมเหล็กรวมกันและหักลางกัน
จนเปนศูนย
4. ตําแหนงที่มีสนามไฟฟาอยางนอยที่สุดสองสนาม ซึ่ง
สนามไฟฟาทั้งสองมีขนาดตางกัน แตมีทิศทางเดียวกัน
22. นิวตรอนที่เคลื่อนที่เขาไปในสนามแมเหล็กจะมีแนวโนม
ของการเคลื่อนที่อยางไร
1. ไมมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่
2. เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับสนามแมเหล็ก
3. เคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแมเหล็กในทิศตามกฎมือขวา
4. เคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแมเหล็กในทิศตามกฎมือซาย
23. ขั้วเหนือ-ใตของสนามแมเหล็กโลกมีลักษณะการวางตัว
อยางไร
1. ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกอยูบริเวณทิศเหนือ
สวนขั้วแมเหล็กใตของโลกอยูบริเวณทิศใต
2. ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกอยูบริเวณทิศใต
สวนขั้วแมเหล็กใตของโลกอยูบริเวณทิศเหนือ
3. ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกจะเปลี่ยนตําแหนงตามการ
โคจรรอบดวงอาทิตย สวนขั้วแมเหล็กใตจะอยูบริเวณ
ใกลดวงอาทิตย
4. ขั้วแมเหล็กใตของโลกจะเปลี่ยนตําแหนงตามการโคจร
รอบดวงอาทิตย สวนขั้วแมเหล็กเหนือจะอยูบริเวณใกล
ดวงอาทิตย
24. การแยกสิ่งที่เปนโลหะออกจากกองขยะ สามารถทําไดดวย
วิธีการใด
1. ใชไฟฟาแรงสูง
2. ใชแมเหล็กแรงสูง
3. การกรองผานตะแกรง
4. ยังไมมีวิธีการที่เหมาะสม
25. ในการทดลองเพื่อหาความเปนประจุของอนุภาค A พบวา
อนุภาคดังกลาวเบี่ยงเบนการเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก
ขอใดตั้งสมมติฐานไดถูกตอง
1. อนุภาค A เปนสารแมเหล็ก
2. อนุภาค A เปนอนุภาคมีประจุ
3. อนุภาค A เปนอนุภาคที่มีความทะลุทะลวงสูง
4. อนุภาค A ถูกแรงโนมถวงกระทําใหเกิดการเบี่ยงเบน
21.21. จุดสะเทินในสนามแมเหล็ก หมายถึงอะไร
1. ตําแหนงที่มีสนามแมเหล็กผานA
22.22. นิวตรอนที่เคลื่อนที่เขาไปในสนามแมเหล็กจะมีแนวโนม
ของการเคลื่อนที่อยางไรB
23.23. ขั้วเหนือ-ใตของสนามแมเหล็กโลกมีลักษณะการวางตัว
อยางไรB
24.24. การแยกสิ่งที่เปนโลหะออกจากกองขยะ สามารถทําไดดวย
วิธีการใดC
25.25. ในการทดลองเพื่อหาความเปนประจุของอนุภาค A พบวา25. ในการทดลองเพื่อหาความเปนประจุของอนุภาค A พบวา25.
อนุภาคดังกลาวเบี่ยงเบนการเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็กEB
A C D
(17)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
26. ขอใดตอไปนี้เปนผลเนื่องจากแรงนิวเคลียร
1. อิเล็กตรอนถูกดึงดูดโดยนิวเคลียส
2. แรงที่ใชในการปลอยระเบิดนิวเคลียร
3. ทําใหโปรตอนและนิวตรอนอยูรวมกันในนิวเคลียส
4. กอใหเกิดสนามนิวเคลียรและสนามของแรงชนิดอื่นๆ
27. การศึกษาเรื่องสนามของแรง มีสวนชวยในดานตางๆ ยกเวน
ขอใด
1. พัฒนาอุปกรณอิเล็กทรอนิกสที่ใชในชีวิตประจําวัน
2. การใชประโยชนจากสนามของแรงชนิดตางๆ อยาง
เหมาะสม
3. ระมัดระวังตนเองจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่อง
มาจากสนามของแรง
4. เขาใจถึงแหลงพลังงานจากสนามของแรง เพื่อนําไป
พัฒนาเทคโนโลยีในการทําสงคราม
28. คลื่นกลตามยาวและคลื่นกลตามขวางถูกนิยามขึ้นโดย
พิจารณาจากปจจัยใดเปนหลัก
1. ความยาวคลื่น
2. ประเภทของแหลงกําเนิด
3. ทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น
4. ทิศทางการสั่นของอนุภาคตัวกลาง
29. จากภาพ แอมพลิจูดของคลื่นมีขนาดเทาไร
1. 10 m 2. 20 m
3. 30 m 4. 40 m
30. เมื่อคลื่นตกกระทบกับผิวตัวกลางชนิดหนึ่งแลวคลื่นดังกลาว
จะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็ว เหตุใดจึงเปนเชนนั้น
1. ผลจากการหักเห 2. ผลจากการสะทอน
3. ผลจากการเลี้ยวเบน 4. ผลจากการแทรกสอด
31. ลวดสปริงชนิดหนึ่งสั่นดวยคาบ 0.5 วินาที เคลื่อนที่ดวย
ความเร็ว 0.02 เมตรตอวินาที จงหาความยาวของคลื่นใน
ลวดสปริงนี้
1. 0.01 เซนติเมตร 2. 1 เซนติเมตร
3. 10 เซนติเมตร 4. 10.5 เซนติเมตร
26.26. ขอใดตอไปนี้เปนผลเนื่องจากแรงนิวเคลียร
1. อิเล็กตรอนถูกดึงดูดโดยนิวเคลียสB
27.27. การศึกษาเรื่องสนามของแรง มีสวนชวยในดานตางๆ ยกเวน
ขอใดE
28.28. คลื่นกลตามยาวและคลื่นกลตามขวางถูกนิยามขึ้นโดย
พิจารณาจากปจจัยใดเปนหลักA
29.29. จากภาพ แอมพลิจูดของคลื่นมีขนาดเทาไร
A
30.30. เมื่อคลื่นตกกระทบกับผิวตัวกลางชนิดหนึ่งแลวคลื่นดังกลาว
จะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็ว เหตุใดจึงเปนเชนนั้นB
31.31. ลวดสปริงชนิดหนึ่งสั่นดวยคาบ 0.5 วินาที เคลื่อนที่ดวย
ความเร็ว 0.02 เมตรตอวินาที จงหาความยาวของคลื่นในB
32. เมื่อทดลองเกี่ยวกับการหักเหของคลื่นนํ้าบนถาดคลื่นที่มี
ความลึกของนํ้าในสองบริเวณไมเทากัน พบวาหนาคลื่น
ทั้งสองมีระยะหางไมเทากัน ขอใดสรุปผลการทดลองได
ถูกตอง
1. คลื่นเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงที่เมื่อเกิดการหักเห
2. ความถี่คลื่นไมมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดการหักเห
3. คลื่นเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วที่ลดลงเมื่อเกิดการหักเห
4. แอมพลิจูดของคลื่นเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเกิดการหักเห
33. ในการทดลองเพื่อสังเกตผลของสิ่งกีดขวางเมื่อคลื่น
เคลื่อนที่ผาน เปนการศึกษาสมบัติของคลื่นตามขอใด
1. การหักเห 2. การเลี้ยวเบน
3. การสะทอน 4. การแทรกสอด
34. วัสดุที่ใชในการบุผนังโรงภาพยนตรมีผลในการลด
ปรากฏการณใดของเสียง
1. การหักเห 2. ดอพเพลอร
3. การสั่นพอง 4. การสะทอน
35. นิยมใชคลื่นชนิดใดในการตรวจอวัยวะภายในรางกายมนุษย
1. คลื่นแสง 2. รังสีเอกซ
3. คลื่นเหนือเสียง 4. คลื่นอินฟราเรด
36. เพราะเหตุใดสายกีตารจึงมีขนาดที่แตกตางกัน
1. ใหความยาวคลื่นไมเทากัน
2. สะดวกในการจับและใชงาน
3. ใหความถี่ในการสั่นไมเทากัน
4. เพื่อความสวยงามของเครื่องดนตรี
37. การลาเหยื่อของคางคาวใชสมบัติใดของคลื่น
1. การหักเห 2. การสะทอน
3. การเลี้ยวเบน 4. การแทรกสอด
38. ขอใดกลาวไมถูกตอง
1. หากระดับความเขมเสียงมากกวาหรือเทากับ 120
เดซิเบล หูของมนุษยจะไมสามารถทนฟงได
2. องคการอนามัยโลก ไดกําหนดระดับของความเขมเสียง
ที่ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกิน70 เดซิเบล
3. บริเวณใดมีระดับความเขมเสียงที่ทําใหหูและสภาพ
จิตใจของผูฟงผิดปกติ ถือวาเสียงในบริเวณนั้นเปน
มลภาวะของเสียง
4. โรงงานอุตสาหกรรมควรมีการควบคุมระดับความเขม
ของเสียง เพราะเสียงที่มีความเขมมากเกินไปจะกอให
เกิดมลภาวะทางเสียง
32.32. เมื่อทดลองเกี่ยวกับการหักเหของคลื่นนํ้าบนถาดคลื่นที่มี
ความลึกของนํ้าในสองบริเวณไมเทากัน พบวาหนาคลื่นE
33.33. ในการทดลองเพื่อสังเกตผลของสิ่งกีดขวางเมื่อคลื่น
เคลื่อนที่ผาน เปนการศึกษาสมบัติของคลื่นตามขอใดA
34.34. วัสดุที่ใชในการบุผนังโรงภาพยนตรมีผลในการลด
ปรากฏการณใดของเสียงC
35.35. นิยมใชคลื่นชนิดใดในการตรวจอวัยวะภายในรางกายมนุษย
1. คลื่นแสง 2. รังสีเอกซC
36.36. เพราะเหตุใดสายกีตารจึงมีขนาดที่แตกตางกัน
1. ใหความยาวคลื่นไมเทากันD
37.37. การลาเหยื่อของคางคาวใชสมบัติใดของคลื่น
1. การหักเห 2. การสะทอนD
38.38. ขอใดกลาวไมถูกตอง
1. หากระดับความเขมเสียงมากกวาหรือเทากับ 120A
การกระจัด (m)
ระยะทาง (m)0 10 20 30 40
-30
30
(18)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
39. ขอใดไมใชคลื่นแมเหล็กไฟฟา
1. แสง 2. คลื่นวิทยุ
3. รังสีแกมมา 4. คลื่นแผนดินไหว
40. คลื่นกลและคลื่นแมเหล็กไฟฟาแตกตางกันอยางไร
1. องคประกอบของคลื่นแตกตางกัน
2. ตัวกลางในการเคลื่อนที่แตกตางกัน
3. ความหลากหลายของชนิดของคลื่น
4. การสั่นของอนุภาคตัวกลางแตกตางกัน
41. ขอใดไมใชปฏิกิริยานิวเคลียร
1. ปฏิกิริยาลูกโซ
2. ปฏิกิริยาฟชชัน
3. ปฏิกิริยาฟวชัน
4. ปฏิกิริยาเทอรโมไดนามิกส
42. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน
1. เกิดขึ้นไดเองตามธรรมชาติ
2. เกิดการหลอมรวมกันของนิวเคลียส
3. ตองใชความรอนสูงมาก ซึ่งเรียกอีกอยางวา ปฏิกิริยา
เทอรโมนิวเคลียร
4. เกิดจากการที่นิวเคลียสของธาตุหนักแตกตัวออกเปน
ธาตุเบา
43. ปฏิกิริยานิวเคลียรใดถูกใชในการผลิตกระแสไฟฟาได
ในปจจุบัน
1. ปฏิกิริยาฟชชัน 2. ปฏิกิริยาฟวชัน
3. ปฏิกิริยามอเดอรเรเตอร 4. ปฏิกิริยาดิฟฟวชัน
44. พลังงานนิวเคลียรถูกนําไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน
หลายดาน ยกเวนขอใด
1. ใชในการผลิตกระแสไฟฟา
2. ใชในการขับเคลื่อนเรือเดินสมุทร
3. ใชผลิตอาวุธนิวเคลียรในการทําสงคราม
4. ชวยแกปญหาเชื้อเพลิงที่กําลังขาดแคลน
45. ขอใดกลาวถึงอนุภาคบีตาไดถูกตอง
1. เปนอิเล็กตรอนความเร็วสูง หรือเนกาตรอน
2. เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูงเชนเดียวกับ
รังสีเอกซ
3. เปนอนุภาคเล็กๆ ในนิวเคลียสที่ยึดเหนี่ยวโปรตอน
และนิวตรอน
4. เปนอนุภาคพลังงานสูงที่ปลดปลอยออกมา เนื่องจาก
การสลายตัวของสารกัมมันตรังสี
39.39. ขอใดไมใชคลื่นแมเหล็กไฟฟา
1. แสง 2. คลื่นวิทยุA
40.40. คลื่นกลและคลื่นแมเหล็กไฟฟาแตกตางกันอยางไร
1. องคประกอบของคลื่นแตกตางกันD
41.41. ขอใดไมใชปฏิกิริยานิวเคลียร
1. ปฏิกิริยาลูกโซA
42.42. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน
1. เกิดขึ้นไดเองตามธรรมชาติA
43.43. ปฏิกิริยานิวเคลียรใดถูกใชในการผลิตกระแสไฟฟาได
ในปจจุบันC
44.44. พลังงานนิวเคลียรถูกนําไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน
หลายดาน ยกเวนขอใดE
45.45. ขอใดกลาวถึงอนุภาคบีตาไดถูกตอง
1. เปนอิเล็กตรอนความเร็วสูง หรือเนกาตรอนA
46. ขอใดกลาวถึงไอโซโทปไดถูกตอง
1. ธาตุที่มีจํานวนอิเล็กตรอนไมเทากับโปรตอน
2. ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนและนิวตรอนในนิวเคลียสเทากัน
3. ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนแตกตางกัน แตมีจํานวน
นิวตรอนเทากัน
4. ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอน
แตกตางกัน
47. ธาตุสองชนิดที่มีเลขมวลเทากัน แตมีจํานวนโปรตอน
แตกตางกัน เรียกธาตุเหลานั้นวาอะไร
1. ไอโซโทป
2. ไอโซโทน
3. ไอโซบาร
4. ไอโซเมอร
48. ธาตุกัมมันตรังสี Co-60 ถูกนําไปใชประโยชนในดานใด
1. ผลิตรังสีแกมมา
2. ตรวจสอบการดูดซึมของปุย
3. ตรวจสอบอายุของวัตถุโบราณ
4. ตรวจสอบแหลงนํ้ามันและแกสธรรมชาติ
49. ธาตุไอโอดีนมีไอโซโทปตางๆ คือ 127
53 I 129
53 I และ 131
53 I
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง
1. แตละไอโซโทปมีจํานวนโปรตอนตางกัน
2. แตละไอโซโทปมีจํานวนนิวตรอนตางกัน
3. แตละไอโซโทปมีจํานวนอิเล็กตรอนตางกัน
4. แตละไอโซโทปมีจํานวนโปรตอนเทากับจํานวนนิวตรอน
50. การศึกษาที่เปรียบเทียบการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี
กับการทอดลูกเตานั้น จํานวนลูกเตาที่มีอยูเทียบไดกับ
ปริมาณใด
1. เวลาครึ่งชีวิต
2. จํานวนนิวเคลียสตั้งตน
3. จํานวนนิวเคลียสที่สลาย
4. จํานวนนิวเคลียสที่เหลืออยู
46.46. ขอใดกลาวถึงไอโซโทปไดถูกตอง
1. ธาตุที่มีจํานวนอิเล็กตรอนไมเทากับโปรตอนA
47.47. ธาตุสองชนิดที่มีเลขมวลเทากัน แตมีจํานวนโปรตอน
แตกตางกัน เรียกธาตุเหลานั้นวาอะไรB
48.48. ธาตุกัมมันตรังสี Co-60 ถูกนําไปใชประโยชนในดานใด
1. ผลิตรังสีแกมมาC
49.49. ธาตุไอโอดีนมีไอโซโทปตางๆ คือ
ขอใดตอไปนี้ถูกตองD
50.50. การศึกษาที่เปรียบเทียบการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี
กับการทอดลูกเตานั้น จํานวนลูกเตาที่มีอยูเทียบไดกับE
(19)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. การวิ่งรอบสนามครบ 1 รอบ ระยะทางและการกระจัดในการวิ่งมีคาอยางไร
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. จงอธิบายถึงความเร็วในแนวระดับของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. ใหนักเรียนอธิบายลักษณะของสนามแมเหล็กที่ทําใหประจุ-q ที่เคลื่อนไปทางทิศขวามือบนระนาบกระดาษนั้นเคลื่อนที่โคงขึ้น
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. ใหนักเรียนเขียนภาพแสดงองคประกอบของคลื่น พรอมระบุองคประกอบตางๆ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
5. ใหนักเรียนเขียนกราฟแสดงความสัมพันธของสารกัมมันตรังสีที่เกิดการสลายตัวดวยครึ่งชีวิต เมื่อสมมติใหปริมาณสารตั้งตน
เปน N0
และครึ่งชีวิตคือ T1/2
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
1.1. การวิ่งรอบสนามครบ 1
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B
2. จงอธิบายถึงความเร็วในแนวระดับของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B
3.3. ใหนักเรียนอธิบายลักษณะของสนามแมเหล็กที่ทําใหประจุ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B
4.4. ใหนักเรียนเขียนภาพแสดงองคประกอบของคลื่น พรอมระบุองคประกอบตางๆ4. ใหนักเรียนเขียนภาพแสดงองคประกอบของคลื่น พรอมระบุองคประกอบตางๆ4.
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................A
5. ใหนักเรียนเขียนกราฟแสดงความสัมพันธของสารกัมมันตรังสีที่เกิดการสลายตัวดวยครึ่งชีวิต เมื่อสมมติใหปริมาณสารตั้งตน
เปน NE
¤Ðá¹¹·Õèä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
10
ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จํานวน 5 ขอ ขอละ 2 คะแนน
(20)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. ตอบ ขอ 1. ปริมาณเวกเตอรเปนปริมาณที่ระบุทั้งขนาดและทิศทาง เชน การกระจัด ความเร็ว ความเรง แรง โมเมนต
นํ้าหนัก เปนตน
2. ตอบ ขอ 2. ความเร็วเปนอัตราสวนของการกระจัดตอเวลาในการเคลื่อนที่ ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอรที่ระบุทั้งขนาดและ
ทิศทาง
3. ตอบ ขอ 3. ระยะทางของการเคลื่อนที่ คือ ขนาดของเสนทางในการเคลื่อนที่ทั้งหมดจากบานไปยังโรงเรียน(15+30+
25 เมตร) ดังนั้น ระยะทางจากบานไปยังโรงเรียน คือ 70 เมตร
4. ตอบ ขอ 2. เมื่อลากเสนตรงแทนการกระจัดจากบานไปยังโรงเรียน ดังรูป สามารถสมมติรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญได
ตามภาพ จากนั้นจึงคํานวณโดยใชทฤษฎีพีทาโกรัส คือ
การกระจัด s = A2
+ B2
s = 402
+ 302
เมตร
s = 50 เมตร
5. ตอบ ขอ 2. ความเร็วตน u = 0 เมตร/วินาที ความเรง a = 2 เมตร/วินาที2
เวลา t = 5 วินาที ความเร็วปลาย v = ?
ดังนั้น แทนคาลงในสูตรหาความเรง
จากสูตร a = v - u
t
v = u + at
= 0 + (2 × 5)
= 10 เมตร/วินาที
6. ตอบ ขอ 1. หากปลอยวัตถุใหตกลงมาในแนวดิ่ง วัตถุจะมีความเรงเทากับความเรงโนมถวง ซึ่งความเรงโนมถวงนั้น
เปนคาคงที่ คือ 9.8 m/s2
และไมเปลี่ยนแปลงตามเวลา แตจะเปลี่ยนตามระดับความสูงจากพื้นโลก
7. ตอบ ขอ 2. การเคลื่อนที่ของวัตถุจะเกิดความเรงเมื่อวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว
อยางสมํ่าเสมอ ความเรงจะมีคาคงตัว ที่บริเวณ B ความเร็วมีการเปลี่ยนแปลงอยางสมํ่าเสมอ โดยความ
เร็วคอยๆ ลดลง ความเรงจึงมีคาคงตัวเปนลบ ขณะที่บริเวณA ความเร็วไมมีการเปลี่ยนแปลง ความเรงจะ
มีคาเปนศูนย สวนบริเวณ C และ D มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วแบบไมคงที่ ความเรงจึงมีคาไมคงตัว
8. ตอบ ขอ 4. วัตถุที่ตกอยางอิสระภายใตแรงโนมถวงของโลกจะเคลื่อนที่ลงดวยความเรงเทากัน จึงตกถึงพื้นพรอมกัน
แตในความเปนจริงอาจมีแรงตานในอากาศทําหนาที่เปนแรงพยุง ทําใหวัตถุที่มีมวลนอยหรือมีพื้นที่ปะทะ
กับลมมาก เคลื่อนที่ดวยความเรงที่ลดลงกวาปกติ
ตอนที่ 1
40 เมตร
30 เมตร
s
ชุดที่ 1เฉลยแบบทดสอบ
(21)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
9. ตอบ ขอ 3. เมื่อเกิดการเคลื่อนที่แบบวงกลมดังที่โจทยกําหนด แรงที่กระทํากับจุกยางขณะเหวี่ยงจะเปนแรงสูศูนยกลาง
ซึ่งแรงสูศูนยกลางจะมีทิศเขาหาจุดศูนยกลางวงกลมเสมอ
10. ตอบ ขอ 2. ลูกบอลที่ถูกขวางจากตึกสูงในแนวระดับจะเคลื่อนที่ตกสูพื้น เนื่องจากมีแรงโนมถวงมากระทําตอลูกบอล
ในขณะเดียวกันก็มีความเร็วตนในแนวระดับหรือแนวขนานกับพื้นโลกดวย ทําใหลูกบอลโคงตกลงสูพื้น
แบบโพรเจกไทล ซึ่งอัตราเร็วของลูกบอลในแนวระดับจะมีคาคงที่เทากับอัตราเร็วเริ่มตน แตอัตราเร็ว
ในแนวดิ่งจะคอยๆ เพิ่มขึ้นดวยความเรง (g) ประมาณ 10 เมตร/วินาที2
11. ตอบ ขอ 2. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ในวิถีโคง เนื่องมาจากมีการเคลื่อนที่ทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง
ซึ่งมีผลมาจากแรงโนมถวงของโลกกระทําตลอดการเคลื่อนที่ ทําใหวัตถุเคลื่อนที่โคง เชน การปาบอลไปขาง
หนาจนกระทั่งบอลโคงตกถึงพื้น นํ้าที่ออกจากสายยางเปนแนวโคง เปนตน
12. ตอบ ขอ 4. การเคลื่อนที่ของนักกระโดดรมจะมีแรงตานในอากาศกระทําตอรม ทําใหความเรงลดลง นักกระโดดรมจึงตก
สูพื้นอยางชาๆ ดวยความเร็วที่คอยๆ ลดลงอยางชาๆ
13. ตอบ ขอ 3. ดอกยางชวยเพิ่มแรงเสียดทานซึ่งเปนแรงเขาสูศูนยกลาง ทําใหรถยนตเคลื่อนที่ในทางโคงของวงกลมได
14. ตอบ ขอ 3. สนามของแรงที่มีทิศตั้งฉากกับพื้นโลก คือ สนามโนมถวง ซึ่งมีทิศเขาสูพื้นโลก ทําใหเกิดแรงโนมถวงดึงดูด
วัตถุตางๆ ใหอยูบนพื้นโลก และเปนแรงดึงดูดระหวางมวลที่ทําใหดวงดาวตางๆ รักษาระยะหางของการโคจร
ภายในระบบสุริยะ
15. ตอบ ขอ 2. สนามโนมถวงจะกอใหเกิดแรงดึงดูดระหวางมวลของโลกกับดาวเทียม ดังนั้น ในระดับความสูงหนึ่งที่
ดาวเทียมเคลื่อนที่ดวยความเร็วที่เหมาะสม ดาวเทียมนั้นจะสามารถอยูในวงโคจรของโลกได
16. ตอบ ขอ 4. อนุภาคที่มีการเคลื่อนที่อยูภายในลวดตัวนํา คือ อิเล็กตรอน ซึ่งมีประจุลบ โดยมีทิศทางสวนทางกับทิศของ
กระแสไฟฟา เนื่องจากนิยมพิจารณากระแสไฟฟาวาเปรียบเสมือนเปนประจุบวกที่เคลื่อนที่ในลวดตัวนําโดยที่
ความเปนจริงแลว อนุภาคประจุบวกหรือโปรตอนจะไมเคลื่อนที่
17. ตอบ ขอ 3. ประจุไฟฟาชนิดเดียวกันจะออกแรงผลักกันทําใหประจุหางกันเปนระยะหนึ่งเทานั้น แลวจะหยุดนิ่งเนื่องจาก
แรงไฟฟาจะมีคานอยลงเรื่อยๆ เมื่อประจุมีระยะหางกันมากขึ้น
18. ตอบ ขอ 4. อิเล็กตรอนเปนอนุภาคที่มีประจุลบ ซึ่งจากที่ไดศึกษามาเกี่ยวกับการเบนของอนุภาคในสนามไฟฟา ประจุ
บวกจะเคลื่อนที่ตามแนวสนามไฟฟา แตถาเปนประจุลบจะมีทิศทางการเคลื่อนที่ตรงกันขามกับประจุบวก
คือ เคลื่อนที่สวนกับสนามไฟฟา
19. ตอบ ขอ 4. สนามแมเหล็กเกิดขึ้นรอบๆ แทงแมเหล็ก โดยมีทิศทางพุงออกจากขั้วแมเหล็กเหนือไปยังขั้วแมเหล็กใต
ซึ่งบริเวณขั้วแมเหล็กทั้งสองจะมีความหนาแนนของสนามแมเหล็กมากกวาบริเวณอื่นๆ
20. ตอบ ขอ 3. วัตถุที่จะถูกกระทําเมื่ออยูในสนามแมเหล็กจะเปนวัตถุที่มีคุณสมบัติของสารแมเหล็ก ซึ่งแรงที่กระทําตอวัตถุ
เนื่องจากสนามแมเหล็ก เรียกวา แรงแมเหล็ก โดยวัตถุที่เปนสารแมเหล็ก เชน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม
เปนตน ในที่นี้กระดาษสีเงินไมใชสารแมเหล็กจึงไมถูกสนามแมเหล็กกระทํา
21. ตอบ ขอ 3. สนามแมเหล็กรอบๆ แมเหล็กจะมีทิศทางพุงออกจากขั้วเหนือ (N) ไปยังขั้วใต (S) เมื่อวางเข็มทิศบริเวณ
กึ่งกลางตามภาพ แมเหล็กตางขั้วกันจะมีอํานาจดึงดูดกัน คือ ขั้วใตของเข็มทิศจะชี้ไปทางขั้วเหนือของ
แทงแมเหล็ก และขั้วเหนือของเข็มทิศจะชี้ไปทางขั้วใตของแทงแมเหล็ก
(22)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
22. ตอบ ขอ 4. แมเหล็กชั่วคราว หมายถึง แทงแมเหล็กที่แสดงสมบัติเปนแมเหล็กในชวงระยะเวลาที่ตองการจะใหเปน
แมเหล็กเทานั้น เชน แมเหล็กที่เกิดจากการเหนี่ยวนํากระแสไฟฟา แมเหล็กที่เกิดจากเหล็กที่ถูก
เหนี่ยวนําดวยแทงแมเหล็ก เปนตน
23. ตอบ ขอ 3. ปจจัยที่มีผลตอการเกิดกระแสไฟฟาเหนี่ยวนํา ไดแก ความเขมของสนามแมเหล็ก ความเร็วในการเคลื่อนที่
ของขดลวดและแทงแมเหล็ก จํานวนรอบของขดลวด และพื้นที่ของขดลวด ซึ่งปริมาณการจายไฟไมใชปจจัย
ในการผลิตกระแสไฟฟา
24. ตอบ ขอ 3. อนุภาคที่มีประจุไฟฟาบวกหรือลบเมื่อเคลื่อนที่ตั้งฉากผานสนามแมเหล็กจะเกิดแรงแมเหล็กกระทําตอ
อนุภาค โดยแรงกระทําตออนุภาคบวกจะมีทิศตามกฎมือขวา และมีทิศตรงขามกับกฎมือขวาเมื่อเปน
อนุภาคลบ จากภาพ การเคลื่อนที่ที่เปนไปตามกฎมือขวา คือ ภาพที่ 3 ซึ่งอนุภาคบวกเคลื่อนที่จาก
ขวาไปซายตั้งฉากกับสนามแมเหล็กที่พุงออกจากระนาบของแผนกระดาษ โดยนิ้วทั้งสี่ของมือขวาแทน
ทิศทางการเคลื่อนที่ของอนุภาคเมื่อกวาดนิ้วทั้งสี่ไปในทิศทางพุงออกของสนามแมเหล็กแลว นิ้วโปงจะชี้ขึ้น
ซึ่งแทนทิศของแรงแมเหล็กที่กระทํา ทําใหอนุภาคเคลื่อนที่โคงขึ้น
25. ตอบ ขอ 1. นิวเคลียสของอะตอมจะประกอบไปดวยโปรตอนที่มีประจุบวก และนิวตรอนที่เปนกลางทางไฟฟา จึงทําให
แรงไฟฟามีอิทธิพลนอยมากภายในนิวเคลียส และดวยมวลของโปรตอนและนิวตรอนที่มีนอยมาก ทําให
แรงดึงดูดระหวางมวลไมมีผล เพราะฉะนั้นแรงที่ทําหนาที่ยึดโปรตอนกับนิวตรอนไวภายในนิวเคลียสก็คือ
แรงนิวเคลียรเพียงอยางเดียว
26. ตอบ ขอ 3. โปรตอนเปนอนุภาคที่มีประจุทางไฟฟาเปนบวก ซึ่งอยูรวมกันกับนิวตรอนซึ่งเปนกลางทางไฟฟา โปรตอน
สามารถอยูรวมกันภายในนิวเคลียสได เนื่องจากมีแรงนิวเคลียรดึงดูดใหอนุภาคอยูรวมกันโดยไมผลักกัน
ทั้งที่มีประจุเดียวกัน อะตอมจึงคงความเปนอะตอมอยูได
27. ตอบ ขอ 4. คลื่นตามยาว คือ คลื่นที่อนุภาคของตัวกลางมีการสั่นในทิศทางเดียวกันหรือขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของ
ตัวกลาง
28. ตอบ ขอ 2. ความถี่ คือ จํานวนลูกคลื่นที่เคลื่อนที่ผานจุดจุดหนึ่งในหนึ่งหนวยเวลา หรือจํานวนรอบของการสั่นตอเวลา
โดยแปรผกผันกับคาบ ซึ่งเปนชวงเวลาที่คลื่นเคลื่อนที่ผานไปได 1 ลูกคลื่น หรือสั่นครบ 1 รอบ
29. ตอบ ขอ 3. คลื่นที่มีอากาศเปนตัวกลางในการเคลื่อนที่ เรียกวา คลื่นกล เชน คลื่นผิวนํ้า คลื่นในเสนเชือก เปนตน
โดยสามารถแบงเปน 2 ประเภท ตามลักษณะการสั่นของอนุภาคตัวกลาง ไดแก คลื่นตามขวาง
ซึ่งอนุภาคของตัวกลางสั่นในแนวตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น เชน คลื่นในเสนเชือก คลื่นนํ้า เปนตน
และคลื่นตามยาว ซึ่งเปนคลื่นที่อนุภาคของตัวกลางสั่นในแนวขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น เชน
คลื่นเสียง คลื่นจากการอัดสปริง เปนตน
30. ตอบ ขอ 4. จากสมบัติการหักเหของคลื่น อัตราเร็วของคลื่นที่เปลี่ยนแปลงไป จะทําใหความยาวของคลื่นเปลี่ยนแปลง
ตามไปดวย แตความถี่ของคลื่นไมมีการเปลี่ยนแปลง ไมวาคลื่นจะเคลื่อนที่ผานจากบริเวณนํ้าตื้นไปยัง
บริเวณนํ้าลึก หรือจากบริเวณนํ้าลึกไปยังบริเวณนํ้าตื้น
31. ตอบ ขอ 2. ความยาวคลื่นเปนระยะทางเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ ซึ่งวัดไดจากสันคลื่นหนึ่งไปยังอีกสันคลื่นหนึ่ง
หรือทองคลื่นหนึ่งไปยังอีกทองคลื่นหนึ่ง
(23)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
32. ตอบ ขอ 1. คาบของคลื่น มีความสัมพันธเปนสวนกลับกันกับความถี่ของคลื่น จากที่กําหนดใหความถี่คลื่นมีคา
30 ครั้ง/1 นาที หรือ 0.5 Hz (30 ครั้ง/60 วินาที) สามารถหาคาบไดดังนี้
T = 1/f
= 1/0.5
= 2 วินาที
33. ตอบ ขอ 2. อัตราเร็วของคลื่นเสียงในอากาศขึ้นอยูกับอุณหภูมิของอากาศ โดยจะแปรผันตามอุณหภูมิของอากาศ
ซึ่งเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เสียงจะเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วที่เพิ่มขึ้น
34. ตอบ ขอ 4. การสอดแทรกทําใหเกิดการเสริมและหักลางของคลื่นเสียงเปนชวงๆ จึงเกิดเสียงดังและเบาสลับกัน
เรียกวา บีตสของเสียง
35. ตอบ ขอ 2. เมื่อกดสายกีตารใหสั้นลง ความยาวคลื่นจะสั้นลง ทําใหความถี่เพิ่มขึ้น จึงเกิดเสียงแหลมสูง
36. ตอบ ขอ 3. การสะทอนของคลื่นถูกนําไปใชประโยชนหลายดาน ซึ่งดานธรณีวิทยาใชในการตรวจสอบชั้นหิน โดย
ปลอยคลื่นไปเพื่อรับสัญญาณที่สะทอนกลับมา ซึ่งสามารถทําใหทราบลักษณะของชั้นหินตางๆ ได
37. ตอบ ขอ 2. องคการอนามัยโลก กําหนดระดับความเขมเสียงที่ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกิน 85 เดซิเบล
และไดยินติดตอกันไมเกิน 8 ชั่วโมง ซึ่งถาระดับความเขมเสียงเกินกวาที่กําหนด จะเปนเสียงที่กอใหเกิด
อันตรายตอหูและจิตใจของผูฟงได จึงถือวาเปนมลภาวะทางเสียง
38. ตอบ ขอ 2. เรียงลําดับคลื่นเหล็กไฟฟาตามความยาวคลื่นจากมากไปนอยได ดังนี้
คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด แสง อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ รังสีแกมมา
จากตัวเลือกทั้ง 4 คลื่นที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด คือ คลื่นแสง
39. ตอบ ขอ 4. รังสีอินฟราเรดหรือรังสีความรอน เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความยาวคลื่นมากกวาชวงที่ตามองเห็น
นิยมใชในระบบควบคุมเครื่องใชไฟฟา เชน โทรทัศน เครื่องเลนดีวีดี เปนตน
40. ตอบ ขอ 3. คลื่นแมเหล็กไฟฟามีความสําคัญมากในปจจุบันทั้งดานการสื่อสารและเทคโนโลยีดานตางๆ อีกมากมาย
ดวยจุดเดนที่สามารถใชประโยชนไดแตกตางกันตามยานความถี่และสามารถทํางานไดในระบบสุญญากาศ
41. ตอบ ขอ 4. รังสีแอลฟาและรังสีบีตามีประจุตางกัน ทําใหรังสีทั้งสองเบนในสนามแมเหล็กดวยทิศทางที่ตรงขามกัน
และจะเบนเปนแนวโคงดวยรัศมีความโคงที่แตกตางกัน เนื่องมาจากมวลของอนุภาคทั้งสองไมเทากัน
42. ตอบ ขอ 3. ตนทุนที่เกิดจากมาตรการควบคุมดานความปลอดภัยของการผลิตไฟฟาดวยพลังงานนิวเคลียรนั้นสูงกวา
การผลิตไฟฟาดวยแหลงพลังงานอื่น เพราะอันตรายที่จะเกิดขึ้นสงผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเปน
อยางมาก จึงมีการลงทุนในเรื่องมาตรการการควบคุมความปลอดภัยสูงที่สุด
43. ตอบ ขอ 3. พลังงานนิวเคลียรเปนพลังงานที่ไมตองอาศัยแหลงพลังงานธรรมชาติ ทั้งยังสามารถใหพลังงานไดอยาง
มหาศาล ซึ่งปจจุบันมีโรงไฟฟาพลังงานนิวเคลียรซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟาทดแทนการใชเชื้อเพลิง
ในการผลิตไดเปนอยางดี แตทั้งนี้ตองอยูในการควบคุมดูแลที่รัดกุมและปลอดภัย
44. ตอบ ขอ 2. เมื่อรังสีเคลื่อนที่ผานอากาศจะมีการถายโอนพลังงาน ซึ่งทําใหอากาศเกิดการแตกตัวเปนไอออน โดยรังสี
แอลฟาทําใหอากาศแตกตัวไดดีที่สุด จึงสูญเสียพลังงานไดรวดเร็วกวารังสีบีตา และรังสีแกมมา ตามลําดับ
(24)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
45. ตอบ ขอ 2. รังสีเนื่องจากสารกัมมันตรังสี ไดแก แอลฟา บีตา และแกมมา มีคุณสมบัติการทะลุทะลวงและสมบัติทาง
ไฟฟาที่แตกตางกัน โดยแอลฟาจะมีอํานาจการทะลุทะลวงตํ่าสุด คือ ไมสามารถเคลื่อนที่ผานแผนกระดาษได
และแอลฟายังมีประจุทางไฟฟาเปนบวก ในขณะที่บีตามีประจุทางไฟฟาเปนลบเชนเดียวกับอิเล็กตรอน
สวนแกมมาเปนกลางทางไฟฟา ดวยสมบัติทางไฟฟานี้เมื่อแอลฟาและบีตาเคลื่อนที่ผานสนามไฟฟาหรือ
สนามแมเหล็ก แนวการเคลื่อนที่จะเบี่ยงเบนไป สวนการเคลื่อนที่ของแกมมานั้นจะไมเกิดการเบี่ยงเบน
46. ตอบ ขอ 2. จากการคนพบของเบ็กเคอเรลทราบวารอยดํานั้นไมไดเกิดจากรังสีเอกซ เนื่องจากรังสีนั้นสามารถทําให
อากาศแตกตัวไดดีกวารังสีเอกซ และเมื่อทําการทดสอบในสนามแมเหล็กพบการเบี่ยงเบน จึงทราบไดวา
รังสีดังกลาวมีมวลและประจุ
47. ตอบ ขอ 4. การคํานวณอายุของสิ่งตางๆ ทําไดโดยอาศัยสมบัติการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี โดยวัดการสลายตัวที่
เกิดขึ้นเพื่อหาปริมาณสารที่หลงเหลือเทียบกับครึ่งชีวิตของสารนั้นๆ
48. ตอบ ขอ 2. ในการรักษามะเร็งตอมไทรอยดจะใชไอโซโทปของไอโอดีน-131 สวนไอโซโทปของไอโอดีน-132 ถูกใช
เพื่อตรวจสอบการทํางานของตอมไทรอยด
49. ตอบ ขอ 4. จากตัวเลือกตางๆ ฮีเลียม คารบอน และไอโอดีน เปนไอโซโทปที่มีความเสถียรแลว ขณะที่โคบอลตที่มี
เลขมวล 60 ไมมีความเสถียร จึงเกิดการสลายตัวแลวไดกัมมันตภาพรังสี
50. ตอบ ขอ 1. สารกัมมันตรังสีมีทั้งประโยชนและโทษควบคูกัน ซึ่งประโยชนของสารกัมมันตรังสีมีอยูหลายดาน เชน
ดานการแพทย การเกษตร การถนอมอาหาร อุตสาหกรรม เปนตน
(25)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. แนวตอบ จากแถบกระดาษ สังเกตไดวาวัตถุมีความเร็วเพิ่มขึ้นแบบคงที่ ความเรงจึงมีคาคงที่และมีคาเปนบวก
ซึ่งสามารถเขียนกราฟได ดังนี้
2. แนวตอบ ความถี่ 40 เฮิรต หมายถึง ใบพัดสามารถหมุนได 40 รอบ ในเวลา 1 วินาที ดังนั้นในเวลา 1 นาที หรือ
60 วินาที ใบพัดจะสามารถหมุนได 2,400 รอบ และคาบการหมุนซึ่งเปนสวนกลับของความถี่ หาไดจาก
T = 1
f
= 1
40
= 0.025 วินาที
ดังนั้น ใบพัดจะหมุนได 2,400 รอบ ดวยคาบ 0.025 วินาที
3. แนวตอบ การทํางานของมอเตอรอาศัยหลักการของแรงอันเนื่องมาจากสนามแมเหล็กที่กระทําตอประจุที่ไหลผาน
ลวดตัวนํา ซึ่งสามารถพิจารณาไดจากกฎมือขวา โดยทิศทางการไหลของกระแสไฟฟาเปรียบไดกับการ
เคลื่อนที่ของประจุบวก (ในความเปนจริงคือประจุลบเคลื่อนที่ภายในลวดตัวนํา) ที่ตัดผานสนามแมเหล็ก
จึงเกิดแรงกระทําตอประจุภายในลวดตัวนํา ทําใหขดลวดหมุน ซึ่งสงผลใหมอเตอรทํางาน
4. แนวตอบ สนามแมเหล็กจะมีความหนาแนนมากบริเวณขั้วแมเหล็ก และมีความหนาแนนนอยที่สุดบริเวณกึ่งกลาง
เนื่องจากไมมีอํานาจแมเหล็กหรือมีนอย และสนามแมเหล็กจะมีทิศพุงออกจากปลายขั้วแมเหล็กเหนือไป
ยังขั้วแมเหล็กใต ดังรูป
5. แนวตอบ จากการสลายตัวครึ่งชีวิตของกัมมันตรังสี
สลายตัวครั้งที่ 1 เวลา T1
2 สารคงเหลือ 200 มิลลิกรัม
สลายตัวครั้งที่ 2 เวลา 2 T1
2 สารคงเหลือ 100 มิลลิกรัม
สลายตัวครั้งที่ 3 เวลา 3 T1
2 สารคงเหลือ 50 มิลลิกรัม
ดังนั้น ใชเวลาไปทั้งสิ้น 3 T1
2 หรือ3 × 25 นาที=75 นาที ไอโอดีน-128 จึงจะลดลงเหลือ50 มิลลิกรัม
ตอนที่ 2
a
0 t
N S
(26)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. ตอบ ขอ 2. การตกอยางอิสระเปนการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งที่วัตถุเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วตนเปนศูนย และมีความเรง
g ซึ่งมีคาประมาณ 9.8 หรือ 10 m/s2
กลาวคือ วัตถุจะเคลื่อนที่ดวยความเร็วเพิ่มขึ้นวินาทีละ 10 m/s
อันเนื่องจากถูกแรงโนมถวงกระทําตลอดการเคลื่อนที่
2. ตอบ ขอ 2. เมื่อปาวัตถุขึ้นไปในแนวดิ่ง แรงโนมถวงของโลกจะกระทําใหวัตถุเคลื่อนที่ดวยความเรงคงตัว คือ ความเรง
เนื่องจากแรงโนมถวงของโลก ซึ่งมีคาประมาณ 9.8 m/s2
ดังนั้นวัตถุที่ถูกปาขึ้นไปจะคอยๆ ลดความเร็วลง
อยางคงที่ คือ ลดลง 9.8 m/s2
ทุก 1 วินาที
3. ตอบ ขอ 1. การกระจัดทั้งหมด s = 20 - 2 = 18 เมตร
เวลาที่ใชทั้งหมด t = 5 นาที
ดังนั้น ความเร็วเฉลี่ย v = s
t
= 18
15
= 3.6 m/s
4. ตอบ ขอ 2. ความเร็วตน u = 10 เมตร/วินาที ความเรง a = 5 เมตร/วินาที2
เวลา t = 20 นาที ความเร็วปลาย v = ?
แทนคาลงในสูตรหาความเรง
จากสูตร a = v - u
t
v = u + at
= 10 + (5 × 20)
= 110 เมตร/วินาที
5. ตอบ ขอ 4. ความเร็วที่แสดงบนมาตรวัดความเร็วของรถยนตจะบอกความเร็วขณะหนึ่งที่เวลาตางๆ ตามการเคลื่อนที่
ของรถ ณ ขณะนั้น
6. ตอบ ขอ 4. วัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวดิ่งจะเคลื่อนที่ดวยความเรงg หากตองการใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นไดสูงมากที่สุดสามารถ
ทําโดยการเพิ่มความเร็วตนในการเคลื่อนที่ เพราะเมื่อเคลื่อนที่ขึ้นไปเรื่อยวัตถุจะมีความเร็วลดลงจนเปน
ศูนย แลวจึงตกกลับลงมา
7. ตอบ ขอ 3. การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง วัตถุจะเคลื่อนที่ลงอยางอิสระดวยความเรงg เสมอ ไมวาวัตถุนั้นจะมีมวลหรือขนาด
แตกตางกันอยางไร ทั้งนี้ตองไมมีแรงภายนอกอื่นๆ ที่นอกเหนือจากแรงโนมถวงมากระทํา ในการทดลอง
จึงตองระมัดระวังแรงตานในอากาศที่จะมีผลตอการเคลื่อนที่
8. ตอบ ขอ 4. บนพื้นผิวของดวงจันทรจะมีคาแรงโนมถวงที่นอยกวาบนโลก ความเรงของวัตถุที่ตกอยางอิสระในแนวดิ่ง
จึงมีคานอยกวาคา g เมื่อเทียบกับโลก
ตอนที่ 1
ชุดที่ 2เฉลยแบบทดสอบ
(27)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
9. ตอบ ขอ 3. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่แบบ 2 มิติ ซึ่งมีปริมาณการเคลื่อนที่ทั้งในแนวระดับ
(แนวราบ) และแนวดิ่ง โดยในแนวดิ่งจะมีแรงโนมถวงของโลกกระทําตอวัตถุ ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ดวย
ความเรง g ตลอดการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ขณะที่ในแนวราบไมมีแรงภายนอกอื่นๆ มากระทํา ทําใหวัตถุ
มีความเรงเปนศูนยหรือความเร็วมีคาคงที่ ทั้งนี้ตลอดการเคลื่อนที่นั้น การกระจัดของวัตถุทั้งแนวระดับและ
แนวดิ่งจะเปลี่ยนแปลงตามเวลาเสมอ
10. ตอบ ขอ 1. การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายเปนการเคลื่อนที่แบบแกวงกวัดซํ้ารอยเดิม เชน การแกวงของลูกตุม
การแกวงของชิงชา เปนตน
11. ตอบ ขอ 1. การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย วัตถุจะสั่นดวยการกระจัดเล็กๆ สมํ่าเสมอ ขอที่ไมใชการเคลื่อนที่แบบ
ฮารมอนิกอยางงาย คือ ขอ 1. ซึ่งเปนการเคลื่อนที่แบบวงกลม
12. ตอบ ขอ 3. การเคลื่อนที่ของลูกตุมนาฬกาเปนการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย คือ เคลื่อนที่กลับไปกลับมาอยาง
สมํ่าเสมอดวยคาบและความถี่ที่คงที่ ซึ่งการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายจะเกิดขึ้นเมื่อมีการแกวงกวัด
ดวยการกระจัดเล็กๆ
13. ตอบ ขอ 4. ลูกธนูที่เคลื่อนที่ออกไปจะโคงลงแบบโพรเจกไทลเมื่อเคลื่อนที่ในระยะไกล เนื่องจากมีแรงโนมถวงกระทําตอ
ลูกธนูตลอดการเคลื่อนที่ การยิงธนูจึงอาจเล็งใหตําแหนงที่ยิงเหนือเปาเล็กนอย ซึ่งเมื่อลูกธนูโคงลงก็จะตก
ที่ตําแหนงเปาพอดี
14. ตอบ ขอ 2. สนามโนมถวงของโลกที่ระดับความสูงตางๆ จากผิวโลก จะมีคาแตกตางกัน ซึ่งยิ่งความสูงจากผิวโลกมาก
สนามโนมถวงก็จะมีคานอยลง
15. ตอบ ขอ 1. จากสมการ w = mg ตองการหาสนามโนมถวง (g) โดยมวลของวัตถุจะมีคาคงที่ทุกสภาพโนมถวง
g = w
m = 16
10 = 1.6 m/s2
16. ตอบ ขอ 3. แรงที่กระทําใหใบไมรวงสูพื้น คือ แรงโนมถวงของโลก ซึ่งเปนแรงเดียวกับที่ทําใหดวงจันทรหรือดาวเทียม
โคจรอยูรอบโลก เนื่องจากมีแรงดึงดูดระหวางกัน ขณะที่แรงจากแผนแมเหล็กเปนแรงแมเหล็ก แรงภายใน
อะตอมที่กระทําตออิเล็กตรอนเปนแรงไฟฟาและแรงนิวเคลียร สวนแรงเนื่องจากสนามแมเหล็กที่กระทําตอ
ขดลวดเปนแรงแมเหล็ก
17. ตอบ ขอ 4. เสนแรงไฟฟาแสดงถึงสนามไฟฟาจากประจุไฟฟา โดยจะพุงออกจากขั้วไฟฟาบวกไปขั้วไฟฟาลบเสมอ
ซึ่งชวยบอกทิศทางของสนามไฟฟา สําหรับประจุที่เคลื่อนที่ภายในลวดตัวนํา จะมีสนามไฟฟาออกมาจาก
ลวดตัวนําในทิศตั้งฉากกับผิวของตัวนํา
18. ตอบ ขอ 4. ในสนามแมเหล็กทิศพุงเขา เมื่อพิจารณาอนุภาคQ และR ดวยกฎมือขวา พบวาอนุภาคQ เปนประจุบวก
และอนุภาค R เปนประจุลบ เมื่อใหอนุภาคทั้งสองอยูในสนามไฟฟาจะเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันขาม
โดยอนุภาคที่มีประจุบวก (Q) จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันกับเสนสนามไฟฟา
19. ตอบ ขอ 1. กระแสไฟฟาเหนี่ยวนําเกิดขึ้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟาผานขดลวดตัวนํา ทําใหเกิด
กระแสไฟฟาขึ้นในขดลวดตัวนํา จึงนําหลักการดังกลาวมาใชสรางเครื่องกําเนิดไฟฟาจากพลังงานกล
ในการหมุน ที่เรียกวา ไดนาโม
(28)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
20. ตอบ ขอ 3. หลอดรังสีแคโทดเปนการสรางลําอิเล็กตรอนหรือรังสีแคโทดภายในหลอดแกว ซึ่งหากภายในหลอดแกวมี
อากาศอยูมาก จะเกิดการชนกันของอนุภาคอิเล็กตรอนในอากาศ ทําใหไมสามารถวิเคราะหลําอิเล็กตรอน
ไดอยางถูกตอง
21. ตอบ ขอ 1. สนามแมเหล็กมีอํานาจดึงดูดสารแมเหล็กและสงผลใหเกิดแรงแมเหล็กตอประจุไฟฟาที่กําลังเคลื่อนที่
แตหากเปนประจุไฟฟาที่อยูนิ่งจะไมเกิดแรงกระทําใดๆ ตอประจุ
22. ตอบ ขอ 1. เมื่อกระแสไฟฟาผานลวดตัวนําในทิศทาง I หากพิจารณาดวยกฎมือขวาสําหรับประจุบวกผานสนามแมเหล็ก
จาก N ไป S แรงที่กระทําจะมีทิศชี้ลง
23. ตอบ ขอ 4. เสนแรงแมเหล็กจะพุงจากขั้วเหนือไปขั้วใตเสมอ จากภาพในโจทยจะเห็นวาเสนแรงแมเหล็กจะพุงจาก
B ไป A และ C ไป D ทําใหทราบไดวา B และ C เปนขั้วเหนือ สวน A และ D เปนขั้วใต
24. ตอบ ขอ 4. แมเหล็กในมอเตอรจะทําใหเกิดสนามแมเหล็กขึ้น เมื่อจายกระแสไฟฟาเขาไปผานขดลวดตัวนํา ซึ่งเมื่อ
ขดลวดตัวนําที่มีกระแสไฟฟาอยูในสนามแมเหล็ก จะเกิดแรงแมเหล็กที่ทําใหขดลวดตัวนําหมุน
25. ตอบ ขอ 3. แมเหล็กมีสมบัติความเปนคูขั้ว เมื่อแบงแทงแมเหล็กออกเปนสองสวน หนวยที่เรียกวา ไดโพล ซึ่งแสดง
ความเปนขั้วจะมีการจัดเรียงตัว ทําใหเกิดขั้วแมเหล็กเปนสองขั้วเสมอ ดังภาพ
26. ตอบ ขอ 1. แรงนิวเคลียรตองเปนแรงดูดที่มีคามากกวาแรงผลักทางไฟฟา จึงทําใหนิวคลีออนรวมกันอยูได และเปน
แรงที่เกิดภายในระยะทางที่สั้นมาก คือ ระหวางนิวคลีออนดวยกัน ซึ่งมีระยะทางประมาณ 10-15 เมตร
หรือนอยกวา
27. ตอบ ขอ 4. แรงนิวเคลียรมีความสําคัญในการสรางพลังงานนิวเคลียร ซึ่งถือเปนแหลงพลังงานสําคัญที่มนุษยสามารถ
นํามาใชประโยชนได เชน พลังงานไฟฟา เปนตน แตทั้งนี้หากนําพลังงานไปใชในทางที่ไมสรางสรรคก็อาจ
เกิดโทษได
28. ตอบ ขอ 1. การหักเหเปนการที่คลื่นเคลื่อนที่ผานตัวกลาง ทําใหคลื่นเปลี่ยนความเร็วและความยาวคลื่น การสะทอน
เปนการที่คลื่นกระทบพื้นผิวแลวเกิดการเปลี่ยนทิศทางกลับเขาสูทิศทางเดิม การเลี้ยวเบนเกิดขึ้นเมื่อคลื่น
เคลื่อนที่ออมสิ่งกีดขวาง และการแทรกสอดเปนการรวมกันของคลื่นสองขบวนขึ้นไป
29. ตอบ ขอ 2. เมื่อเรียงลําดับคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากความยาวคลื่นมากไปนอยไดดังนี้ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด
แสงอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ และรังสีแกมมา
30. ตอบ ขอ 1. คลื่นเปนการแผของพลังงาน ที่อาจมีตัวกลางหรือไมก็ได ซึ่งคลื่นที่เคลื่อนที่ผานตัวกลางจะเรียกวา คลื่นกล
และคลื่นที่เคลื่อนที่โดยไมอาศัยตัวกลาง เรียกวา คลื่นแมเหล็กไฟฟา
31. ตอบ ขอ 1. การสังเกตปลาในนํ้า คลื่นแสงที่สะทอนเขาสูตาเราจะเคลื่อนที่ผานตัวกลางที่ตางชนิดกัน ทําใหคลื่นเกิด
การหักเห เราจึงมองเห็นปลามีขนาดตางไปจากปกติ
N S N S N S
(29)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
32. ตอบ ขอ 2. ระยะทาง (s) = 20 เมตร ความยาวคลื่น (λ) = 2 เมตร เวลา (t) = 10 วินาที
หาความถี่จากสูตร v = fλ
จะได f = v
λ
หาอัตราเร็วคลื่นจาก v = s
t
= 20
10
= 2 m/s
หาความถี่ f = v
λ
= 2
2
= 1 Hz
ดังนั้น ลูกบอลจะสั่นขึ้นลงดวยความถี่ 1 Hz
33. ตอบ ขอ 3. ความเขมเสียงเปนระดับพลังงานเสียงที่ตกกระทบตั้งฉากตอพื้นที่ในหนึ่งหนวยเวลา ซึ่งใชบอกความดังเบา
ของเสียงที่ไดยิน โดยความเขมเสียงที่มนุษยไดยินจะอยูในชวง 1-10-12
วัตตตอตารางเมตร
34. ตอบ ขอ 3. เวลา 0.4 วินาที หมายถึง เวลาที่เสียงเดินทางไปถึงกนทะเลแลวสะทอนกลับขึ้นมายังเรือ ดังนั้นเวลา
0.4 วินาที จะไดเปนระยะทาง 2 เทาของกนทะเล
จาก s = vt
ถาเวลา = 0.4 วินาที จะไดระยะทางที่เสียงเดินทาง = 2s เมตร
ดังนั้น 2s = 1500 m/s × 0.4 s
s = 600 m
2 = 300 m
ดังนั้น ทะเลบริเวณนี้ลึก 300 เมตร
35. ตอบ ขอ 2. เครื่องโซนารเปนอุปกรณหาปลาในทะเล โดยจะปลอยคลื่นเสียงลงไปในทะเลเพื่อรับคลื่นที่สะทอนกลับมา
ซึ่งจะบอกตําแหนงหรือจํานวนของปลาใตนํ้าได
36. ตอบ ขอ 3. คลื่นสามารถเคลื่อนที่ไดเมื่อผานตัวกลางที่มีความหนาแนนมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคลื่นเสียงเคลื่อนที่ผานพื้นดิน
จะสามารถฟงเสียงได เนื่องจากคลื่นเสียงเคลื่อนที่มาไดเร็วกวาตัวกลางที่เปนอากาศ
37. ตอบ ขอ 2. ความเขมเสียงหรือระดับความดังของเสียงที่มากเกินไปจะสงผลตอการไดยินของมนุษย ซึ่งทําใหประสิทธิภาพ
การไดยินลดลงได จึงควรควบคุม ปองกัน และแกไข
38. ตอบ ขอ 4. โดยทั่วไปคลื่นวิทยุซึ่งมีความถี่ตํ่าจะสะทอนกับไอออนในชั้นไอโอโนสเฟยร จึงทําใหไมสามารถทะลุผาน
ชั้นบรรยากาศของโลกออกไปได ในการสงสัญญาณระยะไกลผานดาวเทียมจึงใชคลื่นไมโครเวฟที่สามารถ
ทะลุผานชั้นบรรยากาศตางๆ โดยไมสะทอนกลับ เพื่อสงสัญญาณไปยังดาวเทียมได
39. ตอบ ขอ 2. ความยาวคลื่นแปรผกผันกันกับความถี่ของคลื่น กลาวคือ ยิ่งมีคาความถี่มาก ความยาวคลื่นก็จะยิ่งมีคานอย
เมื่อเรียงลําดับคลื่นที่มีความยาวคลื่นจากมากไปนอยได ดังนี้ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด
แสง อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ และรังสีแกมมา
(30)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
40. ตอบ ขอ 3. คลื่นที่สามารถทะลุแผนกระดาษไดตองเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีพลังงานสูง ไดแก รังสีแกมมา และ
รังสีเอกซ ซึ่งมีความถี่สูง และความยาวคลื่นสั้น
41. ตอบ ขอ 4. ปฏิกิริยาฟชชันเปนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตอเนื่องเมื่อนิวเคลียสถูกยิงดวยนิวตรอน ผลของการถูกแบงจะมี
นิวตรอนหลุดออกมาจากธาตุใหมไปกระทบธาตุอื่นๆ ปฏิกิริยาจึงเกิดอยางตอเนื่อง
42. ตอบ ขอ 2. ปฏิกิริยานิวเคลียรที่สามารถเกิดขึ้นบนโลกและควบคุมไดในปจจุบัน คือ ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน หรือ
ปฏิกิริยาลูกโซ ซึ่งถูกนํามาใชในการสรางพลังงานไฟฟาในโรงงานไฟฟานิวเคลียร
43. ตอบ ขอ 1. ในการผลิตพลังงานนิวเคลียรของเครื่องปฏิกรณ อาศัยหลักการของปฏิกิริยาฟชชัน โดยการปลอยอนุภาค
นิวตรอนออกจากตนกําเนิดนิวตรอน ซึ่งอนุภาคเหลานี้จะวิ่งไปชนกับอะตอมของเชื้อเพลิงนิวเคลียร
(ปกติจะเปนยูเรเนียมที่มีความเขมขนสูง) เมื่อนิวตรอนชนกับอะตอมของยูเรเนียมจะทําใหอะตอม
เหลานั้นแตกตัวออกจากกัน เกิดการปลดปลอยอนุภาคนิวตรอนออกมาอีก และนิวตรอนที่เกิดขึ้นก็จะ
วิ่งไปชนกับอะตอมบริเวณใกลเคียง ทําใหเกิดการแตกตัวตอเนื่องกันไปเปนปฏิกิริยาลูกโซ ซึ่งจากปฏิกิริยา
ดังกลาว ทําใหเกิดพลังงานนิวเคลียรขึ้นมา
44. ตอบ ขอ 3. รังสีแกมมาเปนอนุภาคที่ไมมีประจุ คือ มีความเปนกลางทางไฟฟา จึงไมเบี่ยงเบนเมื่อเคลื่อนที่ผาน
สนามไฟฟาหรือสนามแมเหล็ก
45. ตอบ ขอ 4. เมื่อธาตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งเกิดการสลายตัว จะปลดปลอยรังสีตางๆ ไดแก แอลฟา (4
2He) บีตา ( 0
-1e)
และแกมมา หากธาตุที่เกิดขึ้นหลังการสลายตัวมีเลขมวลและเลขอะตอมลดลง รังสีที่ปลดปลอยออกมานั้น
จะตองมีเลขมวลและเลขอะตอมที่ทําใหสมการฝงขวาเทากับฝงซาย (กอนสลายตัวเทากับหลังสลายตัว)
46. ตอบ ขอ 3. ธาตุกัมมันตรังสีเปนธาตุที่แผรังสีออกมาไดเอง เนื่องจากนิวเคลียสของธาตุดังกลาวไมเสถียร จึงเกิด
การสลายตัวเพื่อปลดปลอยพลังงานออกมาในรูปของรังสี ซึ่งการสลายตัวจะเกิดขึ้นตลอดเวลาจนกวา
ธาตุกัมมันตรังสีจะเปลี่ยนแปลงเปนธาตุที่มีความเสถียร
47. ตอบ ขอ 2. จากสมการการสลายตัว 238
92U 
234
90Th + X นั้น X จะตองมีเลขมวลและเลขอะตอมที่เมื่อรวมกับ
ธาตุใหมที่ได คือ 234
90Th แลวทําใหผลรวมเทากันกับกอนเกิดการสลายตัว นั่นคือ X ตองมีเลขมวลเปน 4
และเลขอะตอมเปน 2 (จากเลขมวล 238 = 234 + 4 และ 92 = 90 + 2) ซึ่งอนุภาคที่มีเลขมวลเปน 4
และเลขอะตอมเปน 2 คือ นิวเคลียสของฮีเลียม หรืออนุภาคแอลฟา (4
2He)
48. ตอบ ขอ 4. แผนฟลมที่ใชในการวัดปริมาณรังสี เปนแผนฟลมลักษณะเดียวกับฟลมถายภาพ ซึ่งจะทําปฏิกิริยากับ
แสงหรืออนุภาคที่มีพลังงาน โดยอุปกรณจะใชแผนฟลมบรรจุไวในกลองที่หอหุมไวไมใหโดนแสง เพื่อ
หลีกเลี่ยงปฏิกิริยาที่จะเกิดกับแสง และใหไดรับผลจากกัมมันตภาพรังสีเทานั้น
49. ตอบ ขอ 4. จากสัญลักษณนิวเคลียร เลขดานลางจะระบุถึงเลขอะตอม ซึ่งหมายถึงจํานวนโปรตอนของธาตุนั้น
สวนเลขดานบนจะระบุเลขมวล ซึ่งเปนผลรวมระหวางโปรตอนและนิวตรอน จึงทําใหทราบไดวา 127
53I
มีโปรตอน 53 ตัว และนิวตรอน 74 ตัว (127-53)
50. ตอบ ขอ 2. สารกัมมันตรังสีจะมีการสลายตัวตามคาครึ่งชีวิต คือ ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่มีอยูเมื่อเวลาผานไปเทากับคา
ครึ่งชีวิต ซึ่งลักษณะการสลายตัวจะลดลงแบบไฮเพอรโบลา
(31)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. แนวตอบ วัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวดิ่งโดยไมมีแรงอื่นๆ มากระทํา จะเคลื่อนที่ดวยความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก
เทากันเสมอ ซึ่งความเรงจะไมขึ้นกับมวลหรือความเร็วตนของวัตถุ วัตถุทั้งสองที่เคลื่อนที่ดวยความเร็วตน
ตางกันจะมีความเรงเทากัน คือ -g ขณะที่เคลื่อนที่ขึ้น และมีความเรงเปน g ขณะที่เคลื่อนที่ลง
2. แนวตอบ เข็มทิศเปนอุปกรณในการหาทิศทางที่อาศัยหลักการทํางานของแมเหล็กอันเนื่องมาจากสนามแมเหล็ก
โดยตัวเข็มทิศจะเปนแมเหล็กที่มีนํ้าหนักเบา สามารถหมุนไดอยางอิสระในแนวราบ และเนื่องจากโลก-
ทําหนาที่คลายแมเหล็กขนาดใหญที่มีขั้วแมเหล็กใตอยูที่ขั้วโลกเหนือ และขั้วแมเหล็กเหนือที่อยูที่ขั้วโลก
ใต สนามแมเหล็กจะพุงออกจากทิศใตไปยังทิศเหนือและเหนี่ยวนําใหเข็มทิศวางตัวในแนวเหนือใต ดังภาพ
3. แนวตอบ
4. แนวตอบ กราฟแสดงความสัมพันธ ระหวางการกระจัดในแนว y ของจุด P กับเวลา
5. แนวตอบ จากสัญลักษณนิวเคลียรของเรเดียม 226
88Ra และ เรดอน 222
86Rn เขียนสมการการสลายตัวได ดังนี้
226
88Ra
222
86Rn + 4
2He + ϒ
นั่นคือ นอกจากจะมีการปลดปลอยแกมมาแลว ยังมีการปลดปลอยรังสีแอลฟาออกมาดวย 1 อนุภาค
ตอนที่ 2
y
0 t
N
S
S
N
S
N
ขั้วเหน�อ
ภูมิศาสตร
ขั้วเหน�อ
แมเหล็ก ขั้วใต
ภูมิศาสตร
ขั้วใต
แมเหล็ก
12ํ
12ํ
(32)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. ตอบ ขอ 4. การกระจัดเปนปริมาณที่แสดงถึงตําแหนงที่เปลี่ยนไปของวัตถุ ซึ่งจะระบุทั้งขนาดและทิศทางของตําแหนง
โดยทิศทางการเคลื่อนที่จะลากจากจุดเริ่มตนไปยังจุดสิ้นสุดของการเคลื่อนที่
2. ตอบ ขอ 3. การกระจัด คือ ระยะที่วัดจากจุดเริ่มตนไปยังจุดสิ้นสุดของการเคลื่อนที่ จากโจทยมีการกระจัด ดังนี้
1. มีการกระจัด เทากับ 3 × 4 = 12 เมตร
2. มีการกระจัด เทากับ 4 × 3 = 12 เมตร
3. มีการกระจัด เทากับ 10 - 2 = 8 เมตร
3. ตอบ ขอ 1. รถยนตแลนไปไดระยะทาง s = 1 กิโลเมตร หรือ 1,000 เมตร
จากสมการ v = s
t หรือ t = s
v
จะได t = 1,000 เมตร
20 เมตรตอวินาที
= 50 วินาที
ดังนั้น เมื่อรถยนตคันนี้แลนไปได 1 กิโลเมตร จะใชเวลา 50 วินาที
4. ตอบ ขอ 1. เมื่อกอนหินกอนหนึ่งจมอยูที่กนบอจะไมมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว ความเรงจึงมีคาเปนศูนย ซึ่งการ
เคลื่อนที่อื่นๆ มีการเปลี่ยนแปลงของความเร็วตลอดเวลา จึงเกิดความเรง
5. ตอบ ขอ 3. คํานวณหาอัตราเร็วที่วินาทีที่ 10 จาก v = u + at
= 0 + (3 m/s2
)(10 s) = 30 m/s
6. ตอบ ขอ 3. ความเรง เปนอัตราสวนของความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหนวยเวลา โดยวัตถุที่มีการเปลี่ยนแปลงของ
ความเร็วยอมเกิดความเรงขึ้น เมื่อมานะพยายามหยุดรถที่กําลังแลน กลาวคือ มีการลดความเร็วลงจน
หยุดนิ่งหรือความเร็วเปนศูนย การเคลื่อนที่ดังกลาวจึงเกิดความเรง
7. ตอบ ขอ 2. จากกราฟ การเคลื่อนที่ดังกลาวมีความเร็วลดลงอยางสมํ่าเสมอ แสดงวาวัตถุเคลื่อนที่ดวยความเรงเปนลบ
อยางคงที่ สามารถหาความเรงไดจากความเร็วที่เปลี่ยนไป ดังสมการ โดยกําหนดจุดที่ 1 ที่เวลา 0 วินาที
และจุดที่ 2 ที่เวลา 5 วินาที
a =
v2
- v1
t2
- t1
= 5 m/s - 20 m/s
5 - 0
= -15
5 m/s2
= -3 m/s2
8. ตอบ ขอ 1. วัตถุที่ตกอยางอิสระจะเคลื่อนที่ภายใตความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลกดวยความเรงคงตัว จึงได
กราฟเปนเสนตรงขนานกับแกน X
ชุดที่ 3เฉลยแบบทดสอบ
ตอนที่ 1
(33)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
9. ตอบ ขอ 2. การเคลื่อนที่ของลูกตุม คาบของการแกวงจะขึ้นอยูกับความยาวเชือกและคาความเรงโนมถวงของโลก
แตจะไมเกี่ยวของกับมวลของวัตถุ
10. ตอบ ขอ 3. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ภายใตแรงโนมถวง ซึ่งในแนวราบจะมีความเรงเปนศูนย
เนื่องจากมีความเรงคงที่ และที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนที่ จะพิจารณาแนวเดียวกับการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
คือ ความเร็วในแนวดิ่งจะมีคาเปนศูนยที่ตําแหนงสูงสุด
11. ตอบ ขอ 3. แรงที่กระทํากับวัตถุขณะหมุนในแนวดิ่งจะมีทั้งแรงตึงเชือกและนํ้าหนักของวัตถุ แรงสูศูนยกลางจึงเปน
ผลรวมของแรงตึงเชือกกับนํ้าหนักของวัตถุ
12. ตอบ ขอ 1. การเคลื่อนที่แบบวงกลมและการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายเปนการเคลื่อนที่แบบคาบ คือ วัตถุจะมี
การเคลื่อนที่ครบรอบ
13. ตอบ ขอ 2. วัตถุที่ถูกปาขึ้นไปโดยทํามุมใดๆ กับแนวระดับจะคอยๆ เคลื่อนที่โคงลงแลวตกสูพื้นซึ่งเปนการเคลื่อนที่
แบบโพรเจกไทล โดยเกิดขึ้นเนื่องจากมีแรงโนมถวงกระทําตอวัตถุในแนวดิ่งตลอดการเคลื่อนที่
14. ตอบ ขอ 2. การศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุมีประโยชนในการออกแบบผิวทางเพื่อรองรับการเคลื่อนที่บนถนนได
เชน ความลาดเอียงหรือความเสียดทานของพื้นถนน เพื่อใหรถสามารถเขาโคงไดอยางปลอดภัย เปนตน
15. ตอบ ขอ 1. วิเคราะหคําตอบ ที่ผิวโลก w = mg
w = mg
500 = m(10)
m = 50 kg
และเนื่องจากมวลมีคาคงที่เสมอ ดังนั้น มวลของชายคนนี้บนโลกและบนดวงจันทรจึงมีคาเทากัน
16. ตอบ ขอ 2. ภายใตสนามโนมถวงที่มีขนาดเทากัน คือ g แรงที่กระทําตอวัตถุมวล m จะมีขนาด w = mg ดังนั้น แรงที่
กระทําตอวัตถุทั้งสองหรือนํ้าหนักของวัตถุจึงมีขนาดเทากัน โดยวัตถุ B ที่กําลังตกจะมีความเรง เนื่องจาก
แรงโนมถวง g ขณะที่วัตถุ A ที่วางนิ่งอยูจะมีความเรงเปนศูนย
17. ตอบ ขอ 3. แรงที่กระทําใหลูกแอปเปลตกลงสูพื้นโลก คือ แรงโนมถวงของโลก ซึ่งเปนแรงเดียวที่ทําใหดวงจันทรหรือ
ดาวเทียมโคจรอยูรอบโลก เนื่องจากมีแรงดึงดูดระหวางกัน
18. ตอบ ขอ 1. เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาอยูในสนามไฟฟา จะถูกแรงกระทําเนื่องจากสนามไฟฟานั้น โดยอนุภาคที่มี
ประจุบวก จะถูกแรงไฟฟากระทําในทิศทางเดียวกับสนามไฟฟา สวนอนุภาคที่มีประจุลบนั้น จะถูกแรงไฟฟา
กระทําในทิศตรงขามกับสนามไฟฟา
19. ตอบ ขอ 1. เครื่องปนอาหารอาศัยหลักการทํางานของมอเตอรไฟฟาซึ่งเกิดการหมุนเมื่อมีการจายกระแสไฟฟาเขาไป
ในขดลวดที่อยูในสนามแมเหล็ก ทําใหขดลวดเกิดการหมุน ซึ่งไมเกี่ยวของกับสนามไฟฟา
20. ตอบ ขอ 3. ความหนาแนนของสนามแมเหล็กสังเกตไดจากจํานวนเสนแรงแมเหล็ก
ตอพื้นที่หนึ่งๆ จากภาพบริเวณ C เปนบริเวณที่มีความหนาแนนของ
สนามแมเหล็กมากที่สุด เพราะมีจํานวนเสนแรงตอพื้นที่มากที่สุด
B
A C D
(34)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
21. ตอบ ขอ 3. จุดสะเทินเปนบริเวณหนึ่งในสนามแมเหล็กที่เกิดการรวมกันของสนามและหักลางกันจนเปนศูนย ทําใหไมมี
สนามแมเหล็กไหลผานบริเวณดังกลาว ซึ่งหากนําเข็มทิศไปวางในจุดสะเทินเข็มทิศจะวางตัวไดอิสระ
22. ตอบ ขอ 1. นิวตรอนเปนอนุภาคชนิดหนึ่งในนิวเคลียส ซึ่งมีสมบัติเปนกลางทางไฟฟา เมื่อเคลื่อนที่เขาไปในสนาม-
แมเหล็กโดยไมมีแรงกระทําอื่นๆ เขามารบกวน นิวตรอนจะไมมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ เพราะ
แรงเนื่องจากสนามไฟฟาจะออกแรงกระทําตออนุภาคที่มีประจุทางไฟฟาบวกหรือลบเทานั้น
23. ตอบ ขอ 2. การวางตัวของสนามแมเหล็กโลก ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกจะอยูบริเวณทิศใตและขั้วแมเหล็กใตของโลก
จะอยูบริเวณทิศเหนือ
24. ตอบ ขอ 2. การแยกโลหะออกจากขยะที่มีปริมาณมาก นิยมใชแมเหล็กแรงสูงที่เปนแมเหล็กชั่วคราวดูดใหโลหะที่เปน
สารแมเหล็กออกมาจากกองขยะ ซึ่งชวยประหยัดเวลาและอํานวยความสะดวกไดอยางมาก
25. ตอบ ขอ 2. อนุภาคทางไฟฟาจะเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็ก โดยการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่มีประจุจะเปลี่ยนทิศทางตาม
กฎมือขวา ดังนั้นสามารถตั้งสมมติฐานไดวา อนุภาค A เปนอนุภาคที่มีประจุทางไฟฟา
26. ตอบ ขอ 3. แรงนิวเคลียร คือ แรงยึดเหนี่ยวระหวางโปรตอนกับนิวตรอนใหอยูดวยกันเปนนิวเคลียสในอะตอม
27. ตอบ ขอ 4. การศึกษาเรื่องสนามของแรงมีสวนชวยในดานตางๆ ยกเวนนําไปพัฒนาเทคโนโลยีดานสงคราม
28. ตอบ ขอ 4. คลื่นตามขวางและคลื่นตามยาวจะตางกันตรงที่ทิศทางการสั่นของคลื่นกับทิศทางการเคลื่อนที่ของอนุภาค
ตัวกลาง โดยหากคลื่นสั่นในทิศตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของอนุภาคตัวกลาง จะเรียกวา คลื่นตามขวาง
แตถาคลื่นสั่นในทิศเดียวกันหรือขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของอนุภาคตัวกลาง จะเรียกวา คลื่นตามยาว
29. ตอบ ขอ 3. แอมพลิจูด หมายถึง การกระจัดสูงสุดของคลื่น จากภาพแอมพลิจูดมีขนาด 30 เมตร ซึ่งอาจมีคาไดทั้ง
30 เมตร และ -30 เมตร ตามทิศทางของการกระจัด
30. ตอบ ขอ 1. คลื่นที่เคลื่อนที่ผานตัวกลางที่แตกตางกัน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็วและความยาวคลื่น ในขณะที่
ความถี่ของคลื่นยังมีคาคงที่ เรียกสมบัติดังกลาววา การหักเห
31. ตอบ ขอ 2. หาความยาวคลื่นจากความสัมพันธดังสมการ λ = v
f = vT
จะไดวา ความยาวคลื่น = (0.5 s)(0.02 m/s) = 0.01 เมตร หรือ 1 เซนติเมตร
32. ตอบ ขอ 2. เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผานตัวกลางที่แตกตางกัน คลื่นจะเคลื่อนที่ดวยความเร็วที่แตกตางกัน แตความถี่ของ
คลื่นจะคงที่เสมอ จากความสัมพันธระหวางความถี่ ความยาวคลื่น และอัตราเร็ว เมื่อคลื่นหักเหจะพบวา
ความยาวคลื่นจะเปลี่ยนแปลงตามไปดวย ระยะหางระหวางหนาคลื่นของสองบริเวณจึงไมเทากัน
33. ตอบ ขอ 2. การเลี้ยวเบนเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ปะทะสิ่งกีดขวางแลวเบนออมสิ่งกีดขวางนั้น
34. ตอบ ขอ 4. โรงภาพยนตรเปนหองโลงจึงเกิดเสียงสะทอน ซึ่งเสียงสะทอนนี้จะกอปญหาในการรับชมภาพยนตร จึงมีการ
บุผนังและเกาอี้ของโรงภาพยนตรดวยวัสดุดูดซับเสียง เพื่อลดการสะทอนของเสียง
35. ตอบ ขอ 3. การตรวจอวัยวะภายในรางกายจะใชคลื่นที่มีความถี่เหนือเสียง เรียกวา คลื่นอัลตราซาวนด ซึ่งเมื่อ
คลื่นตกกระทบเนื้อเยื่อชั้นตางๆ ก็จะสะทอนกลับมา แลวเครื่องจะแปลงสัญญาณใหเห็นเปนภาพ
(35)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
36. ตอบ ขอ 3. ความหนาที่แตกตางกันของสายกีตารแตละเสนมีผลตอความสามารถในการสั่น ทําใหสั่นดวยความถี่ที่
แตกตางกัน จึงสามารถสรางเสียงไดหลากหลายมากขึ้น
37. ตอบ ขอ 2. คางคาวเปนสัตวที่หากินในเวลากลางคืน โดยจะปลอยคลื่นเสียงในยานความถี่เหนือเสียง (มีความถี่สูงกวา
ที่หูของเราจะสามารถไดยินได) ออกมา ซึ่งเมื่อคลื่นกระทบสิ่งกีดขวางจะสะทอนกลับเขามายังหูของคางคาว
38. ตอบ ขอ 2. องคการอนามัยโลกไดกําหนดระดับความเขมเสียงที่ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกิน 85 เดซิเบล
และไดยินติดตอกันไมเกิน 8 ชั่วโมง ถาระดับความเขมเสียงเกินกวาที่กําหนด ถือวาเปนมลภาวะของเสียง
39. ตอบ ขอ 4. คลื่นแมเหล็กไฟฟาเปนคลื่นที่ไมตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ซึ่งในที่นี้คลื่นแผนดินไหวเปนคลื่นที่
สั่นสะเทือนผานตัวกลางคือพื้นโลก จึงไมจัดเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟา
40. ตอบ ขอ 2. คลื่นกลเปนคลื่นที่ตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ขณะที่คลื่นแมเหล็กไฟฟาไมจําเปนตองอาศัยตัวกลาง
ในการเคลื่อนที่
41. ตอบ ขอ 4. ปฏิกิริยานิวเคลียรเกิดจากการเปลี่ยนแปลงองคประกอบของนิวเคลียส แลวทําใหเกิดธาตุใหม โดยจะมีการ
ปลดปลอยพลังงานออกมา ซึ่งแบงไดเปน 2 ชนิด คือ ปฏิกิริยาฟชชัน และปฏิกิริยาฟวชัน
42. ตอบ ขอ 4. ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน เปนปฏิกิริยาการแบงแยกนิวเคลียสโดยการยิงอนุภาคนิวตรอนไปยังนิวเคลียสของ
ธาตุหนักจนเกิดการแยกออกเปน2 นิวเคลียสใหมที่มีมวลใกลเคียงกัน ซึ่งผลของปฏิกิริยาจะมีการปลดปลอย
พลังงานออกมาก และปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นอยางตอเนื่องเปนทอดๆ จึงเรียกวา ปฏิกิริยาลูกโซ
43. ตอบ ขอ 1. ปฏิกิริยานิวเคลียรแบงเปน 2 ชนิด คือ ปฏิกิริยาฟชชัน เกิดจากการยิงนิวเคลียสดวยอนุภาคนิวตรอน
จนเกิดพลังงานมหาศาล และปฏิกิริยาฟวชัน เกิดจากการรวมกันของอนุภาคและคายพลังงานออกมา
เปนปฏิกิริยาที่เกิดบนดวงอาทิตย ซึ่งยังไมสามารถทําใหเกิดขึ้นไดบนโลก ปฏิกิริยาฟชชันจึงถูกนํามาใช
ผลิตกระแสไฟฟา
44. ตอบ ขอ 4. พลังงานนิวเคลียรถูกนําไปใชประโยชนในหลายๆ ดาน ยกเวนการนําไปผลิตอาวุธนิวเคลียรในการทําสงคราม
45. ตอบ ขอ 1. รังสีบีตา หรืออนุภาคบีตา เปนอิเล็กตรอนที่มีความเร็วสูง มีประจุเปนลบ มีอํานาจทะลุทะลวงมากกวาแอลฟา
แตนอยกวาแกมมา บางครั้งอาจเรียกรังสีชนิดนี้วา เนกาตรอน
46. ตอบ ขอ 4. ไอโซโทป หมายถึง ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอนแตกตางกัน
47. ตอบ ขอ 3. ไอโซโทป หมายถึง ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอนแตกตางกัน ไอโซโทน หมายถึง
ธาตุที่มีจํานวนนิวตรอนเทากัน แตมีจํานวนโปรตอนแตกตางกัน และไอโซบาร หมายถึง ธาตุที่มีเลขมวล
เทากัน แตมีจํานวนโปรตอนแตกตางกัน
48. ตอบ ขอ 1. Co-60 หรือ โคบอลต-60 เปนธาตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งที่สลายตัวใหรังสีแกมมา ถูกนํามาใชผลิตรังสี
แกมมาเพื่อการรักษาทางการแพทย เชน การรักษาโรคมะเร็ง การทําลายเซลลมะเร็ง เปนตน
49. ตอบ ขอ 2. ไอโซโทปตางๆ ของธาตุจะมีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอนแตกตางกัน
50. ตอบ ขอ 4. การศึกษาการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี จํานวนลูกเตาที่คัดออกจะแทนจํานวนนิวเคลียสที่สลายไป
ขณะที่จํานวนลูกเตาที่ยังคงเหลือจะแทนจํานวนนิวเคลียสที่เหลืออยู
(36)
โครงการบูรณาการแบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล
1. แนวตอบ การวิ่งรอบสนามครบหนึ่งรอบ ระยะทางในการวิ่งจะมีคาเทากับขนาดความยาวของเสนทางในการวิ่งทั้งหมด
ขณะที่การกระจัดจะมีคาเปนศูนย เนื่องจากไมมีการเปลี่ยนตําแหนงของผูวิ่งเมื่อวิ่งครบรอบ
2. แนวตอบ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ในแนวระดับและแนวดิ่งพรอมๆ กัน โดยในแนวดิ่งนั้นจะมี
แรงโนมถวงกระทําตลอดการเคลื่อนที่ ขณะที่ในแนวระดับวัตถุจะไมมีแรงใดๆ มากระทํา เมื่อวัตถุเคลื่อนที่
ดวยความเร็วตนคาหนึ่ง ความเร็วตนในแนวระดับจึงไมมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีคาคงที่
3. แนวตอบ การที่ประจุ-q ที่เคลื่อนที่ไปทางขวามือบนระนาบกระดาษนั้นมีการเคลื่อนที่โคงขึ้น แสดงวามีแรงเนื่องจาก
สนามแมเหล็กมากระทําตลอดเวลาในทิศชี้ขึ้น เนื่องจากเปนประจุลบจะใชกดมือซายในการพิจารณาทิศทาง
ของแรงและสนามแมเหล็ก โดยใหนิ้วทั้งสี่ชี้ไปในทิศทางการเคลื่อนที่ของประจุ และนิ้วโปงชี้ขึ้นแทนทิศทาง
ที่แรงกระทําตอประจุ เมื่อกํามือหรือรวบมือ ทิศทางของสนามแมเหล็กจะพุงออกจากกระดาษ ดังนั้น
ลักษณะของสนามแมเหล็กจะมีทิศทางพุงออกจากระนาบกระดาษและตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่ของ
ประจุลบ
4. แนวตอบ ภาพแสดงองคประกอบของคลื่น
5. แนวตอบ กราฟแสดงความสัมพันธของสารกัมมันตรังสีที่เกิดการสลายตัวดวยครึ่งชีวิต
ตอนที่ 2
-q
F
ความยาวคลื่น
สันคลื่น
ทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น
แอมพลิจูด
ทองคลื่น
ความยาวคลื่น
ปริมาณสาร
เวลา
T1/2 2T1/2 3T1/2 4T1/2
1/2N0
1/4N0
1/8N0
(37)

แบบทดสอบ แรงและการเเคลื่อนที่ฯ ม.4 6

  • 1.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล ตารางวิเคราะหแบบทดสอบ ชุดที่ ตารางวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด ตารางวิเคราะหระดับพฤติกรรมการคิด มาตรฐาน ตัวชี้วัดขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับตัวชี้วัด ระดับ พฤติกรรม การคิด ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับ ระดับพฤติกรรมการคิด รวม 1 ว 4.1 1 14-15 A ความรู ความจํา 1, 2, 14, 19, 25, 27-30, 33-34, 37-38 13 2 16-18 B ความเขาใจ 3-6, 9-10, 16-18, 20-21, 31-32, 44, 46 15 3 19-24 4 25-26 C การนําไปใช 12-13, 15, 22, 35-36, 39, 47-48 9 ว 4.2 1 1-8 D การวิเคราะห 7, 11, 23, 26, 45, 49 6 2 9-11 E การสังเคราะห 8, 24, 41-42 4 3 11-13 F การประเมินคา 40, 43, 50 3 ว 5.1 1 27-32 2 33-36 3 37 4 38-40 5 41 6 42 7 43 8 44-45 9 46-50 แบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีจุดมุงหมายเพื่อใหผูเรียนอานออก เขียนได คิดคํานวณเปน มุงใหเกิดทักษะการเรียนรูตลอดชีวิต เตรียมตัวเปนพลเมืองที่มีคุณภาพ และมีความสามารถในการแขงขันไดในอนาคต การจัดการเรียนรูที่สอดคลองกับจุดมุงหมายดังกลาว จึงควรใหผูเรียนฝกฝนการนําความรูไปประยุกตใชในชีวิตจริง สามารถคิดวิเคราะหและแกปญหาได ดังนั้นเพื่อเปนการเตรียมความพรอม ของผูเรียน ทางโครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด จึงไดจัดทําแบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด โดยดําเนินการวิเคราะหสาระการเรียนรูที่สําคัญตามที่ระบุไวในมาตรฐานและตัวชี้วัดชั้นป แลวนํามากําหนดเปนระดับพฤติกรรมการคิด เพื่อสรางแบบทดสอบที่มีคุณสมบัติ ดังน�้ แบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด ที่จัดทําโดย โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ประกอบดวย แบบทดสอบ 3 ชุด แตละชุดมีทั้งแบบทดสอบปรนัย และแบบทดสอบอัตนัย โดยวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด และระดับพฤติกรรมการคิดที่ สัมพันธกับแบบทดสอบไวอยางชัดเจน เพื่อใหผูสอนนําไปใชเปนเครื่องมือวัดและประเมินผลผูเรียนไดอยางมีประสิทธิภาพ สอดคลองกับมาตรฐาน ตัวชี้วัดชั้นปทุกขอ ตามระดับพฤติกรรมการคิด ที่ระบุไวในตัวชี้วัด วัดผลการเรียนรู เนนใหผูเรียนเกิดการคิด1 2 ผูสอนสามารถนําแบบทดสอบน�้ไปใชเปนเครื่องมือวัด และประเมินผล รวมทั้งเปนเครื่องบงชี้ความสําเร็จและรายงาน คุณภาพของผูเรียนแตละคน เพื่อเปนการเตรียมความพรอม ของนักเรียนใหมีความสามารถในดานการใชภาษา ดานการ คิดคํานวณ และดานเหตุผล สําหรับรองรับการประเมินผลผูเรียน ในระดับประเทศ (O-NET) และระดับนานาชาติ (PISA) ตอไป หมายเหตุ : มีเฉลยและคําอธิบายเชิงวิเคราะห อยูทายแบบทดสอบชุดที่ 3 (1)
  • 2.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล ชุดที่ ตารางวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด ตารางวิเคราะหระดับพฤติกรรมการคิด มาตรฐาน ตัวชี้วัดขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับตัวชี้วัด ระดับ พฤติกรรม การคิด ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับ ระดับพฤติกรรมการคิด รวม 2 ว 4.1 1 14-16 A ความรู ความจํา 1, 9, 14, 17, 21, 26, 28-29, 33 9 2 17-20 B ความเขาใจ 2-4, 15, 18, 22, 23, 30-32, 34, 41, 44-47 16 3 21-25 4 26-27 C การนําไปใช 5-6, 12, 19, 24, 35, 48 7 ว 4.2 1 1-8 D การวิเคราะห 10-11, 13, 16, 25, 36, 38, 49 8 2 9-11 E การสังเคราะห 7-8, 20, 27, 39-40, 43, 50 8 3 12-13 F การประเมินคา 37, 42 2 ว 5.1 1 28-32 2 33-36 3 37 4 38-40 5 41 6 42 7 43 8 44-45 9 46-50 3 ว 4.1 1 15-16 A ความรู ความจํา 1, 9, 18, 20-21, 28-29, 33, 38-39, 41, 42, 45-46 14 2 18-19 3 20-25 B ความเขาใจ 2-6, 10-11, 15-16, 22-23, 26, 30-31, 43, 47 16 4 26-27 ว 4.2 1 1-8 C การนําไปใช 19, 24, 34-35, 48 5 2 9-12 D การวิเคราะห 7, 12, 17, 36-37, 40, 49 7 3 13-14 E การสังเคราะห 8, 13, 25, 27, 32, 44, 50 7 ว 5.1 1 28-32 F การประเมินคา 14 1 2 33-37 3 38 4 39-40 5 41-42 6 43 7 44 8 45 9 46-50 (2)
  • 3.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 4. การกระจัดจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร 1. 30เมตร 2. 50 เมตร 3. 70 เมตร 4. 90 เมตร 5. รถยนต A เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งโดยมีความเร็วเพิ่มขึ้น 2 เมตร/วินาที2 ทุกๆ 1 วินาที เมื่อสิ้นวินาทีที่ 5 รถยนต จะมีความเร็วเทาไร 1. 5 เมตร/วินาที 2. 10 เมตร/วินาที 3. 15 เมตร/วินาที 4. 20 เมตร/วินาที 6. หากปลอยวัตถุใหตกลงมาในแนวดิ่งเมื่อเวลาผานไป4วินาที วัตถุจะมีความเรงเทาใด 1. 9.8 เมตร/วินาที2 2. 19.6 เมตร/วินาที2 3. 29.4 เมตร/วินาที2 4. 39.2 เมตร/วินาที2 7. จากภาพ ชวงเวลาใดที่วัตถุมีความเรงคงตัวเปนลบ 1. A 2. B 3. C 4. D 4.4. การกระจัดจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร 1. 30 เมตร 2. 50 เมตรB 5.5. รถยนต A เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งโดยมีความเร็วเพิ่มขึ้น 2 เมตร/วินาทีB 6.6. หากปลอยวัตถุใหตกลงมาในแนวดิ่งเมื่อเวลาผานไป4วินาที วัตถุจะมีความเรงเทาใดB 7.7. D 1. ขอใดเปนปริมาณเวกเตอรทั้งหมด 1. แรง โมเมนต นํ้าหนัก 2. ระยะทาง การกระจัด เวลา 3. ความเร็ว ความเรง อุณหภูมิ 4. ความเขมแสง นํ้าหนัก ความเร็ว 2. ขอใดกลาวถูกตอง 1. อัตราเร็ว หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา 2. ความเร็ว หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา 3. อัตราเรง หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา 4. ความเรง หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลา พิจารณาภาพแลวตอบคําถามขอ 3.-4. 1.1. ขอใดเปนปริมาณเวกเตอรทั้งหมด 1. แรง โมเมนต นํ้าหนักA 2.2. ขอใดกลาวถูกตอง 1. อัตราเร็ว หมายถึง อัตราสวนของการกระจัดตอเวลาA ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹àµçÁ 50 ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แตละขอมีคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว จํานวน 50 ขอ ขอละ 1 คะแนน ชื่อ …………………………………………………………………………………………………….. นามสกุล …………………………………………………………………………………………….. เลขประจําตัวสอบ ……………………………………………………………………. โรงเรียน ……………………………………………………………………………………………. สอบวันที่ …………………….. เดือน ………………………………………………… พ.ศ. ……………………………………….. โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹ÃÇÁ 60 แบบทดสอบว�ชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ชุดที่ 1 โรงเรียน บาน 25 3015 ความเร็ว เวลา D C B A 3. ระยะทางจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร 1. 30 เมตร 2. 50 เมตร 3. 70 เมตร 4. 90 เมตร 3.3. ระยะทางจากบานไปยังโรงเรียนมีคาเทาไร 1. 30 เมตร 2. 50 เมตรB ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา A B C D E F (3)
  • 4.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 8. เพราะเหตุใดเมื่อปลอยขนนกและกอนหินจากที่สูงในระดับ เดียวกัน วัตถุทั้งสองนั้นจึงตกถึงพื้นไมพรอมกัน 1.ขนนกมีพื้นที่ผิวมากกวา 2. ขนนกมีมวลนอยกวากอนหิน 3. ขนนกมีคุณสมบัติในการลอยตัวไดดี 4. มีแรงตานในอากาศกระทําและพยุงขนนกไว 9. หากผูกเชือกเขากับจุกยางแลวเหวี่ยงใหจุกยางเคลื่อนที่เปน วงกลมในระดับเหนือศีรษะดวยความเร็วคงตัว ขอใดถูกตอง 1. จุกยางมีความเร็วคงตัว 2. จุกยางมีความเรงเปนศูนย 3. แรงที่กระทําตอจุกยางมีทิศเขาสูศูนยกลางวงกลม 4. แรงที่กระทําตอจุกยางมีทิศเดียวกับความเร็วของ จุกยาง 10. ขวางลูกบอล m จากตึกสูง 10 เมตร ไปในแนวระดับ ดวยอัตราเร็ว 5 เมตรตอวินาที ลูกบอลจะตกสูพื้นดวย ความเรงเทาไร 1. 5 เมตร/วินาที2 2. 10 เมตร/วินาที2 3. 15 เมตร/วินาที2 4. 20 เมตร/วินาที2 11. ขอใดเปนลักษณะของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล 1. เตยปนจักรยานไปซื้อของ 2. ธีรรถนํ้าตนไมดวยสายยาง 3. วินนั่งบนบอลลูนที่ลอยขึ้นจากพื้นดิน 4. ตาขับรถยนตเลี้ยวโคงบริเวณทางโคง 12. เพราะเหตุใดนักกระโดดรมที่กระโดดลงมาจากเครื่องบิน จึงคอยๆ ตกลงมาอยางชาๆ 1. รมมีขนาดใหญ ทําใหตกลงมาอยางชาๆ 2. ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงมีคาลดลง 3. นักกระโดดรมถูกฝกใหลอยตัวไดเองในอากาศ 4. มีแรงตานในอากาศที่ปะทะกับรมทําใหความเรงมีคาลดลง 13. ดอกยางรถยนตมีความสําคัญตอการเคลื่อนที่ในทางโคง อยางไร 1. ชวยใหรถเขาโคงไดเร็วขึ้น 2. เพิ่มความถี่ในการเคลื่อนที่ของรถยนต 3. เพิ่มแรงเสียดทานซึ่งเปนแรงเขาสูศูนยกลาง 4. ลดแรงเสียดทานเพื่อใหวัตถุเขาโคงไดเร็วขึ้น 8.8. เพราะเหตุใดเมื่อปลอยขนนกและกอนหินจากที่สูงในระดับ เดียวกัน วัตถุทั้งสองนั้นจึงตกถึงพื้นไมพรอมกันE 9.9. หากผูกเชือกเขากับจุกยางแลวเหวี่ยงใหจุกยางเคลื่อนที่เปน วงกลมในระดับเหนือศีรษะดวยความเร็วคงตัว ขอใดถูกตองB 10.10. ขวางลูกบอล m จากตึกสูง 10 เมตร ไปในแนวระดับ ดวยอัตราเร็ว 5 เมตรตอวินาที ลูกบอลจะตกสูพื้นดวยB 11.11. ขอใดเปนลักษณะของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล 1. เตยปนจักรยานไปซื้อของD 12.12. เพราะเหตุใดนักกระโดดรมที่กระโดดลงมาจากเครื่องบิน จึงคอยๆ ตกลงมาอยางชาๆC 13.13. ดอกยางรถยนตมีความสําคัญตอการเคลื่อนที่ในทางโคง อยางไรC 14. สนามของแรงชนิดใดมีทิศตั้งฉากกับพื้นโลก 1. สนามไฟฟา 2. สนามแมเหล็ก 3. สนามโนมถวง 4. สนามแมเหล็กไฟฟา 15. ดาวเทียมโคจรรอบโลกไดอยางไร 1. มีตัวกลางอีเทอรอยูในอวกาศ 2. เปนผลเนื่องจากสนามโนมถวงของโลก 3. มีแรงขับจากเชื้อเพลิงภายในดาวเทียม 4. สมดุลระหวางแรงไฟฟาและแรงโนมถวงของดาวเทียม 16. การเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟาในลวดตัวนํามีลักษณะอยางไร 1. เปนการเคลื่อนที่ของโปรตอนในลวดตัวนํา 2. เปนการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในลวดตัวนํา 3. ทิศของกระแสไฟฟามีทิศเดียวกับการเคลื่อนที่ของ โปรตอน 4. ทิศของกระแสไฟฟาสวนทางกับการเคลื่อนที่ของ อิเล็กตรอน 17. ขอความใดตอไปนี้ไมถูกตอง 1. สนามไฟฟาเปนปริมาณเวกเตอร และมีทิศทางจาก ประจุบวกไปประจุลบเสมอ 2. วัตถุที่เปนฉนวนไฟฟาจะไมยอมใหประจุไฟฟาไหลผาน แตสามารถเกิดสนามไฟฟาไดถาถูกกระตุน 3. ประจุไฟฟาชนิดเดียวกัน ถาอยูใกลกันจะออกแรง ผลักกัน และเคลื่อนที่หางกันไปเรื่อยๆ เปนระยะอนันต 4. ถานําวัตถุที่เปนกลางทางไฟฟาวางคั่นระหวางประจุ บวกกับประจุลบ วัตถุนั้นจะไมสงผลใดๆ ตอสนามไฟฟา 18. วางอนุภาคอิเล็กตรอนลงในบริเวณซึ่งมีเฉพาะสนามไฟฟา ที่มีทิศไปทางดานขวา ดังรูป อนุภาคอิเล็กตรอนจะมีการ เคลื่อนที่เปนไปตามขอใด 1. เคลื่อนที่เปนเสนโคง เบนขึ้นขางบน 2. เคลื่อนที่เปนเสนโคง เบนลงขางลาง 3. เคลื่อนที่เปนเสนตรงขนานกับสนามไฟฟา ไปทางดานขวา 4. เคลื่อนที่เปนเสนตรงขนานกับสนามไฟฟา ไปทางดานซาย 14.14. สนามของแรงชนิดใดมีทิศตั้งฉากกับพื้นโลก 1. สนามไฟฟา 2. สนามแมเหล็กA 15.15. ดาวเทียมโคจรรอบโลกไดอยางไร 1. มีตัวกลางอีเทอรอยูในอวกาศC 16.16. การเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟาในลวดตัวนํามีลักษณะอยางไร 1. เปนการเคลื่อนที่ของโปรตอนในลวดตัวนําB 17.17. ขอความใดตอไปนี้ไมถูกตอง 1. สนามไฟฟาเปนปริมาณเวกเตอร และมีทิศทางจากB 18.18. วางอนุภาคอิเล็กตรอนลงในบริเวณซึ่งมีเฉพาะสนามไฟฟา ที่มีทิศไปทางดานขวา ดังรูป อนุภาคอิเล็กตรอนจะมีการB (4)
  • 5.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 19. ขอใดกลาวถึงสนามแมเหล็กไดถูกตอง 1. สนามแมเหล็กพัฒนาขึ้นมาจากสนามไฟฟา 2.สนามแมเหล็กพุงจากสารแมเหล็กชนิดตางๆ เขาสู แมเหล็ก 3. สนามแมเหล็กพุงออกจากขั้วแมเหล็กใตไปยัง ขั้วแมเหล็กเหนือ 4. สนามแมเหล็กพุงออกจากขั้วแมเหล็กเหนือไปยัง ขั้วแมเหล็กใต 20. วัตถุชนิดใดไมถูกกระทําเมื่ออยูในสนามแมเหล็ก 1. ตะปู 2. ชอนสังกะสี 3. กระดาษสีเงิน 4. ลวดหนีบกระดาษ 21. เมื่อนําเข็มทิศมาวางใกลๆ กับกึ่งกลางแทงแมเหล็กที่ ตําแหนง ดังรูป เข็มทิศจะชี้ในลักษณะใด 1. 2. 3. 4. 22. หากตองการผลิตแมเหล็กชั่วคราวขึ้น สามารถทําไดดวย วิธีใด 1. นําแทงเหล็กวางในบริเวณที่มีสนามไฟฟา 2. นําแทงเหล็กสองแทงมาถูกกันเพื่อใหเกิดสนามไฟฟา 3. นําแมเหล็กมาติดกับแทงเหล็กที่ตองการทําใหเกิด อํานาจไฟฟา 4. นําลวดตัวนําพันรอบแทงโลหะแลวจายกระแสไฟฟา ผานลวดตัวนํา 23. ขอใดไมใชปจจัยที่มีผลตอการผลิตกระแสไฟฟาของไดนาโม 1. จํานวนรอบของขดลวด 2. ความเขมของสนามแมเหล็ก 3. ปริมาณไฟฟาที่จายแกไดนาโม 4. ความเร็วในการเคลื่อนที่ของแทงแมเหล็ก 19.19. ขอใดกลาวถึงสนามแมเหล็กไดถูกตอง 1. สนามแมเหล็กพัฒนาขึ้นมาจากสนามไฟฟาA 20.20. วัตถุชนิดใดไมถูกกระทําเมื่ออยูในสนามแมเหล็ก 1. ตะปู 2. ชอนสังกะสีB 21.21. เมื่อนําเข็มทิศมาวางใกลๆ กับกึ่งกลางแทงแมเหล็กที่ ตําแหนง ดังรูป เข็มทิศจะชี้ในลักษณะใดB 22.22. หากตองการผลิตแมเหล็กชั่วคราวขึ้น สามารถทําไดดวย วิธีใดC 23.23. ขอใดไมใชปจจัยที่มีผลตอการผลิตกระแสไฟฟาของไดนาโม 1. จํานวนรอบของขดลวดD 24. ขอใดแสดงการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟาในสนามแมเหล็ก ไดถูกตอง 1. 2. 3. 4. 25. แรงระหวางอนุภาคซึ่งอยูภายในนิวเคลียสจะประกอบดวย แรงอะไร 1. แรงนิวเคลียรเทานั้น 2. แรงนิวเคลียรและแรงไฟฟา 3. แรงนิวเคลียรและแรงดึงดูดระหวางมวล 4. แรงนิวเคลียร แรงไฟฟา และแรงดึงดูดระหวางมวล 26. เหตุใดโปรตอนซึ่งเปนอนุภาคบวกจึงสามารถอยูรวมกันได ในนิวเคลียสของอะตอม 1. มีแรงผลักจากอิเล็กตรอนโดยรอบ 2. แรงทางไฟฟาระหวางโปรตอนหักลางกันพอดี 3. แรงนิวเคลียรภายในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวอนุภาคไว 4. นิวตรอนในนิวเคลียสชวยลดแรงผลักระหวางโปรตอน 27. ขอใดตอไปนี้ถูกตองเกี่ยวกับคลื่นตามยาว 1. เปนคลื่นที่ไมตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ 2. เปนคลื่นที่เคลื่อนที่ไปตามแนวยาวของตัวกลาง 3. เปนคลื่นที่อนุภาคของตัวกลางมีการสั่นไดหลายแนว 4. เปนคลื่นที่อนุภาคของตัวกลางมีการสั่นในแนวเดียวกับ การเคลื่อนที่ของตัวกลาง 28. ปริมาณใดแปรผกผันกับความถี่คลื่น 1. อัตราเร็วคลื่น 2. คาบของคลื่น 3. การกระจัดของคลื่น 4. แอมพลิจูดของคลื่น 29. เมื่อโยนกอนหินลงไปในผิวนํ้านิ่งจะเกิดคลื่นนํ้าแผเปน วงกลม คลื่นดังกลาวจัดเปนคลื่นประเภทใด 1. คลื่นวงกลม 2. คลื่นตามยาว 3. คลื่นตามขวาง 4. ไมสามารถสรุปได 24.24. ขอใดแสดงการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟาในสนามแมเหล็ก ไดถูกตองE 25.25. แรงระหวางอนุภาคซึ่งอยูภายในนิวเคลียสจะประกอบดวย แรงอะไรA 26.26. เหตุใดโปรตอนซึ่งเปนอนุภาคบวกจึงสามารถอยูรวมกันได ในนิวเคลียสของอะตอมD 27.27. ขอใดตอไปนี้ถูกตองเกี่ยวกับคลื่นตามยาว 1. เปนคลื่นที่ไมตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่A 28.28. ปริมาณใดแปรผกผันกับความถี่คลื่น 1. อัตราเร็วคลื่นA 29.29. เมื่อโยนกอนหินลงไปในผิวนํ้านิ่งจะเกิดคลื่นนํ้าแผเปน วงกลม คลื่นดังกลาวจัดเปนคลื่นประเภทใดA N S N S NS N S x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x +q +q +q x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x +q N S เข็มทิศ (5)
  • 6.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 30. ขอใดกลาวถึงสมบัติของคลื่นไมถูกตอง 1. การหักเหของคลื่นเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผานรอยตอ ระหวางตัวกลางที่มีสมบัติตางกัน 2.คลื่นที่มีความยาวคลื่นมากจะเกิดการเลี้ยวเบนของคลื่น ไดดีกวาคลื่นที่มีความยาวคลื่นนอย 3. การสะทอนของคลื่น มุมของคลื่นตกกระทบจะเทากับ มุมของคลื่นสะทอนเสมอ 4. ถาอัตราเร็วของคลื่นเปลี่ยนแปลงไป จะทําใหความถี่ ของคลื่นเปลี่ยนแปลงตามไปดวย 31. จากภาพ ความยาวของคลื่นมีคาเทาไร 1. 10 m 2. 20 m 3. 30 m 4. 40 m 32. จุมปากกาลงบนผิวนํ้า30 ครั้งในเวลา1 นาที คลื่นนํ้าจาก ปลายปากกาเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว 0.05 เมตรตอวินาที จงหาคาบของคลื่นนํ้าดังกลาว 1. 2 วินาที 2. 5 วินาที 3. 10 วินาที 4. 15 วินาที 33. อัตราเร็วของคลื่นเสียงในอากาศขึ้นอยูกับปจจัยในขอใด 1. ความเขมเสียง 2. อุณหภูมิของอากาศ 3. ความถี่ของแหลงกําเนิด 4. ความเร็วของแหลงกําเนิด 34. สมบัติตามขอใดของคลื่นเสียงที่เกี่ยวของกับการเกิดบีตส 1. การหักเห 2. การสะทอน 3. การเลี้ยวเบน 4. การสอดแทรก 30.30. ขอใดกลาวถึงสมบัติของคลื่นไมถูกตอง 1. การหักเหของคลื่นเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผานรอยตอA 31.31. จากภาพ ความยาวของคลื่นมีคาเทาไร B 32.32. จุมปากกาลงบนผิวนํ้า30 ครั้งในเวลา1 นาที คลื่นนํ้าจาก ปลายปากกาเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว 0.05 เมตรตอวินาทีB 33.33. อัตราเร็วของคลื่นเสียงในอากาศขึ้นอยูกับปจจัยในขอใด 1. ความเขมเสียงA 34.34. สมบัติตามขอใดของคลื่นเสียงที่เกี่ยวของกับการเกิดบีตส 1. การหักเหA 35. การเลนกีตารเมื่อตองการใหเกิดเสียงสูง เหตุใดจึงตอง กดสายใหสั้นลง 1. เพื่อปรับคุณภาพเสียง 2. เพื่อเพิ่มความถี่ในการสั่น 3. เพื่อเพิ่มความเขมของเสียง 4. เพื่อเพิ่มความยาวคลื่นเสียง 36. ขอใดเปนการใชประโยชนจากการสะทอนของคลื่น 1. การสงสัญญาณวิทยุ 2. การเลนเครื่องดนตรี 3. การตรวจสอบชั้นหิน 4. การแยกสีแสงผานสเปกตรัม 37. องคการอนามัยโลก ไดกําหนดระดับของความเขมเสียงที่ ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกินกี่เดซิเบล และ ไดยินติดตอกันไมเกินกี่ชั่วโมง 1. ไมเกิน75 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน8 ชั่วโมง 2. ไมเกิน85 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน8 ชั่วโมง 3. ไมเกิน75 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน9 ชั่วโมง 4. ไมเกิน85 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน9 ชั่วโมง 38. คลื่นใดตอไปนี้ มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด 1. คลื่นวิทยุ 2. คลื่นแสง 3. คลื่นไมโครเวฟ 4. คลื่นอินฟราเรด 39. เพราะเหตุใดเราจึงไมสามารถมองเห็นรังสีจากรีโมตโทรทัศน 1. ใชคลื่นเสียงในการควบคุม 2. ใชสัญญาณคลื่นวิทยุ ซึ่งไมสามารถมองเห็นไดดวย ตาเปลา 3. ใชสัญญาณคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งไมสามารถมองเห็นได ดวยตาเปลา 4. ใชสัญญาณคลื่นอินฟราเรด ซึ่งไมสามารถมองเห็นได ดวยตาเปลา 40. คลื่นแมเหล็กไฟฟามีความสําคัญอยางไร 1. ชวยในการไดยิน 2. ชวยขับเคลื่อนไฟฟา 3. ชวยในการสื่อสารผานสุญญากาศ 4. เชื่อมโยงสนามไฟฟาและสนามแมเหล็กเขาดวยกัน 35.35. การเลนกีตารเมื่อตองการใหเกิดเสียงสูง เหตุใดจึงตอง กดสายใหสั้นลงC 36.36. ขอใดเปนการใชประโยชนจากการสะทอนของคลื่น 1. การสงสัญญาณวิทยุC 37.37. องคการอนามัยโลก ไดกําหนดระดับของความเขมเสียงที่ ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกินกี่เดซิเบล และA 38.38. คลื่นใดตอไปนี้ มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด 1. คลื่นวิทยุA 39.39. เพราะเหตุใดเราจึงไมสามารถมองเห็นรังสีจากรีโมตโทรทัศน 1. ใชคลื่นเสียงในการควบคุมC 40.40. คลื่นแมเหล็กไฟฟามีความสําคัญอยางไร 1. ชวยในการไดยินF การกระจัด (m) ระยะทาง (m)0 10 20 30 40 -30 30 (6)
  • 7.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 41. จากการทดลองปลอยรังสีแอลฟาและรังสีบีตาผาน สนามแมเหล็กสมํ่าเสมอ เมื่อรังสีทั้งสองเบี่ยงเบนใน สนามแมเหล็กจะมีลักษณะตางกันหรือไมอยางไร 1. ไมแตกตางกัน เนื่องจากเบี่ยงเบนไปตามเสนทาง เดียวกัน 2. แตกตางกัน คือ เบี่ยงเบนในทิศทางตรงกันขาม แตมี รัศมีความโคงเทากัน 3. แตกตางกัน คือ เบี่ยงเบนในทิศทางเดียวกัน แตมีรัศมี ความโคงแตกตางกัน 4. แตกตางกัน คือ เบี่ยงเบนในทิศทางตรงกันขาม และ มีรัศมีความโคงแตกตางกัน 42. ขอใดกลาวไมถูกตอง 1. ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันหรือปฏิกิริยาลูกโซเหมาะที่จะ นํามาผลิตกระแสไฟฟา 2. โรงไฟฟานิวเคลียรสามารถผลิตพลังงานไฟฟาได ปริมาณมาก 3. ตนทุนจากมาตรการควบคุมดานความปลอดภัยของ การผลิตไฟฟาดวยพลังงานนิวเคลียรตํ่ากวาการผลิต ไฟฟาดวยพลังงานอื่น 4. การทํางานของเครื่องปฏิกรณนิวเคลียรทําใหเกิด ของเสียที่เรียกวา กากกัมมันตรังสี ซึ่งเปนอันตราย ตอสิ่งมีชีวิตทุกชนิด 43. นักเรียนคิดวาพลังงานนิวเคลียรมีความสําคัญตอมนุษย หรือไม อยางไร 1. ไมมี เพราะเปนพลังงานที่อันตราย ไมสามารถ ควบคุมได 2. ไมมี เพราะเปนพลังงานที่ไมเสถียร อาจมีมาก เกินความจําเปน 3. มี เพราะเปนพลังงานทดแทนพลังงานธรรมชาติได ในอนาคต 4. มี เพราะเปนแหลงพลังงานที่สามารถใชประโยชน ไดในระยะยาว 44. รังสีชนิดใดสามารถทําใหอากาศแตกตัวไดดีที่สุด 1. รังสีบีตา 2. รังสีแอลฟา 3. รังสีแกมมา 4. รังสีอินฟราเรด 41.41. จากการทดลองปลอยรังสีแอลฟาและรังสีบีตาผาน สนามแมเหล็กสมํ่าเสมอ เมื่อรังสีทั้งสองเบี่ยงเบนในE 42.42. ขอใดกลาวไมถูกตอง 1. ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันหรือปฏิกิริยาลูกโซเหมาะที่จะE 43.43. นักเรียนคิดวาพลังงานนิวเคลียรมีความสําคัญตอมนุษย หรือไม อยางไรF 44.44. รังสีชนิดใดสามารถทําใหอากาศแตกตัวไดดีที่สุด 1. รังสีบีตาB 45. รังสีA สามารถเคลื่อนที่ผานกระดาษบางๆ ไดดี แตไมเกิด การเปลี่ยนแปลงเมื่อเคลื่อนที่ตั้งฉากผานสนามแมเหล็ก สมํ่าเสมอ รังสี A เปนรังสีชนิดใด 1. รังสีบีตา 2. รังสีแกมมา 3. รังสีแอลฟา 4. รังสีอินฟราเรด 46. การคนพบกัมมันตภาพรังสี เบ็กเคอเรลทราบไดอยางไรวา รอยดําจากฟลมไมไดเกิดจากรังสีเอกซ 1. ใชแผนฟลมที่ตางชนิดกัน 2. พบการเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็กของรังสีดังกลาว 3. รอยดํามีความเขมมากกวารอยดําเนื่องจากรังสีเอกซ 4. เบ็กเคอเรลคนพบรังสีดังกลาวกอนมีการคนพบ รังสีเอกซ 47. การหาอายุของซากฟอสซิลโบราณมีการนําหลักการทาง กัมมันตภาพรังสีมาใชไดอยางไร 1. วัดสเปกตรัมของรังสีที่แผออกมา 2. ฉายรังสีไปยังฟอสซิลเพื่อวัดรองรอยอายุ 3. ใชเครื่องมือตรวจจับชนิดของรังสีที่แตกตางกัน 4. ใชหลักการสลายตัวครึ่งชีวิตของสารกัมมันตรังสี 48. สารกัมมันตรังสีชนิดใดนํามาใชในการรักษาโรคมะเร็ง ตอมไทรอยด 1. โคบอลต -60 2. ไอโอดีน -131 3. ไอโอดีน -132 4. แกลเลียม -67 49. ไอโซโทปใดสามารถเกิดการสลายตัวแลวไดกัมมันตภาพรังสี 1. 4 2He 2. 13 6C 3. 129 53 I 4. 60 27Co 50. นักเรียนคิดวาสารกัมมันตรังสีมีประโยชนในดานตางๆ หรือไม อยางไร 1. มี เพราะสามารถใชประโยชนในการบําบัดรักษาโรคได 2. มี เพราะรังสีจากสารกัมมันตรังสีเปนสารที่มีมูลคาทาง เศรษฐกิจ 3. ไมมี เพราะเปนสารอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง 4. ไมมี เพราะเปนสารที่ไมเสถียร และไมเปนประโยชน ในทางวิทยาศาสตร 45.45. รังสีA สามารถเคลื่อนที่ผานกระดาษบางๆ ไดดี แตไมเกิด การเปลี่ยนแปลงเมื่อเคลื่อนที่ตั้งฉากผานสนามแมเหล็กD 46.46. การคนพบกัมมันตภาพรังสี เบ็กเคอเรลทราบไดอยางไรวา รอยดําจากฟลมไมไดเกิดจากรังสีเอกซB 47.47. การหาอายุของซากฟอสซิลโบราณมีการนําหลักการทาง กัมมันตภาพรังสีมาใชไดอยางไรC 48.48. สารกัมมันตรังสีชนิดใดนํามาใชในการรักษาโรคมะเร็ง ตอมไทรอยดC 49.49. ไอโซโทปใดสามารถเกิดการสลายตัวแลวไดกัมมันตภาพรังสี 1.D 50.50. นักเรียนคิดวาสารกัมมันตรังสีมีประโยชนในดานตางๆ หรือไม อยางไรF (7)
  • 8.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. จากการศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวเสนตรงโดยใชเครื่องเคาะสัญญาณเวลา ไดจุดบนแถบกระดาษดังรูป ซึ่งระยะหาง ระหวางจุดมีชวงเวลาเทากัน จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเรงและเวลา .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 2. มอเตอรชนิดหนึ่งทําใหใบพัดหมุนเปนวงกลมดวยความถี่40 เฮิรตซ หากเปดใหใบพัดหมุนเปนเวลา1 นาที ใบพัดจะหมุนได กี่รอบ และหมุนดวยคาบเทาไร .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 3. เพราะเหตุใดภายในมอเตอรจึงมีขดลวดและแมเหล็กเปนสวนประกอบ .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 4. ใหนักเรียนวิเคราะหความหนาแนนของสนามแมเหล็กสําหรับแมเหล็กรูปเกือกมา พรอมแสดงเสนแรงแมเหล็ก .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 5. ไอโอดีน -128 มีคาครึ่งชีวิต 25 นาที ถาเริ่มตนมีไอโอดีน -128 อยู 400 มิลลิกรัม ไอโอดีน -128 จะลดลงเหลือ 50 มิลลิกรัม เมื่อเวลาผานไปกี่นาที .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 1.1. จากการศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวเสนตรงโดยใชเครื่องเคาะสัญญาณเวลา ไดจุดบนแถบกระดาษ ดังรูป ซึ่งระยะหาง ระหวางจุดมีชวงเวลาเทากัน จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเรงและเวลาE 2.2. มอเตอรชนิดหนึ่งทําใหใบพัดหมุนเปนวงกลมดวยความถี่40 เฮิรตซ หากเปดใหใบพัดหมุนเปนเวลา1 นาที ใบพัดจะหมุนได กี่รอบ และหมุนดวยคาบเทาไรE 3. เพราะเหตุใดภายในมอเตอรจึงมีขดลวดและแมเหล็กเปนสวนประกอบ ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B 4. ใหนักเรียนวิเคราะหความหนาแนนของสนามแมเหล็กสําหรับแมเหล็กรูปเกือกมา พรอมแสดงเสนแรงแมเหล็ก ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................D 5.5. ไอโอดีน -128 มีคาครึ่งชีวิต 25 นาที ถาเริ่มตนมีไอโอดีน -128 อยู 400 มิลลิกรัม ไอโอดีน -128 จะลดลงเหลือ 50 มิลลิกรัม เมื่อเวลาผานไปกี่นาทีB ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹àµçÁ 10 ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จํานวน 5 ขอ ขอละ 2 คะแนน t = 0 . . . . . . . (8)
  • 9.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 5. มาตรวัดความเร็วบนหนาปดรถยนตบอกคาความเร็วชนิดใด 1. ความเร็วตน2. ความเร็วเฉลี่ย 3. ความเร็วปลาย 4. ความเร็วขณะหนึ่ง 6. หากตองการใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งใหไดสูงที่สุด สามารถทําไดอยางไร (ไมคิดแรงตานในอากาศ) 1. เพิ่มขนาดของวัตถุ 2. ปรับรูปรางของวัตถุ 3. ลดปริมาณมวลของวัตถุ 4. เพิ่มความเร็วตนของวัตถุ 7. การทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งควรระมัดระวัง เรื่องใดเปนพิเศษ 1. มวลของวัตถุ 2. นํ้าหนักของวัตถุ 3. แรงตานในอากาศ 4. อุณหภูมิในหองทดลอง 8. หากปลอยวัตถุที่มีมวลเทากันใหตกจากความสูงระดับ เดียวกันบนผิวดวงจันทร การเคลื่อนที่ของวัตถุนี้จะมีความ เหมือนหรือแตกตางจากการปลอยวัตถุบนพื้นโลกอยางไร 1. วัตถุบนดวงจันทรจะลอยขึ้นไปในอากาศ 2. ความเร็วของวัตถุที่ตกบนดวงจันทรมีคาคงตัว 3. ความเร็วของวัตถุที่ตกบนดวงจันทรมีคาไมคงตัว 4. วัตถุบนดวงจันทรตกลงดวยความเรงนอยกวาคา g 5.5. มาตรวัดความเร็วบนหนาปดรถยนตบอกคาความเร็วชนิดใด 1. ความเร็วตน 2. ความเร็วเฉลี่ยC 6.6. หากตองการใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งใหไดสูงที่สุด สามารถทําไดอยางไร (ไมคิดแรงตานในอากาศ)C 7.7. การทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งควรระมัดระวัง เรื่องใดเปนพิเศษE 8.8. หากปลอยวัตถุที่มีมวลเทากันใหตกจากความสูงระดับ เดียวกันบนผิวดวงจันทร การเคลื่อนที่ของวัตถุนี้จะมีความE 1. ขอใดไมใชลักษณะของวัตถุที่ตกอยางอิสระ 1. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเรงคงที่ 9.8 m/s2 2. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเร็วลดลงอยางคงที่ 3. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเร็วเพิ่มขึ้นอยางคงที่ 4. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งถูกกระทําดวยแรงโนมถวงตลอด การเคลื่อนที่ 2. เมื่อปาวัตถุขึ้นไปในแนวดิ่ง วัตถุจะมีการเปลี่ยนแปลง ความเร็วขณะเคลื่อนที่ขึ้นอยางไร 1. ความเร็วมีคาคงตัว 2. ความเร็วลดลงคงที่ 3. ความเร็วเพิ่มขึ้นคงที่ 4. ความเร็วมีคาเปนศูนย 3. เด็กคนหนึ่งวิ่งไปทางขวา 20 เมตร ใชเวลา 4 วินาที จากนั้นหันกลับหลังแลววิ่งอีก 2 เมตร ในเวลา 1 วินาที เด็กคนนี้มีความเร็วเฉลี่ยเทาใด 1. 3.6 m/s 2. 3.8 m/s 3. 6.0 m/s 4. 7.0 m/s 4. รถยนตคันหนึ่งเคลื่อนที่ไปดวยความเร็ว 10 เมตร/วินาที แลวเรงเครื่องดวยความเรง5 เมตร/วินาที2 ภายในเวลา20 วินาที รถยนตคันนี้จะมีความเร็วสุดทายเปนกี่เมตร/วินาที 1. 100 เมตร/วินาที 2. 110 เมตร/วินาที 3. 120 เมตร/วินาที 4. 130 เมตร/วินาที 1.1. ขอใดไมใชลักษณะของวัตถุที่ตกอยางอิสระ 1. วัตถุเคลื่อนที่ในแนวดิ่งดวยความเรงคงที่ 9.8 m/sA 2.2. เมื่อปาวัตถุขึ้นไปในแนวดิ่ง วัตถุจะมีการเปลี่ยนแปลง ความเร็วขณะเคลื่อนที่ขึ้นอยางไรB 3.3. เด็กคนหนึ่งวิ่งไปทางขวา 20 เมตร ใชเวลา 4 วินาที จากนั้นหันกลับหลังแลววิ่งอีก 2 เมตร ในเวลา 1 วินาทีB 4.4. รถยนตคันหนึ่งเคลื่อนที่ไปดวยความเร็ว 10 เมตร/วินาที แลวเรงเครื่องดวยความเรง5 เมตร/วินาทีB ชื่อ …………………………………………………………………………………………………….. นามสกุล …………………………………………………………………………………………….. เลขประจําตัวสอบ ……………………………………………………………………. โรงเรียน ……………………………………………………………………………………………. สอบวันที่ …………………….. เดือน ………………………………………………… พ.ศ. ……………………………………….. โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹ÃÇÁ 60 แบบทดสอบว�ชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ชุดที่ 2 ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹àµçÁ 50 ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แตละขอมีคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว จํานวน 50 ขอ ขอละ 1 คะแนน ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา A B C D E F (9)
  • 10.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 9. ในการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ปริมาณใดมีคาคงตัว 1.การกระจัดในแนวดิ่ง 2. ความเร็วในแนวดิ่ง 3. การกระจัดในแนวระดับ 4. ความเร็วในแนวระดับ 10. ขอใดเปนการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย 1. เด็กไกวชิงชา 2. รถยนตเลี้ยวโคง 3. ลูกบอลกลิ้งตามพื้นเอียง 4. เรือดํานํ้าดิ่งลงในทะเล 11. ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหวัตถุมีการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก อยางงาย 1. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง แลวผลักลูกตุมให แกวงเปนวงกลมในแนวดิ่ง 2. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง แลวดึงลูกตุมออกมา จนเชือกทํามุมกับแนวดิ่งเล็กนอยจึงปลอยมือ 3. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนวดิ่ง โดยตรึงอีกดานของ สปริงไว จากนั้นดึงวัตถุใหสปริงยืดออกเล็กนอยแลว ปลอยมือ 4. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนวระดับ โดยตรึงอีกดานของ สปริงไว จากนั้นดึงวัตถุใหสปริงยืดออกเล็กนอยแลว ปลอยมือ 12. เพราะเหตุใดจึงตองใหลูกตุมนาฬกาแกวงดวยมุมเล็กๆ 1. เพื่อใหแกวงไดเร็วขึ้น 2. เพื่อเพิ่มความถี่ในการแกวงกวัด 3. เพื่อใหความถี่ในการแกวงกวัดมีคาคงตัว 4. เพื่อใหจํานวนคาบของการกวัดแกวงคอยๆ ลดลง 13. เพราะเหตุใดในการเล็งเปายิงธนูจึงตองเล็งใหสูงเหนือ เปาเล็กนอย 1. เปายิงอาจมีการเปลี่ยนตําแหนง 2. เพื่อเพิ่มแรงยิงในการยิงธนูใหแรงขึ้น 3. ธนูไมมีอุปกรณในการเล็งเปาที่แนนอน 4. ลูกธนูมีการโคงลงเมื่อเคลื่อนที่ในระยะไกล 14. ขอใดกลาวถึงสนามโนมถวงไมถูกตอง 1. การตกของวัตถุในสนามโนมถวง วัตถุจะเคลื่อนที่ดวย ความเรงคงที่ 2. สนามโนมถวงของโลกที่ระดับความสูงตางๆ จากผิวโลก จะมีคาเทากัน 3. สนามโนมถวง ณ ตําแหนงตางๆ บนผิวโลก มีคา ประมาณ 9.8 นิวตัน/กิโลกรัม 4. ไมวาจะปลอยวัตถุ ณ ตําแหนงใดที่สูงจากพื้นโลก วัตถุ จะตกลงสูพื้นโลกเสมอ 9.9. ในการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ปริมาณใดมีคาคงตัว 1. การกระจัดในแนวดิ่ง 2. ความเร็วในแนวดิ่งA 10.10. ขอใดเปนการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย 1. เด็กไกวชิงชา 2. รถยนตเลี้ยวโคงD 11.11. ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหวัตถุมีการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก อยางงายD 12.12. เพราะเหตุใดจึงตองใหลูกตุมนาฬกาแกวงดวยมุมเล็กๆ 1. เพื่อใหแกวงไดเร็วขึ้นC 13.13. เพราะเหตุใดในการเล็งเปายิงธนูจึงตองเล็งใหสูงเหนือ เปาเล็กนอยD 14.14. ขอใดกลาวถึงสนามโนมถวงไมถูกตอง 1. การตกของวัตถุในสนามโนมถวง วัตถุจะเคลื่อนที่ดวยA 15. วัตถุมวล 10 กิโลกรัม เมื่ออยูบนดวงจันทรจะมีนํ้าหนัก 16 นิวตัน อยากทราบวาสนามโนมถวงของดวงจันทร มีคาเทาใด 1. 1.6 m/s2 2. 3.2 m/s2 3. 6.4 m/s2 4. 9.6 m/s2 16. แรงในขอใดตอไปนี้เปนแรงชนิดเดียวกับแรงที่ทําใหใบไม รวงลงสูพื้น 1. แรงที่ทําใหอิเล็กตรอนอยูในอะตอมได 2. แรงที่ทําใหแผนแมเหล็กติดอยูบนตูเย็น 3. แรงที่ทําใหดาวเทียมอยูในวงโคจรรอบโลก 4. แรงที่ยกใหขดลวดตัวนําที่อยูระหวางขั้วแมเหล็กลอยขึ้น 17. ขอใดคือสมบัติของเสนแรงไฟฟา 1. ตั้งฉากกับเสนแรงแมเหล็ก 2. เคลื่อนที่ผานตัวนํา แตไมผานฉนวน 3. มีทิศทางจากขั้วไฟฟาลบไปขั้วไฟฟาบวก 4. มีทิศทางจากขั้วไฟฟาบวกไปขั้วไฟฟาลบ 18. ลําอนุภาคQ และR เมื่อเคลื่อนที่ผานสนามแมเหล็กB ที่มี ทิศพุงเขาตั้งฉากกับกระดาษจะมีการเบี่ยงเบน ดังรูป ถานํา อนุภาคทั้งสองไปวางไวในบริเวณที่มีสนามไฟฟาสมํ่าเสมอ แนวการเคลื่อนที่จะเปนอยางไร 1. เคลื่อนที่ไปทางเดียวกันในทิศทางตามเสนสนามไฟฟา 2. เคลื่อนที่ไปทางเดียวกันในทิศทางตรงขามกับเสนสนาม ไฟฟา 3. เคลื่อนที่ไปทิศตรงขามกัน โดยอนุภาคR ไปทางเดียว กับเสนสนามไฟฟา 4. เคลื่อนที่ไปทิศตรงขามกัน โดยอนุภาคQ ไปทางเดียว กับเสนสนามไฟฟา 19. จากหลักการของกระแสไฟฟาเหนี่ยวนํา สามารถนําไปใช สรางเครื่องมือชนิดใด 1. ไดนาโม 2. มอเตอร 3. ลําโพงไฟฟา 4. แกลวานอมิเตอร 15.15. วัตถุมวล 10 กิโลกรัม เมื่ออยูบนดวงจันทรจะมีนํ้าหนัก 16 นิวตัน อยากทราบวาสนามโนมถวงของดวงจันทรB 16.16. แรงในขอใดตอไปนี้เปนแรงชนิดเดียวกับแรงที่ทําใหใบไม รวงลงสูพื้นD 17.17. ขอใดคือสมบัติของเสนแรงไฟฟา 1. ตั้งฉากกับเสนแรงแมเหล็กA 18.18. ลําอนุภาคQ และR เมื่อเคลื่อนที่ผานสนามแมเหล็กB ที่มี ทิศพุงเขาตั้งฉากกับกระดาษจะมีการเบี่ยงเบน ดังรูป ถานําB 19.19. จากหลักการของกระแสไฟฟาเหนี่ยวนํา สามารถนําไปใช สรางเครื่องมือชนิดใดC x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x Q R (10)
  • 11.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 20. การทดลองหลอดรังสีแคโทด เหตุใดจึงตองทําใหความดัน- อากาศภายในหลอดลดตํ่าลงเกือบเปนสุญญากาศ 1.เพื่อใหสังเกตรังสีแคโทดไดชัดเจน 2. เพื่อลดอันตรายจากแรงดันอากาศที่เพิ่มขึ้นในหลอดแกว 3. เพื่อลดการชนระหวางอนุภาคของรังสีแคโทดกับอากาศ 4. เพื่อไมใหสนามไฟฟาหรือสนามแมเหล็กที่ใชไปรบกวน การเคลื่อนที่ของรังสีแคโทด 21. สนามแมเหล็กไมมีผลตอสิ่งใด 1. ประจุไฟฟาที่หยุดนิ่ง 2. ประจุไฟฟาที่เคลื่อนที่ 3. สารแมเหล็กที่หยุดนิ่ง 4. สารแมเหล็กที่เคลื่อนที่ 22. วางลวดตัวนําไวในสนามแมเหล็กดังรูป เมื่อใหกระแสไฟฟา ผานลวดตัวนํา จะเกิดแรงเนื่องจากสนามแมเหล็กกระทําตอ ลวดนี้ในทิศทางใด 1. ทิศชี้ลง 2. ทิศชี้ขึ้น 3. ทิศไปทางขั้วเหนือ 4. ทิศไปทางขั้วใต 23. จากแผนภาพแสดงลักษณะของเสนแรงแมเหล็กที่เกิดจาก แทงแมเหล็กสองแทงวางใกลกัน ขอใดบอกถึงขั้วของแมเหล็กที่ตําแหนง A, B, C และ D ไดอยางถูกตอง 1. A และ C เปนขั้วเหนือ สวน B และ D เปนขั้วใต 2. A และ D เปนขั้วเหนือ สวน B และ C เปนขั้วใต 3. B และ D เปนขั้วเหนือ สวน A และ C เปนขั้วใต 4. B และ C เปนขั้วเหนือ สวน A และ D เปนขั้วใต 20.20. การทดลองหลอดรังสีแคโทด เหตุใดจึงตองทําใหความดัน- อากาศภายในหลอดลดตํ่าลงเกือบเปนสุญญากาศE 21.21. สนามแมเหล็กไมมีผลตอสิ่งใด 1. ประจุไฟฟาที่หยุดนิ่งA 22.22. วางลวดตัวนําไวในสนามแมเหล็กดังรูป เมื่อใหกระแสไฟฟา ผานลวดตัวนํา จะเกิดแรงเนื่องจากสนามแมเหล็กกระทําตอB 23.23. จากแผนภาพแสดงลักษณะของเสนแรงแมเหล็กที่เกิดจาก แทงแมเหล็กสองแทงวางใกลกันB 24. เหตุใดภายในมอเตอรไฟฟาจึงตองมีแมเหล็กเปน องคประกอบ 1. เพื่อสรางสนามไฟฟาจากขดลวดตัวนํา 2. เพื่อสรางสนามแมเหล็กจากขดลวดตัวนํา 3. เพื่อยึดโครงสรางมอเตอรที่เปนเหล็กใหติดกัน 4. เพื่อทําใหขดลวดตัวนําภายในมอเตอรเกิดการหมุน เมื่อจายกระแสไฟฟาเขาไป 25. เพราะเหตุใดเมื่อตัดแทงแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตออกเปน ครึ่งหนึ่ง จึงยังคงไดแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตเสมอ 1. ขั้วเหนือใตของแมเหล็กกระจายตัวอยูทั่วทั้ง แทงแมเหล็ก 2. ขั้วเหนือใตของแมเหล็กเรียงตัวสลับกันตลอดทั้ง แทงแมเหล็ก 3. แมเหล็กมีสมบัติคูขั้ว ทําใหแมเหล็กแตละแทงตองมี สองขั้วเสมอ 4. แมเหล็กมีสนามแมเหล็กอยูรอบๆ สงผลใหแมเหล็กที่ ถูกตัดแบงจะมีอํานาจแมเหล็กเหมือนแทงเดิม 26. ขอใดกลาวถึงแรงนิวเคลียรไมถูกตอง 1. แรงนิวเคลียรตองเปนแรงดูดที่มีคานอยกวาแรงผลัก ทางไฟฟา 2. แรงที่ยึดโปรตอนทุกตัวและนิวตรอนทุกตัวไวดวยกันใน นิวเคลียส 3. แรงนิวเคลียรแบบเขม เปนแรงที่ดึงดูดอนุภาคมูลฐาน ใหรวมกันอยูได 4. แรงนิวเคลียรแบบออน เปนแรงที่เกี่ยวของกับปฏิกิริยา นิวเคลียรฟวชัน 27. แรงนิวเคลียรมีความสําคัญตอชีวิตของมนุษยหรือไม อยางไร 1. ไมสําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรกอใหเกิดอันตรายใน วงกวาง 2. ไมสําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรมีผลตอการคงอยูของ อะตอมเพียงอยางเดียว 3. สําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรมีสวนในกระบวนการผลิต ของโรงงานอุตสาหกรรมหลายประเภท 4. สําคัญ เนื่องจากแรงนิวเคลียรนําไปสูการสรางพลังงาน ในการนําไปใชประโยชนไดอยางมหาศาล 24.24. เหตุใดภายในมอเตอรไฟฟาจึงตองมีแมเหล็กเปน องคประกอบC 25.25. เพราะเหตุใดเมื่อตัดแทงแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตออกเปน ครึ่งหนึ่ง จึงยังคงไดแมเหล็กที่มีขั้วเหนือใตเสมอD 26.26. ขอใดกลาวถึงแรงนิวเคลียรไมถูกตอง 1. แรงนิวเคลียรตองเปนแรงดูดที่มีคานอยกวาแรงผลักA 27.27. แรงนิวเคลียรมีความสําคัญตอชีวิตของมนุษยหรือไม อยางไรE N S BA C D I (11)
  • 12.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 28. ปรากฏการณใดของคลื่นที่ทําใหคลื่นเกิดการเปลี่ยนแปลง ความยาวคลื่น 1. การหักเห2. การสะทอน 3. การเลี้ยวเบน 4. การแทรกสอด 29. คลื่นชนิดใดมีความยาวคลื่นมากที่สุด 1. รังสีเอกซ 2. ไมโครเวฟ 3. อินฟราเรด 4. อัลตราไวโอเลต 30. ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตอง 1. คลื่นบางชนิดเคลื่อนที่ไดโดยไมตองอาศัยตัวกลาง 2. ความยาวคลื่นมีความสัมพันธแบบแปรผันตรงกับ ความถี่คลื่น 3. คลื่นเปนพลังงานที่สงผานพลังงานไปพรอมกับตัวกลาง ที่เคลื่อนที่ 4. การแทรกสอดของคลื่นและการเลี้ยวเบนของคลื่นเปน ปรากฏการณที่เกิดขึ้นคูกัน 31. เพราะเหตุใดเมื่อสังเกตปลาที่วายอยูในนํ้า จะมองเห็นวา ปลามีขนาดใหญกวาปกติ 1. เปนผลจากการหักเหของคลื่นแสง 2. เปนผลจากการสะทอนของคลื่นแสง 3. เปนผลจากการเลี้ยวเบนของคลื่นแสง 4. เปนผลจากการแทรกสอดของคลื่นแสง 32. ลูกบอลลูกหนึ่งตกนํ้าและสั่นขึ้นลงหลายรอบ ทําใหเกิด คลื่นผิวนํ้าแผออกเปนรูปวงกลม เมื่อเวลาผานไป10 วินาที คลื่นแผออกไปไดรัศมีสูงสุด 20 เมตร โดยมีระยะระหวาง สันคลื่นที่ติดกันเทากับ2 เมตร จากขอมูลดังกลาวลูกบอล สั่นขึ้นลงดวยความถี่เทาใด 1. 0.5 Hz 2. 1.0 Hz 3. 2.0 Hz 4. 4.0 Hz 33. ความเขมเสียง ใชบอกลักษณะใดของคลื่นเสียง 1. ระดับเสียง 2. คุณภาพเสียง 3. ความดังเสียง 4. บีตสของเสียง 34. เครื่องโซนารในเรือประมงไดรับสัญญาณสะทอนจาก กนทะเล หลังจากสงสัญญาณไป 0.4 วินาที ถาอัตราเร็ว ของเสียงในนํ้ามีคาประมาณ 1,500 เมตร/วินาที ทะเล บริเวณนี้มีความลึกเทาใด 1. 100 เมตร 2. 200 เมตร 3. 300 เมตร 4. 400 เมตร 28.28. ปรากฏการณใดของคลื่นที่ทําใหคลื่นเกิดการเปลี่ยนแปลง ความยาวคลื่นA 29.29. คลื่นชนิดใดมีความยาวคลื่นมากที่สุด 1. รังสีเอกซ 2. ไมโครเวฟA 30.30. ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตอง 1. คลื่นบางชนิดเคลื่อนที่ไดโดยไมตองอาศัยตัวกลางB 31.31. เพราะเหตุใดเมื่อสังเกตปลาที่วายอยูในนํ้า จะมองเห็นวา ปลามีขนาดใหญกวาปกติB 32.32. ลูกบอลลูกหนึ่งตกนํ้าและสั่นขึ้นลงหลายรอบ ทําใหเกิด คลื่นผิวนํ้าแผออกเปนรูปวงกลม เมื่อเวลาผานไป10 วินาทีB 33.33. ความเขมเสียง ใชบอกลักษณะใดของคลื่นเสียง 1. ระดับเสียง 2. คุณภาพเสียงA 34.34. เครื่องโซนารในเรือประมงไดรับสัญญาณสะทอนจาก กนทะเล หลังจากสงสัญญาณไป 0.4 วินาที ถาอัตราเร็วB 35. เครื่องโซนารใชสมบัติใดของคลื่นในการทํางาน 1. การหักเห 2. การสะทอน 3. การเลี้ยวเบน 4. การแทรกสอด 36. การที่นายพรานแนบหูเพื่อฟงเสียงจากพื้น วิธีดังกลาวชวย ใหไดยินเสียงไดอยางไร 1. เสียงแทรกสอดผานชองวางใตดินมาได 2. เสียงผานตัวกลางคืออากาศที่อยูบริเวณผิวดิน 3. เสียงจะเคลื่อนที่ไดดีผานตัวกลางที่เปนของแข็ง 4. การแนบฟงเสียงบนพื้นดินไมสามารถใชไดจริง 37. นักเรียนคิดวาในโรงงานอุตสาหกรรมควรมีการควบคุม ระดับความเขมของเสียงหรือไม เพราะเหตุใด 1. ควร เพราะเปนการสรางมาตรฐานโรงงานที่กระทรวง อุตสาหกรรมยอมรับ 2. ควร เพราะเสียงที่มีความเขมมากเกินไปจะเกิดมลพิษ ทางเสียงซึ่งเปนอันตรายตอการไดยิน 3. ควร เพราะเสียงที่มีความเขมมากเกินไปจะมีพลังงานสูง สงผลตอระบบทอนํ้าในโรงงาน 4. ไมควร เพราะการลดความเขมเสียง หมายถึง การลด จํานวนเครื่องจักรในโรงงาน ซึ่งสงผลตอผลประกอบการ 38. เพราะเหตุใดจึงใชคลื่นไมโครเวฟในการสื่อสารระยะไกล แทนการใชคลื่นวิทยุ 1. คลื่นวิทยุเคลื่อนที่ไดในระยะใกลเทานั้น 2. คลื่นวิทยุไมสะทอนในชั้นไอโอโนสเฟยร 3. คลื่นไมโครเวฟมีความถี่สูงกวาคลื่นวิทยุ 4. คลื่นไมโครเวฟไมสะทอนในชั้นบรรยากาศ 39. ขอใดตอไปนี้เรียงลําดับความยาวคลื่นจากมากไปนอย ไดถูกตอง 1. แสง คลื่นวิทยุ รังสีเอกซ รังสีแกมมา 2. คลื่นวิทยุ อินฟราเรด แสง รังสีแกมมา 3. รังสีเอกซ อินฟราเรด อัลตราไวโอเลต คลื่นวิทยุ 4. อัลตราไวโอเลต อินฟราเรด ไมโครเวฟ รังสีแกมมา 40. คลื่นAเปนคลื่นที่มีความยาวคลื่นตํ่าสามารถทําใหแผนฟลม ที่หอกระดาษไวเปนรอยได สมมติฐานในขอใดถูกตอง 1. คลื่น A คือ คลื่นกล 2. คลื่น A คือ คลื่นแสง 3. คลื่น A คือ รังสีเอกซ 4. คลื่น A คือ อินฟราเรด 35.35. เครื่องโซนารใชสมบัติใดของคลื่นในการทํางาน 1. การหักเห 2. การสะทอนC 36.36. การที่นายพรานแนบหูเพื่อฟงเสียงจากพื้น วิธีดังกลาวชวย ใหไดยินเสียงไดอยางไรD 37.37. นักเรียนคิดวาในโรงงานอุตสาหกรรมควรมีการควบคุม ระดับความเขมของเสียงหรือไม เพราะเหตุใดF 38.38. เพราะเหตุใดจึงใชคลื่นไมโครเวฟในการสื่อสารระยะไกล แทนการใชคลื่นวิทยุD 39.39. ขอใดตอไปนี้เรียงลําดับความยาวคลื่นจากมากไปนอย ไดถูกตองE 40.40. คลื่นAเปนคลื่นที่มีความยาวคลื่นตํ่าสามารถทําใหแผนฟลม ที่หอกระดาษไวเปนรอยได สมมติฐานในขอใดถูกตองE (12)
  • 13.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 41. เพราะเหตุใดจึงเรียกปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันวา ปฏิกิริยา ลูกโซ 1.เปนปฏิกิริยาที่ใชความรอนสูง 2. เปนปฏิกิริยาที่เกิดจากธาตุโลหะ 3. เปนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นไดเองอยางตอเนื่อง 4. เปนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตอเนื่องเมื่อยิงนิวเคลียส ดวยนิวตรอน 42. ปฏิกิริยานิวเคลียรชนิดใดเหมาะที่จะนํามาผลิตพลังงาน ไฟฟา 1. ปฏิกิริยาฟวชัน 2. ปฏิกิริยาฟชชัน 3. ปฏิกิริยาเทอรโมเรดิเอชัน 4. ปฏิกิริยาเทอรโมไดนามิกส 43. เครื่องปฏิกรณนิวเคลียรอาศัยหลักการของปฏิกิริยาใด ในการผลิตพลังงานนิวเคลียร 1. ปฏิกิริยาฟชชัน 2. ปฏิกิริยาฟวชัน 3. ปฏิกิริยาดิฟฟวชัน 4. ปฏิกิริยามอเดอรเรเตอร 44. รังสีชนิดใดไมเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็ก 1. รังสีบีตา 2. รังสีแอลฟา 3. รังสีแกมมา 4. รังสีอิเล็กตรอน 45. ธาตุชนิดหนึ่งสลายตัวใหธาตุใหมที่มีเลขมวลและเลขอะตอม ลดลง แสดงวาธาตุดังกลาวมีการปลดปลอยรังสีชนิดใด 1. รังสีบีตา 2. รังสีเอกซ 3. รังสีแกมมา 4. รังสีแอลฟา 46. เพราะเหตุใดธาตุกัมมันตรังสีจึงมีการปลดปลอยรังสีออกมา ตลอดเวลา 1. มีพลังงานสะสมอยูมากเกินไป 2. เปนการสลายตัวที่เกิดขึ้นตามเวลา 3. เพื่อใหธาตุกัมมันตรังสีเกิดความเสถียร 4. ถูกกระตุนดวยอนุภาคบางชนิดจึงปลดปลอยพลังงาน ออกมา 41.41. เพราะเหตุใดจึงเรียกปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชันวา ปฏิกิริยา ลูกโซB 42.42. ปฏิกิริยานิวเคลียรชนิดใดเหมาะที่จะนํามาผลิตพลังงาน ไฟฟาF 43.43. เครื่องปฏิกรณนิวเคลียรอาศัยหลักการของปฏิกิริยาใด ในการผลิตพลังงานนิวเคลียรE 44.44. รังสีชนิดใดไมเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็ก 1. รังสีบีตาB 45.45. ธาตุชนิดหนึ่งสลายตัวใหธาตุใหมที่มีเลขมวลและเลขอะตอม ลดลง แสดงวาธาตุดังกลาวมีการปลดปลอยรังสีชนิดใดB 46.46. เพราะเหตุใดธาตุกัมมันตรังสีจึงมีการปลดปลอยรังสีออกมา ตลอดเวลาB 47. สมการการสลายตัวของธาตุชนิดหนึ่งเปนดังนี้ 238 92U  234 90Th + x x คืออะไร 1. รังสีแกมมา 2. อนุภาคแอลฟา 3. อนุภาคโพสิตรอน 4. อนุภาคอิเล็กตรอน 48. เพราะเหตุใดจึงใชแผนฟลมเปนอุปกรณในการตรวจวัด ปริมาณรังสี 1. งายตอการพกพา 2. รังสีสามารถเกาะติดกับแผนฟลมไดดี 3. สามารถวัดปริมาณรังสีไดทันทีและแมนยํา 4. แผนฟลมทําปฏิกิริยากับรังสีเชนเดียวกับแสง 49. สัญลักษณนิวเคลียร 127 53I แสดงวานิวเคลียสของไอโอดีนนี้ มีอนุภาคตามขอใด 1. โปรตอน 53 ตัว และนิวตรอน 74 ตัว 2. โปรตอน 53 ตัว และนิวตรอน 127 ตัว 3. โปรตอน 127 ตัว และนิวตรอน 53 ตัว 4. โปรตอน 53 ตัว และอิเล็กตรอน 74 ตัว 50. กราฟใดอธิบายลักษณะการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี ไดถูกตอง 1. 2. 3. 4. 47.47. สมการการสลายตัวของธาตุชนิดหนึ่งเปนดังนี้ 238B 48.48. เพราะเหตุใดจึงใชแผนฟลมเปนอุปกรณในการตรวจวัด ปริมาณรังสีC 49.49. สัญลักษณนิวเคลียร มีอนุภาคตามขอใดD 50.50. กราฟใดอธิบายลักษณะการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี ไดถูกตองE เวลา ปริมาณสาร เวลา ปริมาณสาร เวลา ปริมาณสาร เวลา ปริมาณสาร (13)
  • 14.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. วัตถุ 2ชิ้นที่มีมวลเทากัน ถูกโยนขึ้นไปในแนวดิ่งดวยความเร็วตน 20 เมตรตอวินาที และ 50 เมตรตอวินาที วัตถุทั้งสอง จะมีความเรงเหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไร .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 2. ใหนักเรียนวิเคราะหและอธิบายการทํางานของเข็มทิศ .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 3. ใหนักเรียนเขียนภาพเสนแรงแมเหล็กที่เกิดขึ้นจากแทงแมเหล็กที่วางไว ดังภาพ 4. คลื่นดลบนเสนเชือกมีลักษณะดังภาพ ซึ่งเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว u จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางการกระจัด ในแนว y ของจุด P (จุดๆ หนึ่งบนเสนเชือก) กับเวลา 5. ใหนักเรียนเขียนสมการแสดงการสลายตัวของเรเดียม -226 เปนเรดอน -222 โดยมีการปลดปลอยแกมมารวมดวย .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 1.1. วัตถุ 2 ชิ้นที่มีมวลเทากัน ถูกโยนขึ้นไปในแนวดิ่งดวยความเร็วตน 20 เมตรตอวินาที และ 50 เมตรตอวินาที วัตถุทั้งสอง จะมีความเรงเหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไรD 2.2. ใหนักเรียนวิเคราะหและอธิบายการทํางานของเข็มทิศ ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................E 3.3. ใหนักเรียนเขียนภาพเสนแรงแมเหล็กที่เกิดขึ้นจากแทงแมเหล็กที่วางไว ดังภาพ D 4.4. คลื่นดลบนเสนเชือกมีลักษณะดังภาพ ซึ่งเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว u จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวางการกระจัด ในแนว y ของจุด P (จุดๆ หนึ่งบนเสนเชือก) กับเวลาE 5.5. ใหนักเรียนเขียนสมการแสดงการสลายตัวของเรเดียม -226 เปนเรดอน -222 โดยมีการปลดปลอยแกมมารวมดวย ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................E ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹àµçÁ 10 ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จํานวน 5 ขอ ขอละ 2 คะแนน N S S N u P (14)
  • 15.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 4. การเคลื่อนที่ในขอใดมีความเรงเปนศูนย 1. กอนหินกอนหนึ่งจมอยูที่กนบอ 2.เครื่องบินเคลื่อนที่ขึ้นจากรันเวย 3. นักกระโดดรมลอยตัวลงมาอยางชาๆ 4. รถยนตคันหนึ่งคอยๆ ลดความเร็วเพื่อหยุดรถ 5. สมคิดเริ่มขับจักรยานยนตจากจุดหยุดนิ่งโดยใชอัตราเร็ว เพิ่มขึ้น 3 เมตร/วินาที ทุกๆ 1 วินาที ที่เวลา 10 วินาที สมคิดเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วเทาไร 1. 10 เมตรตอวินาที 2. 20 เมตรตอวินาที 3. 30 เมตรตอวินาที 4. 40 เมตรตอวินาที 6. การเคลื่อนที่ในขอใดตอไปนี้ จัดวาเปนการเคลื่อนที่ดวย ความเรง 1. รถยนตจอดนิ่งกลางถนน 2. มาลีเดินดวยความเร็วสมํ่าเสมอ 3. มานะหยุดรถที่แลนอยูอยางกะทันหัน 4. รถโดยสารประจําทางแลนดวยอัตราเร็ว 110 กิโลเมตรตอชั่วโมง 4.4. การเคลื่อนที่ในขอใดมีความเรงเปนศูนย 1. กอนหินกอนหนึ่งจมอยูที่กนบอB 5.5. สมคิดเริ่มขับจักรยานยนตจากจุดหยุดนิ่งโดยใชอัตราเร็ว เพิ่มขึ้น 3 เมตร/วินาที ทุกๆ 1 วินาที ที่เวลา 10 วินาทีB 6.6. การเคลื่อนที่ในขอใดตอไปนี้ จัดวาเปนการเคลื่อนที่ดวย ความเรงB 1. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการกระจัด 1. ขนาดของการกระจัดเทากับระยะทางของการเคลื่อนที่ 2. ขนาดของการกระจัดจะเพิ่มขึ้นตามเสนทางการเคลื่อนที่ 3. ทิศทางของการกระจัดคือทิศทางเริ่มตนของการเคลื่อนที่ 4. ทิศทางของการกระจัดจะลากจากจุดเริ่มตนไปยังจุด สิ้นสุดของการเคลื่อนที่ 2. ขอใดตอไปนี้เปนการเคลื่อนที่ที่มีขนาดของการกระจัด นอยที่สุด 1. เดินไปทางขวาดวยความเร็วคงที่3 เมตรตอวินาที เปน เวลา 4 วินาที 2. เดินไปทางซายดวยความเร็วคงที่4 เมตรตอวินาที เปน เวลา 3 วินาที 3. เดินไปทางขวา10 เมตร แลวเดินยอนกลับมาทางซาย 2 เมตร 4. ทั้งสามขอมีการกระจัดเทากัน 3. รถยนตคันหนึ่งแลนดวยความเร็วเฉลี่ย 20 เมตรตอวินาที จงหาเวลาที่รถยนตคันนี้ใชขณะที่แลนไปได 1 กิโลเมตร 1. 50 วินาที 2. 100 วินาที 3. 150 วินาที 4. 200 วินาที 1.1. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการกระจัด 1. ขนาดของการกระจัดเทากับระยะทางของการเคลื่อนที่A 2.2. ขอใดตอไปนี้เปนการเคลื่อนที่ที่มีขนาดของการกระจัด นอยที่สุดB 3.3. รถยนตคันหนึ่งแลนดวยความเร็วเฉลี่ย 20 เมตรตอวินาที จงหาเวลาที่รถยนตคันนี้ใชขณะที่แลนไปได 1 กิโลเมตรB ชื่อ …………………………………………………………………………………………………….. นามสกุล …………………………………………………………………………………………….. เลขประจําตัวสอบ ……………………………………………………………………. โรงเรียน ……………………………………………………………………………………………. สอบวันที่ …………………….. เดือน ………………………………………………… พ.ศ. ……………………………………….. โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹ÃÇÁ 60 แบบทดสอบว�ชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ชุดที่ 3 ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹àµçÁ 50 ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แตละขอมีคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว จํานวน 50 ขอ ขอละ 1 คะแนน ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา A B C D E F (15)
  • 16.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 7. กราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเร็วกับเวลาของ การเคลื่อนที่เปนดังรูป จงหาความเรงที่เวลา3 วินาที 1. 3 m/s2 2. -3 m/s2 3. 5 m/s2 4. -5 m/s2 8. หากปลอยวัตถุตกอยางอิสระ ขอใดแสดงความสัมพันธ ระหวางความเรงตอเวลาไดถูกตอง 1. 2. 3. 4. 9. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับคาบของลูกตุม 1. ไมขึ้นกับความยาวเชือก 2. ไมขึ้นกับมวลของลูกตุม 3. ไมขึ้นกับแรงโนมถวงของโลก 4. มีคาเทาเดิมแมวาจะไปแกวงบนดวงจันทร 10. วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ขณะที่วัตถุอยูบน จุดสูงสุด ขอใดตอไปนี้ถูกตอง 1. ความเร็วของวัตถุมีคาเปนศูนย 2. ความเรงของวัตถุมีคาเปนศูนย 3. ความเร็วของวัตถุในแนวดิ่งมีคาเปนศูนย 4. ความเร็วของวัตถุในแนวราบมีคาเปนศูนย 7.7. กราฟแสดงความสัมพันธระหวางความเร็วกับเวลาของ การเคลื่อนที่เปนดังรูป จงหาความเรงที่เวลา 3 วินาทีD 8.8. หากปลอยวัตถุตกอยางอิสระ ขอใดแสดงความสัมพันธ ระหวางความเรงตอเวลาไดถูกตองE 9.9. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับคาบของลูกตุม 1. ไมขึ้นกับความยาวเชือกA 10.10. วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ขณะที่วัตถุอยูบน จุดสูงสุด ขอใดตอไปนี้ถูกตองB 11. ผูกวัตถุดวยเชือกแลวเหวี่ยงใหเคลื่อนที่เปนวงกลมในแนวดิ่ง ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มาถึงตําแหนงสูงสุดของวงกลม แรงชนิดใดตอไปนี้ที่ทําหนาที่เปนแรงสูศูนยกลาง 1. แรงตึงเชือก 2. นํ้าหนักวัตถุ 3. แรงตึงเชือกกับนํ้าหนักวัตถุ 4. ตําแหนงนั้นแรงสูศูนยกลางเปนศูนย 12. การเคลื่อนที่แบบวงกลมและการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก อยางงายมีสวนเหมือนกันอยางไร 1. เปนการเคลื่อนที่แบบคาบ 2. เปนการเคลื่อนที่แบบ 1 มิติ 3. เสนทางการเคลื่อนที่เปนวิถีโคง 4. มีการกระจัดสูงสุดที่เรียกวาแอมพลิจูด 13. หลักการใดใชอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่โคงลงของวัตถุ ที่ถูกปาไปดานหนาโดยทํามุมใดๆ กับแนวระดับ 1. เปนไปตามเสนทางการเคลื่อนที่ 2. มีแรงโนมถวงกระทําตลอดการเคลื่อนที่ 3. วัตถุเคลื่อนที่เปนวิถีวงกลมตามวงโคจรของโลก 4. แรงตานในอากาศตานไมใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นไปเปน เสนตรง 14. การศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุมีประโยชนทางดาน วิศวกรรมอยางไร 1. ชวยออกแบบเสนทางการบิน 2. ชวยออกแบบพื้นถนนทางโคง 3. ชวยออกแบบเสนทางการเดินรถ 4. ชวยออกแบบเครื่องยนตกําลังสูง 15. ชายคนหนึ่งมีนํ้าหนัก 500 นิวตันที่ผิวโลก เขาจะมีมวล เทาใดบนดวงจันทร ซึ่งมีคาความเรงโนมถวง เปน 1 6 เทา ของโลก (กําหนดใหคาความโนมถวงของโลก = 10 m/s2 ) 1. 50 kg 2. 50 2 kg 3. 50 4 kg 4. 50 6 kg 11.11. ผูกวัตถุดวยเชือกแลวเหวี่ยงใหเคลื่อนที่เปนวงกลมในแนวดิ่ง ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มาถึงตําแหนงสูงสุดของวงกลมB 12.12. การเคลื่อนที่แบบวงกลมและการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก อยางงายมีสวนเหมือนกันอยางไรD 13.13. หลักการใดใชอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่โคงลงของวัตถุ ที่ถูกปาไปดานหนาโดยทํามุมใดๆ กับแนวระดับE 14.14. การศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุมีประโยชนทางดาน วิศวกรรมอยางไรF 15.15. ชายคนหนึ่งมีนํ้าหนัก 500 นิวตันที่ผิวโลก เขาจะมีมวล เทาใดบนดวงจันทร ซึ่งมีคาความเรงโนมถวง เปนB 0 1 2 3 4 5 6 25 20 15 10 5 เวลา (s) ความเร็ว (m/s) ความเรง (m/s2 ) เวลา (s) เวลา (s) ความเรง (m/s2 ) เวลา (s) ความเรง (m/s2 ) เวลา (s) ความเรง (m/s2 ) (16)
  • 17.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 16. วัตถุ Aมีมวล m กิโลกรัม วางอยูนิ่งบนพื้น สวนวัตถุ B ซึ่งมีมวลเทากันกําลังตกลงสูพื้นโลก กําหนดใหทั้ง A และ B อยูในบริเวณที่ขนาดสนามโนมถวงของโลกเทากับ g นิวตัน/กิโลกรัม และไมมีแรงตานในอากาศ ขอใดไมถูกตอง 1. วัตถุทั้งสองมีนํ้าหนักเทากัน 2. วัตถุทั้งสองมีอัตราเรงในแนวดิ่งเทากันคือgเมตร/วินาที2 3. แรงโนมถวงของโลกที่กระทําตอวัตถุA มีขนาดเทากับ mg นิวตัน 4. แรงโนมถวงของโลกที่กระทําตอวัตถุB มีขนาดเทากับ mg นิวตัน 17. แรงในขอใดเปนแรงประเภทเดียวกันกับแรงที่ทําให ลูกแอปเปลตกลงสูพื้นโลก 1. แรงที่ทําใหอิเล็กตรอนอยูในอะตอมได 2. แรงที่ทําใหแผนแมเหล็กติดอยูบนตูเย็น 3. แรงที่ทําใหดวงจันทรอยูในวงโคจรรอบโลก 4. แรงที่ทําใหโปรตอนหลายอนุภาคอยูรวมกัน 18. ขอใดกลาวถึงการเคลื่อนที่ของประจุในสนามไฟฟาไดถูกตอง 1. ประจุบวกเคลื่อนที่ในทิศเดียวกับทิศของสนามไฟฟา 2. ถามีประจุไฟฟาอยูระหวางสนามไฟฟาสมํ่าเสมอ ประจุไฟฟาจะไมเคลื่อนที่ 3. ถาใหลําอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในทิศตั้งฉากกับสนาม- ไฟฟาสมํ่าเสมอ แรงไฟฟาจะทําใหแนวการเคลื่อนที่ ของอิเล็กตรอนตรงไปเหมือนแนวการเคลื่อนที่เดิม 4. สนามไฟฟามีทิศทางตรงขามกับทิศของแรงที่กระทํา ตอประจุบวก โดยสนามไฟฟามีทิศพุงออกจากประจุลบ เขาหาประจุบวกเสมอ 19. ขอใดไมใชประโยชนของการใชสนามไฟฟา 1. เครื่องปนอาหาร 2. เครื่องออสซิลโลสโคป 3. จอภาพเครื่องอัลตราซาวด 4. การกําจัดฝุนควันในโรงงานอุตสาหกรรม 20. จากรูป บริเวณใดที่สนามแมเหล็ก มีความหนาแนนมากที่สุด 1. A 2. B 3. C 4. D 16.16. วัตถุ A มีมวล m กิโลกรัม วางอยูนิ่งบนพื้น สวนวัตถุ B16. วัตถุ A มีมวล m กิโลกรัม วางอยูนิ่งบนพื้น สวนวัตถุ B16. ซึ่งมีมวลเทากันกําลังตกลงสูพื้นโลก กําหนดใหทั้ง A และB 17.17. แรงในขอใดเปนแรงประเภทเดียวกันกับแรงที่ทําให ลูกแอปเปลตกลงสูพื้นโลกD 18.18. ขอใดกลาวถึงการเคลื่อนที่ของประจุในสนามไฟฟาไดถูกตอง 1. ประจุบวกเคลื่อนที่ในทิศเดียวกับทิศของสนามไฟฟาA 19.19. ขอใดไมใชประโยชนของการใชสนามไฟฟา 1. เครื่องปนอาหารC 20.20. จากรูป บริเวณใดที่สนามแมเหล็ก A 21. จุดสะเทินในสนามแมเหล็ก หมายถึงอะไร 1. ตําแหนงที่มีสนามแมเหล็กผาน 2. ตําแหนงที่มีความเขมของสนามแมเหล็กมาก 3. ตําแหนงที่สนามแมเหล็กรวมกันและหักลางกัน จนเปนศูนย 4. ตําแหนงที่มีสนามไฟฟาอยางนอยที่สุดสองสนาม ซึ่ง สนามไฟฟาทั้งสองมีขนาดตางกัน แตมีทิศทางเดียวกัน 22. นิวตรอนที่เคลื่อนที่เขาไปในสนามแมเหล็กจะมีแนวโนม ของการเคลื่อนที่อยางไร 1. ไมมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ 2. เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับสนามแมเหล็ก 3. เคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแมเหล็กในทิศตามกฎมือขวา 4. เคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแมเหล็กในทิศตามกฎมือซาย 23. ขั้วเหนือ-ใตของสนามแมเหล็กโลกมีลักษณะการวางตัว อยางไร 1. ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกอยูบริเวณทิศเหนือ สวนขั้วแมเหล็กใตของโลกอยูบริเวณทิศใต 2. ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกอยูบริเวณทิศใต สวนขั้วแมเหล็กใตของโลกอยูบริเวณทิศเหนือ 3. ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกจะเปลี่ยนตําแหนงตามการ โคจรรอบดวงอาทิตย สวนขั้วแมเหล็กใตจะอยูบริเวณ ใกลดวงอาทิตย 4. ขั้วแมเหล็กใตของโลกจะเปลี่ยนตําแหนงตามการโคจร รอบดวงอาทิตย สวนขั้วแมเหล็กเหนือจะอยูบริเวณใกล ดวงอาทิตย 24. การแยกสิ่งที่เปนโลหะออกจากกองขยะ สามารถทําไดดวย วิธีการใด 1. ใชไฟฟาแรงสูง 2. ใชแมเหล็กแรงสูง 3. การกรองผานตะแกรง 4. ยังไมมีวิธีการที่เหมาะสม 25. ในการทดลองเพื่อหาความเปนประจุของอนุภาค A พบวา อนุภาคดังกลาวเบี่ยงเบนการเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก ขอใดตั้งสมมติฐานไดถูกตอง 1. อนุภาค A เปนสารแมเหล็ก 2. อนุภาค A เปนอนุภาคมีประจุ 3. อนุภาค A เปนอนุภาคที่มีความทะลุทะลวงสูง 4. อนุภาค A ถูกแรงโนมถวงกระทําใหเกิดการเบี่ยงเบน 21.21. จุดสะเทินในสนามแมเหล็ก หมายถึงอะไร 1. ตําแหนงที่มีสนามแมเหล็กผานA 22.22. นิวตรอนที่เคลื่อนที่เขาไปในสนามแมเหล็กจะมีแนวโนม ของการเคลื่อนที่อยางไรB 23.23. ขั้วเหนือ-ใตของสนามแมเหล็กโลกมีลักษณะการวางตัว อยางไรB 24.24. การแยกสิ่งที่เปนโลหะออกจากกองขยะ สามารถทําไดดวย วิธีการใดC 25.25. ในการทดลองเพื่อหาความเปนประจุของอนุภาค A พบวา25. ในการทดลองเพื่อหาความเปนประจุของอนุภาค A พบวา25. อนุภาคดังกลาวเบี่ยงเบนการเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็กEB A C D (17)
  • 18.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 26. ขอใดตอไปนี้เปนผลเนื่องจากแรงนิวเคลียร 1. อิเล็กตรอนถูกดึงดูดโดยนิวเคลียส 2.แรงที่ใชในการปลอยระเบิดนิวเคลียร 3. ทําใหโปรตอนและนิวตรอนอยูรวมกันในนิวเคลียส 4. กอใหเกิดสนามนิวเคลียรและสนามของแรงชนิดอื่นๆ 27. การศึกษาเรื่องสนามของแรง มีสวนชวยในดานตางๆ ยกเวน ขอใด 1. พัฒนาอุปกรณอิเล็กทรอนิกสที่ใชในชีวิตประจําวัน 2. การใชประโยชนจากสนามของแรงชนิดตางๆ อยาง เหมาะสม 3. ระมัดระวังตนเองจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่อง มาจากสนามของแรง 4. เขาใจถึงแหลงพลังงานจากสนามของแรง เพื่อนําไป พัฒนาเทคโนโลยีในการทําสงคราม 28. คลื่นกลตามยาวและคลื่นกลตามขวางถูกนิยามขึ้นโดย พิจารณาจากปจจัยใดเปนหลัก 1. ความยาวคลื่น 2. ประเภทของแหลงกําเนิด 3. ทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น 4. ทิศทางการสั่นของอนุภาคตัวกลาง 29. จากภาพ แอมพลิจูดของคลื่นมีขนาดเทาไร 1. 10 m 2. 20 m 3. 30 m 4. 40 m 30. เมื่อคลื่นตกกระทบกับผิวตัวกลางชนิดหนึ่งแลวคลื่นดังกลาว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็ว เหตุใดจึงเปนเชนนั้น 1. ผลจากการหักเห 2. ผลจากการสะทอน 3. ผลจากการเลี้ยวเบน 4. ผลจากการแทรกสอด 31. ลวดสปริงชนิดหนึ่งสั่นดวยคาบ 0.5 วินาที เคลื่อนที่ดวย ความเร็ว 0.02 เมตรตอวินาที จงหาความยาวของคลื่นใน ลวดสปริงนี้ 1. 0.01 เซนติเมตร 2. 1 เซนติเมตร 3. 10 เซนติเมตร 4. 10.5 เซนติเมตร 26.26. ขอใดตอไปนี้เปนผลเนื่องจากแรงนิวเคลียร 1. อิเล็กตรอนถูกดึงดูดโดยนิวเคลียสB 27.27. การศึกษาเรื่องสนามของแรง มีสวนชวยในดานตางๆ ยกเวน ขอใดE 28.28. คลื่นกลตามยาวและคลื่นกลตามขวางถูกนิยามขึ้นโดย พิจารณาจากปจจัยใดเปนหลักA 29.29. จากภาพ แอมพลิจูดของคลื่นมีขนาดเทาไร A 30.30. เมื่อคลื่นตกกระทบกับผิวตัวกลางชนิดหนึ่งแลวคลื่นดังกลาว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็ว เหตุใดจึงเปนเชนนั้นB 31.31. ลวดสปริงชนิดหนึ่งสั่นดวยคาบ 0.5 วินาที เคลื่อนที่ดวย ความเร็ว 0.02 เมตรตอวินาที จงหาความยาวของคลื่นในB 32. เมื่อทดลองเกี่ยวกับการหักเหของคลื่นนํ้าบนถาดคลื่นที่มี ความลึกของนํ้าในสองบริเวณไมเทากัน พบวาหนาคลื่น ทั้งสองมีระยะหางไมเทากัน ขอใดสรุปผลการทดลองได ถูกตอง 1. คลื่นเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงที่เมื่อเกิดการหักเห 2. ความถี่คลื่นไมมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดการหักเห 3. คลื่นเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วที่ลดลงเมื่อเกิดการหักเห 4. แอมพลิจูดของคลื่นเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเกิดการหักเห 33. ในการทดลองเพื่อสังเกตผลของสิ่งกีดขวางเมื่อคลื่น เคลื่อนที่ผาน เปนการศึกษาสมบัติของคลื่นตามขอใด 1. การหักเห 2. การเลี้ยวเบน 3. การสะทอน 4. การแทรกสอด 34. วัสดุที่ใชในการบุผนังโรงภาพยนตรมีผลในการลด ปรากฏการณใดของเสียง 1. การหักเห 2. ดอพเพลอร 3. การสั่นพอง 4. การสะทอน 35. นิยมใชคลื่นชนิดใดในการตรวจอวัยวะภายในรางกายมนุษย 1. คลื่นแสง 2. รังสีเอกซ 3. คลื่นเหนือเสียง 4. คลื่นอินฟราเรด 36. เพราะเหตุใดสายกีตารจึงมีขนาดที่แตกตางกัน 1. ใหความยาวคลื่นไมเทากัน 2. สะดวกในการจับและใชงาน 3. ใหความถี่ในการสั่นไมเทากัน 4. เพื่อความสวยงามของเครื่องดนตรี 37. การลาเหยื่อของคางคาวใชสมบัติใดของคลื่น 1. การหักเห 2. การสะทอน 3. การเลี้ยวเบน 4. การแทรกสอด 38. ขอใดกลาวไมถูกตอง 1. หากระดับความเขมเสียงมากกวาหรือเทากับ 120 เดซิเบล หูของมนุษยจะไมสามารถทนฟงได 2. องคการอนามัยโลก ไดกําหนดระดับของความเขมเสียง ที่ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกิน70 เดซิเบล 3. บริเวณใดมีระดับความเขมเสียงที่ทําใหหูและสภาพ จิตใจของผูฟงผิดปกติ ถือวาเสียงในบริเวณนั้นเปน มลภาวะของเสียง 4. โรงงานอุตสาหกรรมควรมีการควบคุมระดับความเขม ของเสียง เพราะเสียงที่มีความเขมมากเกินไปจะกอให เกิดมลภาวะทางเสียง 32.32. เมื่อทดลองเกี่ยวกับการหักเหของคลื่นนํ้าบนถาดคลื่นที่มี ความลึกของนํ้าในสองบริเวณไมเทากัน พบวาหนาคลื่นE 33.33. ในการทดลองเพื่อสังเกตผลของสิ่งกีดขวางเมื่อคลื่น เคลื่อนที่ผาน เปนการศึกษาสมบัติของคลื่นตามขอใดA 34.34. วัสดุที่ใชในการบุผนังโรงภาพยนตรมีผลในการลด ปรากฏการณใดของเสียงC 35.35. นิยมใชคลื่นชนิดใดในการตรวจอวัยวะภายในรางกายมนุษย 1. คลื่นแสง 2. รังสีเอกซC 36.36. เพราะเหตุใดสายกีตารจึงมีขนาดที่แตกตางกัน 1. ใหความยาวคลื่นไมเทากันD 37.37. การลาเหยื่อของคางคาวใชสมบัติใดของคลื่น 1. การหักเห 2. การสะทอนD 38.38. ขอใดกลาวไมถูกตอง 1. หากระดับความเขมเสียงมากกวาหรือเทากับ 120A การกระจัด (m) ระยะทาง (m)0 10 20 30 40 -30 30 (18)
  • 19.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 39. ขอใดไมใชคลื่นแมเหล็กไฟฟา 1. แสง2. คลื่นวิทยุ 3. รังสีแกมมา 4. คลื่นแผนดินไหว 40. คลื่นกลและคลื่นแมเหล็กไฟฟาแตกตางกันอยางไร 1. องคประกอบของคลื่นแตกตางกัน 2. ตัวกลางในการเคลื่อนที่แตกตางกัน 3. ความหลากหลายของชนิดของคลื่น 4. การสั่นของอนุภาคตัวกลางแตกตางกัน 41. ขอใดไมใชปฏิกิริยานิวเคลียร 1. ปฏิกิริยาลูกโซ 2. ปฏิกิริยาฟชชัน 3. ปฏิกิริยาฟวชัน 4. ปฏิกิริยาเทอรโมไดนามิกส 42. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน 1. เกิดขึ้นไดเองตามธรรมชาติ 2. เกิดการหลอมรวมกันของนิวเคลียส 3. ตองใชความรอนสูงมาก ซึ่งเรียกอีกอยางวา ปฏิกิริยา เทอรโมนิวเคลียร 4. เกิดจากการที่นิวเคลียสของธาตุหนักแตกตัวออกเปน ธาตุเบา 43. ปฏิกิริยานิวเคลียรใดถูกใชในการผลิตกระแสไฟฟาได ในปจจุบัน 1. ปฏิกิริยาฟชชัน 2. ปฏิกิริยาฟวชัน 3. ปฏิกิริยามอเดอรเรเตอร 4. ปฏิกิริยาดิฟฟวชัน 44. พลังงานนิวเคลียรถูกนําไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน หลายดาน ยกเวนขอใด 1. ใชในการผลิตกระแสไฟฟา 2. ใชในการขับเคลื่อนเรือเดินสมุทร 3. ใชผลิตอาวุธนิวเคลียรในการทําสงคราม 4. ชวยแกปญหาเชื้อเพลิงที่กําลังขาดแคลน 45. ขอใดกลาวถึงอนุภาคบีตาไดถูกตอง 1. เปนอิเล็กตรอนความเร็วสูง หรือเนกาตรอน 2. เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูงเชนเดียวกับ รังสีเอกซ 3. เปนอนุภาคเล็กๆ ในนิวเคลียสที่ยึดเหนี่ยวโปรตอน และนิวตรอน 4. เปนอนุภาคพลังงานสูงที่ปลดปลอยออกมา เนื่องจาก การสลายตัวของสารกัมมันตรังสี 39.39. ขอใดไมใชคลื่นแมเหล็กไฟฟา 1. แสง 2. คลื่นวิทยุA 40.40. คลื่นกลและคลื่นแมเหล็กไฟฟาแตกตางกันอยางไร 1. องคประกอบของคลื่นแตกตางกันD 41.41. ขอใดไมใชปฏิกิริยานิวเคลียร 1. ปฏิกิริยาลูกโซA 42.42. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน 1. เกิดขึ้นไดเองตามธรรมชาติA 43.43. ปฏิกิริยานิวเคลียรใดถูกใชในการผลิตกระแสไฟฟาได ในปจจุบันC 44.44. พลังงานนิวเคลียรถูกนําไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน หลายดาน ยกเวนขอใดE 45.45. ขอใดกลาวถึงอนุภาคบีตาไดถูกตอง 1. เปนอิเล็กตรอนความเร็วสูง หรือเนกาตรอนA 46. ขอใดกลาวถึงไอโซโทปไดถูกตอง 1. ธาตุที่มีจํานวนอิเล็กตรอนไมเทากับโปรตอน 2. ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนและนิวตรอนในนิวเคลียสเทากัน 3. ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนแตกตางกัน แตมีจํานวน นิวตรอนเทากัน 4. ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอน แตกตางกัน 47. ธาตุสองชนิดที่มีเลขมวลเทากัน แตมีจํานวนโปรตอน แตกตางกัน เรียกธาตุเหลานั้นวาอะไร 1. ไอโซโทป 2. ไอโซโทน 3. ไอโซบาร 4. ไอโซเมอร 48. ธาตุกัมมันตรังสี Co-60 ถูกนําไปใชประโยชนในดานใด 1. ผลิตรังสีแกมมา 2. ตรวจสอบการดูดซึมของปุย 3. ตรวจสอบอายุของวัตถุโบราณ 4. ตรวจสอบแหลงนํ้ามันและแกสธรรมชาติ 49. ธาตุไอโอดีนมีไอโซโทปตางๆ คือ 127 53 I 129 53 I และ 131 53 I ขอใดตอไปนี้ถูกตอง 1. แตละไอโซโทปมีจํานวนโปรตอนตางกัน 2. แตละไอโซโทปมีจํานวนนิวตรอนตางกัน 3. แตละไอโซโทปมีจํานวนอิเล็กตรอนตางกัน 4. แตละไอโซโทปมีจํานวนโปรตอนเทากับจํานวนนิวตรอน 50. การศึกษาที่เปรียบเทียบการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี กับการทอดลูกเตานั้น จํานวนลูกเตาที่มีอยูเทียบไดกับ ปริมาณใด 1. เวลาครึ่งชีวิต 2. จํานวนนิวเคลียสตั้งตน 3. จํานวนนิวเคลียสที่สลาย 4. จํานวนนิวเคลียสที่เหลืออยู 46.46. ขอใดกลาวถึงไอโซโทปไดถูกตอง 1. ธาตุที่มีจํานวนอิเล็กตรอนไมเทากับโปรตอนA 47.47. ธาตุสองชนิดที่มีเลขมวลเทากัน แตมีจํานวนโปรตอน แตกตางกัน เรียกธาตุเหลานั้นวาอะไรB 48.48. ธาตุกัมมันตรังสี Co-60 ถูกนําไปใชประโยชนในดานใด 1. ผลิตรังสีแกมมาC 49.49. ธาตุไอโอดีนมีไอโซโทปตางๆ คือ ขอใดตอไปนี้ถูกตองD 50.50. การศึกษาที่เปรียบเทียบการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี กับการทอดลูกเตานั้น จํานวนลูกเตาที่มีอยูเทียบไดกับE (19)
  • 20.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. การวิ่งรอบสนามครบ 1รอบ ระยะทางและการกระจัดในการวิ่งมีคาอยางไร .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 2. จงอธิบายถึงความเร็วในแนวระดับของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 3. ใหนักเรียนอธิบายลักษณะของสนามแมเหล็กที่ทําใหประจุ-q ที่เคลื่อนไปทางทิศขวามือบนระนาบกระดาษนั้นเคลื่อนที่โคงขึ้น .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 4. ใหนักเรียนเขียนภาพแสดงองคประกอบของคลื่น พรอมระบุองคประกอบตางๆ .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 5. ใหนักเรียนเขียนกราฟแสดงความสัมพันธของสารกัมมันตรังสีที่เกิดการสลายตัวดวยครึ่งชีวิต เมื่อสมมติใหปริมาณสารตั้งตน เปน N0 และครึ่งชีวิตคือ T1/2 .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................. 1.1. การวิ่งรอบสนามครบ 1 ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B 2. จงอธิบายถึงความเร็วในแนวระดับของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B 3.3. ใหนักเรียนอธิบายลักษณะของสนามแมเหล็กที่ทําใหประจุ ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................B 4.4. ใหนักเรียนเขียนภาพแสดงองคประกอบของคลื่น พรอมระบุองคประกอบตางๆ4. ใหนักเรียนเขียนภาพแสดงองคประกอบของคลื่น พรอมระบุองคประกอบตางๆ4. ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................A 5. ใหนักเรียนเขียนกราฟแสดงความสัมพันธของสารกัมมันตรังสีที่เกิดการสลายตัวดวยครึ่งชีวิต เมื่อสมมติใหปริมาณสารตั้งตน เปน NE ¤Ðá¹¹·Õèä´Œ ¤Ðá¹¹àµçÁ 10 ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จํานวน 5 ขอ ขอละ 2 คะแนน (20)
  • 21.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. ตอบ ขอ1. ปริมาณเวกเตอรเปนปริมาณที่ระบุทั้งขนาดและทิศทาง เชน การกระจัด ความเร็ว ความเรง แรง โมเมนต นํ้าหนัก เปนตน 2. ตอบ ขอ 2. ความเร็วเปนอัตราสวนของการกระจัดตอเวลาในการเคลื่อนที่ ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอรที่ระบุทั้งขนาดและ ทิศทาง 3. ตอบ ขอ 3. ระยะทางของการเคลื่อนที่ คือ ขนาดของเสนทางในการเคลื่อนที่ทั้งหมดจากบานไปยังโรงเรียน(15+30+ 25 เมตร) ดังนั้น ระยะทางจากบานไปยังโรงเรียน คือ 70 เมตร 4. ตอบ ขอ 2. เมื่อลากเสนตรงแทนการกระจัดจากบานไปยังโรงเรียน ดังรูป สามารถสมมติรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญได ตามภาพ จากนั้นจึงคํานวณโดยใชทฤษฎีพีทาโกรัส คือ การกระจัด s = A2 + B2 s = 402 + 302 เมตร s = 50 เมตร 5. ตอบ ขอ 2. ความเร็วตน u = 0 เมตร/วินาที ความเรง a = 2 เมตร/วินาที2 เวลา t = 5 วินาที ความเร็วปลาย v = ? ดังนั้น แทนคาลงในสูตรหาความเรง จากสูตร a = v - u t v = u + at = 0 + (2 × 5) = 10 เมตร/วินาที 6. ตอบ ขอ 1. หากปลอยวัตถุใหตกลงมาในแนวดิ่ง วัตถุจะมีความเรงเทากับความเรงโนมถวง ซึ่งความเรงโนมถวงนั้น เปนคาคงที่ คือ 9.8 m/s2 และไมเปลี่ยนแปลงตามเวลา แตจะเปลี่ยนตามระดับความสูงจากพื้นโลก 7. ตอบ ขอ 2. การเคลื่อนที่ของวัตถุจะเกิดความเรงเมื่อวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว อยางสมํ่าเสมอ ความเรงจะมีคาคงตัว ที่บริเวณ B ความเร็วมีการเปลี่ยนแปลงอยางสมํ่าเสมอ โดยความ เร็วคอยๆ ลดลง ความเรงจึงมีคาคงตัวเปนลบ ขณะที่บริเวณA ความเร็วไมมีการเปลี่ยนแปลง ความเรงจะ มีคาเปนศูนย สวนบริเวณ C และ D มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วแบบไมคงที่ ความเรงจึงมีคาไมคงตัว 8. ตอบ ขอ 4. วัตถุที่ตกอยางอิสระภายใตแรงโนมถวงของโลกจะเคลื่อนที่ลงดวยความเรงเทากัน จึงตกถึงพื้นพรอมกัน แตในความเปนจริงอาจมีแรงตานในอากาศทําหนาที่เปนแรงพยุง ทําใหวัตถุที่มีมวลนอยหรือมีพื้นที่ปะทะ กับลมมาก เคลื่อนที่ดวยความเรงที่ลดลงกวาปกติ ตอนที่ 1 40 เมตร 30 เมตร s ชุดที่ 1เฉลยแบบทดสอบ (21)
  • 22.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 9. ตอบ ขอ3. เมื่อเกิดการเคลื่อนที่แบบวงกลมดังที่โจทยกําหนด แรงที่กระทํากับจุกยางขณะเหวี่ยงจะเปนแรงสูศูนยกลาง ซึ่งแรงสูศูนยกลางจะมีทิศเขาหาจุดศูนยกลางวงกลมเสมอ 10. ตอบ ขอ 2. ลูกบอลที่ถูกขวางจากตึกสูงในแนวระดับจะเคลื่อนที่ตกสูพื้น เนื่องจากมีแรงโนมถวงมากระทําตอลูกบอล ในขณะเดียวกันก็มีความเร็วตนในแนวระดับหรือแนวขนานกับพื้นโลกดวย ทําใหลูกบอลโคงตกลงสูพื้น แบบโพรเจกไทล ซึ่งอัตราเร็วของลูกบอลในแนวระดับจะมีคาคงที่เทากับอัตราเร็วเริ่มตน แตอัตราเร็ว ในแนวดิ่งจะคอยๆ เพิ่มขึ้นดวยความเรง (g) ประมาณ 10 เมตร/วินาที2 11. ตอบ ขอ 2. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ในวิถีโคง เนื่องมาจากมีการเคลื่อนที่ทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง ซึ่งมีผลมาจากแรงโนมถวงของโลกกระทําตลอดการเคลื่อนที่ ทําใหวัตถุเคลื่อนที่โคง เชน การปาบอลไปขาง หนาจนกระทั่งบอลโคงตกถึงพื้น นํ้าที่ออกจากสายยางเปนแนวโคง เปนตน 12. ตอบ ขอ 4. การเคลื่อนที่ของนักกระโดดรมจะมีแรงตานในอากาศกระทําตอรม ทําใหความเรงลดลง นักกระโดดรมจึงตก สูพื้นอยางชาๆ ดวยความเร็วที่คอยๆ ลดลงอยางชาๆ 13. ตอบ ขอ 3. ดอกยางชวยเพิ่มแรงเสียดทานซึ่งเปนแรงเขาสูศูนยกลาง ทําใหรถยนตเคลื่อนที่ในทางโคงของวงกลมได 14. ตอบ ขอ 3. สนามของแรงที่มีทิศตั้งฉากกับพื้นโลก คือ สนามโนมถวง ซึ่งมีทิศเขาสูพื้นโลก ทําใหเกิดแรงโนมถวงดึงดูด วัตถุตางๆ ใหอยูบนพื้นโลก และเปนแรงดึงดูดระหวางมวลที่ทําใหดวงดาวตางๆ รักษาระยะหางของการโคจร ภายในระบบสุริยะ 15. ตอบ ขอ 2. สนามโนมถวงจะกอใหเกิดแรงดึงดูดระหวางมวลของโลกกับดาวเทียม ดังนั้น ในระดับความสูงหนึ่งที่ ดาวเทียมเคลื่อนที่ดวยความเร็วที่เหมาะสม ดาวเทียมนั้นจะสามารถอยูในวงโคจรของโลกได 16. ตอบ ขอ 4. อนุภาคที่มีการเคลื่อนที่อยูภายในลวดตัวนํา คือ อิเล็กตรอน ซึ่งมีประจุลบ โดยมีทิศทางสวนทางกับทิศของ กระแสไฟฟา เนื่องจากนิยมพิจารณากระแสไฟฟาวาเปรียบเสมือนเปนประจุบวกที่เคลื่อนที่ในลวดตัวนําโดยที่ ความเปนจริงแลว อนุภาคประจุบวกหรือโปรตอนจะไมเคลื่อนที่ 17. ตอบ ขอ 3. ประจุไฟฟาชนิดเดียวกันจะออกแรงผลักกันทําใหประจุหางกันเปนระยะหนึ่งเทานั้น แลวจะหยุดนิ่งเนื่องจาก แรงไฟฟาจะมีคานอยลงเรื่อยๆ เมื่อประจุมีระยะหางกันมากขึ้น 18. ตอบ ขอ 4. อิเล็กตรอนเปนอนุภาคที่มีประจุลบ ซึ่งจากที่ไดศึกษามาเกี่ยวกับการเบนของอนุภาคในสนามไฟฟา ประจุ บวกจะเคลื่อนที่ตามแนวสนามไฟฟา แตถาเปนประจุลบจะมีทิศทางการเคลื่อนที่ตรงกันขามกับประจุบวก คือ เคลื่อนที่สวนกับสนามไฟฟา 19. ตอบ ขอ 4. สนามแมเหล็กเกิดขึ้นรอบๆ แทงแมเหล็ก โดยมีทิศทางพุงออกจากขั้วแมเหล็กเหนือไปยังขั้วแมเหล็กใต ซึ่งบริเวณขั้วแมเหล็กทั้งสองจะมีความหนาแนนของสนามแมเหล็กมากกวาบริเวณอื่นๆ 20. ตอบ ขอ 3. วัตถุที่จะถูกกระทําเมื่ออยูในสนามแมเหล็กจะเปนวัตถุที่มีคุณสมบัติของสารแมเหล็ก ซึ่งแรงที่กระทําตอวัตถุ เนื่องจากสนามแมเหล็ก เรียกวา แรงแมเหล็ก โดยวัตถุที่เปนสารแมเหล็ก เชน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม เปนตน ในที่นี้กระดาษสีเงินไมใชสารแมเหล็กจึงไมถูกสนามแมเหล็กกระทํา 21. ตอบ ขอ 3. สนามแมเหล็กรอบๆ แมเหล็กจะมีทิศทางพุงออกจากขั้วเหนือ (N) ไปยังขั้วใต (S) เมื่อวางเข็มทิศบริเวณ กึ่งกลางตามภาพ แมเหล็กตางขั้วกันจะมีอํานาจดึงดูดกัน คือ ขั้วใตของเข็มทิศจะชี้ไปทางขั้วเหนือของ แทงแมเหล็ก และขั้วเหนือของเข็มทิศจะชี้ไปทางขั้วใตของแทงแมเหล็ก (22)
  • 23.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 22. ตอบ ขอ4. แมเหล็กชั่วคราว หมายถึง แทงแมเหล็กที่แสดงสมบัติเปนแมเหล็กในชวงระยะเวลาที่ตองการจะใหเปน แมเหล็กเทานั้น เชน แมเหล็กที่เกิดจากการเหนี่ยวนํากระแสไฟฟา แมเหล็กที่เกิดจากเหล็กที่ถูก เหนี่ยวนําดวยแทงแมเหล็ก เปนตน 23. ตอบ ขอ 3. ปจจัยที่มีผลตอการเกิดกระแสไฟฟาเหนี่ยวนํา ไดแก ความเขมของสนามแมเหล็ก ความเร็วในการเคลื่อนที่ ของขดลวดและแทงแมเหล็ก จํานวนรอบของขดลวด และพื้นที่ของขดลวด ซึ่งปริมาณการจายไฟไมใชปจจัย ในการผลิตกระแสไฟฟา 24. ตอบ ขอ 3. อนุภาคที่มีประจุไฟฟาบวกหรือลบเมื่อเคลื่อนที่ตั้งฉากผานสนามแมเหล็กจะเกิดแรงแมเหล็กกระทําตอ อนุภาค โดยแรงกระทําตออนุภาคบวกจะมีทิศตามกฎมือขวา และมีทิศตรงขามกับกฎมือขวาเมื่อเปน อนุภาคลบ จากภาพ การเคลื่อนที่ที่เปนไปตามกฎมือขวา คือ ภาพที่ 3 ซึ่งอนุภาคบวกเคลื่อนที่จาก ขวาไปซายตั้งฉากกับสนามแมเหล็กที่พุงออกจากระนาบของแผนกระดาษ โดยนิ้วทั้งสี่ของมือขวาแทน ทิศทางการเคลื่อนที่ของอนุภาคเมื่อกวาดนิ้วทั้งสี่ไปในทิศทางพุงออกของสนามแมเหล็กแลว นิ้วโปงจะชี้ขึ้น ซึ่งแทนทิศของแรงแมเหล็กที่กระทํา ทําใหอนุภาคเคลื่อนที่โคงขึ้น 25. ตอบ ขอ 1. นิวเคลียสของอะตอมจะประกอบไปดวยโปรตอนที่มีประจุบวก และนิวตรอนที่เปนกลางทางไฟฟา จึงทําให แรงไฟฟามีอิทธิพลนอยมากภายในนิวเคลียส และดวยมวลของโปรตอนและนิวตรอนที่มีนอยมาก ทําให แรงดึงดูดระหวางมวลไมมีผล เพราะฉะนั้นแรงที่ทําหนาที่ยึดโปรตอนกับนิวตรอนไวภายในนิวเคลียสก็คือ แรงนิวเคลียรเพียงอยางเดียว 26. ตอบ ขอ 3. โปรตอนเปนอนุภาคที่มีประจุทางไฟฟาเปนบวก ซึ่งอยูรวมกันกับนิวตรอนซึ่งเปนกลางทางไฟฟา โปรตอน สามารถอยูรวมกันภายในนิวเคลียสได เนื่องจากมีแรงนิวเคลียรดึงดูดใหอนุภาคอยูรวมกันโดยไมผลักกัน ทั้งที่มีประจุเดียวกัน อะตอมจึงคงความเปนอะตอมอยูได 27. ตอบ ขอ 4. คลื่นตามยาว คือ คลื่นที่อนุภาคของตัวกลางมีการสั่นในทิศทางเดียวกันหรือขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของ ตัวกลาง 28. ตอบ ขอ 2. ความถี่ คือ จํานวนลูกคลื่นที่เคลื่อนที่ผานจุดจุดหนึ่งในหนึ่งหนวยเวลา หรือจํานวนรอบของการสั่นตอเวลา โดยแปรผกผันกับคาบ ซึ่งเปนชวงเวลาที่คลื่นเคลื่อนที่ผานไปได 1 ลูกคลื่น หรือสั่นครบ 1 รอบ 29. ตอบ ขอ 3. คลื่นที่มีอากาศเปนตัวกลางในการเคลื่อนที่ เรียกวา คลื่นกล เชน คลื่นผิวนํ้า คลื่นในเสนเชือก เปนตน โดยสามารถแบงเปน 2 ประเภท ตามลักษณะการสั่นของอนุภาคตัวกลาง ไดแก คลื่นตามขวาง ซึ่งอนุภาคของตัวกลางสั่นในแนวตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น เชน คลื่นในเสนเชือก คลื่นนํ้า เปนตน และคลื่นตามยาว ซึ่งเปนคลื่นที่อนุภาคของตัวกลางสั่นในแนวขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น เชน คลื่นเสียง คลื่นจากการอัดสปริง เปนตน 30. ตอบ ขอ 4. จากสมบัติการหักเหของคลื่น อัตราเร็วของคลื่นที่เปลี่ยนแปลงไป จะทําใหความยาวของคลื่นเปลี่ยนแปลง ตามไปดวย แตความถี่ของคลื่นไมมีการเปลี่ยนแปลง ไมวาคลื่นจะเคลื่อนที่ผานจากบริเวณนํ้าตื้นไปยัง บริเวณนํ้าลึก หรือจากบริเวณนํ้าลึกไปยังบริเวณนํ้าตื้น 31. ตอบ ขอ 2. ความยาวคลื่นเปนระยะทางเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ ซึ่งวัดไดจากสันคลื่นหนึ่งไปยังอีกสันคลื่นหนึ่ง หรือทองคลื่นหนึ่งไปยังอีกทองคลื่นหนึ่ง (23)
  • 24.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 32. ตอบ ขอ1. คาบของคลื่น มีความสัมพันธเปนสวนกลับกันกับความถี่ของคลื่น จากที่กําหนดใหความถี่คลื่นมีคา 30 ครั้ง/1 นาที หรือ 0.5 Hz (30 ครั้ง/60 วินาที) สามารถหาคาบไดดังนี้ T = 1/f = 1/0.5 = 2 วินาที 33. ตอบ ขอ 2. อัตราเร็วของคลื่นเสียงในอากาศขึ้นอยูกับอุณหภูมิของอากาศ โดยจะแปรผันตามอุณหภูมิของอากาศ ซึ่งเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เสียงจะเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วที่เพิ่มขึ้น 34. ตอบ ขอ 4. การสอดแทรกทําใหเกิดการเสริมและหักลางของคลื่นเสียงเปนชวงๆ จึงเกิดเสียงดังและเบาสลับกัน เรียกวา บีตสของเสียง 35. ตอบ ขอ 2. เมื่อกดสายกีตารใหสั้นลง ความยาวคลื่นจะสั้นลง ทําใหความถี่เพิ่มขึ้น จึงเกิดเสียงแหลมสูง 36. ตอบ ขอ 3. การสะทอนของคลื่นถูกนําไปใชประโยชนหลายดาน ซึ่งดานธรณีวิทยาใชในการตรวจสอบชั้นหิน โดย ปลอยคลื่นไปเพื่อรับสัญญาณที่สะทอนกลับมา ซึ่งสามารถทําใหทราบลักษณะของชั้นหินตางๆ ได 37. ตอบ ขอ 2. องคการอนามัยโลก กําหนดระดับความเขมเสียงที่ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกิน 85 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน 8 ชั่วโมง ซึ่งถาระดับความเขมเสียงเกินกวาที่กําหนด จะเปนเสียงที่กอใหเกิด อันตรายตอหูและจิตใจของผูฟงได จึงถือวาเปนมลภาวะทางเสียง 38. ตอบ ขอ 2. เรียงลําดับคลื่นเหล็กไฟฟาตามความยาวคลื่นจากมากไปนอยได ดังนี้ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด แสง อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ รังสีแกมมา จากตัวเลือกทั้ง 4 คลื่นที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด คือ คลื่นแสง 39. ตอบ ขอ 4. รังสีอินฟราเรดหรือรังสีความรอน เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความยาวคลื่นมากกวาชวงที่ตามองเห็น นิยมใชในระบบควบคุมเครื่องใชไฟฟา เชน โทรทัศน เครื่องเลนดีวีดี เปนตน 40. ตอบ ขอ 3. คลื่นแมเหล็กไฟฟามีความสําคัญมากในปจจุบันทั้งดานการสื่อสารและเทคโนโลยีดานตางๆ อีกมากมาย ดวยจุดเดนที่สามารถใชประโยชนไดแตกตางกันตามยานความถี่และสามารถทํางานไดในระบบสุญญากาศ 41. ตอบ ขอ 4. รังสีแอลฟาและรังสีบีตามีประจุตางกัน ทําใหรังสีทั้งสองเบนในสนามแมเหล็กดวยทิศทางที่ตรงขามกัน และจะเบนเปนแนวโคงดวยรัศมีความโคงที่แตกตางกัน เนื่องมาจากมวลของอนุภาคทั้งสองไมเทากัน 42. ตอบ ขอ 3. ตนทุนที่เกิดจากมาตรการควบคุมดานความปลอดภัยของการผลิตไฟฟาดวยพลังงานนิวเคลียรนั้นสูงกวา การผลิตไฟฟาดวยแหลงพลังงานอื่น เพราะอันตรายที่จะเกิดขึ้นสงผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเปน อยางมาก จึงมีการลงทุนในเรื่องมาตรการการควบคุมความปลอดภัยสูงที่สุด 43. ตอบ ขอ 3. พลังงานนิวเคลียรเปนพลังงานที่ไมตองอาศัยแหลงพลังงานธรรมชาติ ทั้งยังสามารถใหพลังงานไดอยาง มหาศาล ซึ่งปจจุบันมีโรงไฟฟาพลังงานนิวเคลียรซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟาทดแทนการใชเชื้อเพลิง ในการผลิตไดเปนอยางดี แตทั้งนี้ตองอยูในการควบคุมดูแลที่รัดกุมและปลอดภัย 44. ตอบ ขอ 2. เมื่อรังสีเคลื่อนที่ผานอากาศจะมีการถายโอนพลังงาน ซึ่งทําใหอากาศเกิดการแตกตัวเปนไอออน โดยรังสี แอลฟาทําใหอากาศแตกตัวไดดีที่สุด จึงสูญเสียพลังงานไดรวดเร็วกวารังสีบีตา และรังสีแกมมา ตามลําดับ (24)
  • 25.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 45. ตอบ ขอ2. รังสีเนื่องจากสารกัมมันตรังสี ไดแก แอลฟา บีตา และแกมมา มีคุณสมบัติการทะลุทะลวงและสมบัติทาง ไฟฟาที่แตกตางกัน โดยแอลฟาจะมีอํานาจการทะลุทะลวงตํ่าสุด คือ ไมสามารถเคลื่อนที่ผานแผนกระดาษได และแอลฟายังมีประจุทางไฟฟาเปนบวก ในขณะที่บีตามีประจุทางไฟฟาเปนลบเชนเดียวกับอิเล็กตรอน สวนแกมมาเปนกลางทางไฟฟา ดวยสมบัติทางไฟฟานี้เมื่อแอลฟาและบีตาเคลื่อนที่ผานสนามไฟฟาหรือ สนามแมเหล็ก แนวการเคลื่อนที่จะเบี่ยงเบนไป สวนการเคลื่อนที่ของแกมมานั้นจะไมเกิดการเบี่ยงเบน 46. ตอบ ขอ 2. จากการคนพบของเบ็กเคอเรลทราบวารอยดํานั้นไมไดเกิดจากรังสีเอกซ เนื่องจากรังสีนั้นสามารถทําให อากาศแตกตัวไดดีกวารังสีเอกซ และเมื่อทําการทดสอบในสนามแมเหล็กพบการเบี่ยงเบน จึงทราบไดวา รังสีดังกลาวมีมวลและประจุ 47. ตอบ ขอ 4. การคํานวณอายุของสิ่งตางๆ ทําไดโดยอาศัยสมบัติการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี โดยวัดการสลายตัวที่ เกิดขึ้นเพื่อหาปริมาณสารที่หลงเหลือเทียบกับครึ่งชีวิตของสารนั้นๆ 48. ตอบ ขอ 2. ในการรักษามะเร็งตอมไทรอยดจะใชไอโซโทปของไอโอดีน-131 สวนไอโซโทปของไอโอดีน-132 ถูกใช เพื่อตรวจสอบการทํางานของตอมไทรอยด 49. ตอบ ขอ 4. จากตัวเลือกตางๆ ฮีเลียม คารบอน และไอโอดีน เปนไอโซโทปที่มีความเสถียรแลว ขณะที่โคบอลตที่มี เลขมวล 60 ไมมีความเสถียร จึงเกิดการสลายตัวแลวไดกัมมันตภาพรังสี 50. ตอบ ขอ 1. สารกัมมันตรังสีมีทั้งประโยชนและโทษควบคูกัน ซึ่งประโยชนของสารกัมมันตรังสีมีอยูหลายดาน เชน ดานการแพทย การเกษตร การถนอมอาหาร อุตสาหกรรม เปนตน (25)
  • 26.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. แนวตอบ จากแถบกระดาษสังเกตไดวาวัตถุมีความเร็วเพิ่มขึ้นแบบคงที่ ความเรงจึงมีคาคงที่และมีคาเปนบวก ซึ่งสามารถเขียนกราฟได ดังนี้ 2. แนวตอบ ความถี่ 40 เฮิรต หมายถึง ใบพัดสามารถหมุนได 40 รอบ ในเวลา 1 วินาที ดังนั้นในเวลา 1 นาที หรือ 60 วินาที ใบพัดจะสามารถหมุนได 2,400 รอบ และคาบการหมุนซึ่งเปนสวนกลับของความถี่ หาไดจาก T = 1 f = 1 40 = 0.025 วินาที ดังนั้น ใบพัดจะหมุนได 2,400 รอบ ดวยคาบ 0.025 วินาที 3. แนวตอบ การทํางานของมอเตอรอาศัยหลักการของแรงอันเนื่องมาจากสนามแมเหล็กที่กระทําตอประจุที่ไหลผาน ลวดตัวนํา ซึ่งสามารถพิจารณาไดจากกฎมือขวา โดยทิศทางการไหลของกระแสไฟฟาเปรียบไดกับการ เคลื่อนที่ของประจุบวก (ในความเปนจริงคือประจุลบเคลื่อนที่ภายในลวดตัวนํา) ที่ตัดผานสนามแมเหล็ก จึงเกิดแรงกระทําตอประจุภายในลวดตัวนํา ทําใหขดลวดหมุน ซึ่งสงผลใหมอเตอรทํางาน 4. แนวตอบ สนามแมเหล็กจะมีความหนาแนนมากบริเวณขั้วแมเหล็ก และมีความหนาแนนนอยที่สุดบริเวณกึ่งกลาง เนื่องจากไมมีอํานาจแมเหล็กหรือมีนอย และสนามแมเหล็กจะมีทิศพุงออกจากปลายขั้วแมเหล็กเหนือไป ยังขั้วแมเหล็กใต ดังรูป 5. แนวตอบ จากการสลายตัวครึ่งชีวิตของกัมมันตรังสี สลายตัวครั้งที่ 1 เวลา T1 2 สารคงเหลือ 200 มิลลิกรัม สลายตัวครั้งที่ 2 เวลา 2 T1 2 สารคงเหลือ 100 มิลลิกรัม สลายตัวครั้งที่ 3 เวลา 3 T1 2 สารคงเหลือ 50 มิลลิกรัม ดังนั้น ใชเวลาไปทั้งสิ้น 3 T1 2 หรือ3 × 25 นาที=75 นาที ไอโอดีน-128 จึงจะลดลงเหลือ50 มิลลิกรัม ตอนที่ 2 a 0 t N S (26)
  • 27.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. ตอบ ขอ2. การตกอยางอิสระเปนการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งที่วัตถุเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วตนเปนศูนย และมีความเรง g ซึ่งมีคาประมาณ 9.8 หรือ 10 m/s2 กลาวคือ วัตถุจะเคลื่อนที่ดวยความเร็วเพิ่มขึ้นวินาทีละ 10 m/s อันเนื่องจากถูกแรงโนมถวงกระทําตลอดการเคลื่อนที่ 2. ตอบ ขอ 2. เมื่อปาวัตถุขึ้นไปในแนวดิ่ง แรงโนมถวงของโลกจะกระทําใหวัตถุเคลื่อนที่ดวยความเรงคงตัว คือ ความเรง เนื่องจากแรงโนมถวงของโลก ซึ่งมีคาประมาณ 9.8 m/s2 ดังนั้นวัตถุที่ถูกปาขึ้นไปจะคอยๆ ลดความเร็วลง อยางคงที่ คือ ลดลง 9.8 m/s2 ทุก 1 วินาที 3. ตอบ ขอ 1. การกระจัดทั้งหมด s = 20 - 2 = 18 เมตร เวลาที่ใชทั้งหมด t = 5 นาที ดังนั้น ความเร็วเฉลี่ย v = s t = 18 15 = 3.6 m/s 4. ตอบ ขอ 2. ความเร็วตน u = 10 เมตร/วินาที ความเรง a = 5 เมตร/วินาที2 เวลา t = 20 นาที ความเร็วปลาย v = ? แทนคาลงในสูตรหาความเรง จากสูตร a = v - u t v = u + at = 10 + (5 × 20) = 110 เมตร/วินาที 5. ตอบ ขอ 4. ความเร็วที่แสดงบนมาตรวัดความเร็วของรถยนตจะบอกความเร็วขณะหนึ่งที่เวลาตางๆ ตามการเคลื่อนที่ ของรถ ณ ขณะนั้น 6. ตอบ ขอ 4. วัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวดิ่งจะเคลื่อนที่ดวยความเรงg หากตองการใหวัตถุเคลื่อนที่ขึ้นไดสูงมากที่สุดสามารถ ทําโดยการเพิ่มความเร็วตนในการเคลื่อนที่ เพราะเมื่อเคลื่อนที่ขึ้นไปเรื่อยวัตถุจะมีความเร็วลดลงจนเปน ศูนย แลวจึงตกกลับลงมา 7. ตอบ ขอ 3. การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง วัตถุจะเคลื่อนที่ลงอยางอิสระดวยความเรงg เสมอ ไมวาวัตถุนั้นจะมีมวลหรือขนาด แตกตางกันอยางไร ทั้งนี้ตองไมมีแรงภายนอกอื่นๆ ที่นอกเหนือจากแรงโนมถวงมากระทํา ในการทดลอง จึงตองระมัดระวังแรงตานในอากาศที่จะมีผลตอการเคลื่อนที่ 8. ตอบ ขอ 4. บนพื้นผิวของดวงจันทรจะมีคาแรงโนมถวงที่นอยกวาบนโลก ความเรงของวัตถุที่ตกอยางอิสระในแนวดิ่ง จึงมีคานอยกวาคา g เมื่อเทียบกับโลก ตอนที่ 1 ชุดที่ 2เฉลยแบบทดสอบ (27)
  • 28.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 9. ตอบ ขอ3. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่แบบ 2 มิติ ซึ่งมีปริมาณการเคลื่อนที่ทั้งในแนวระดับ (แนวราบ) และแนวดิ่ง โดยในแนวดิ่งจะมีแรงโนมถวงของโลกกระทําตอวัตถุ ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ดวย ความเรง g ตลอดการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ขณะที่ในแนวราบไมมีแรงภายนอกอื่นๆ มากระทํา ทําใหวัตถุ มีความเรงเปนศูนยหรือความเร็วมีคาคงที่ ทั้งนี้ตลอดการเคลื่อนที่นั้น การกระจัดของวัตถุทั้งแนวระดับและ แนวดิ่งจะเปลี่ยนแปลงตามเวลาเสมอ 10. ตอบ ขอ 1. การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายเปนการเคลื่อนที่แบบแกวงกวัดซํ้ารอยเดิม เชน การแกวงของลูกตุม การแกวงของชิงชา เปนตน 11. ตอบ ขอ 1. การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย วัตถุจะสั่นดวยการกระจัดเล็กๆ สมํ่าเสมอ ขอที่ไมใชการเคลื่อนที่แบบ ฮารมอนิกอยางงาย คือ ขอ 1. ซึ่งเปนการเคลื่อนที่แบบวงกลม 12. ตอบ ขอ 3. การเคลื่อนที่ของลูกตุมนาฬกาเปนการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย คือ เคลื่อนที่กลับไปกลับมาอยาง สมํ่าเสมอดวยคาบและความถี่ที่คงที่ ซึ่งการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายจะเกิดขึ้นเมื่อมีการแกวงกวัด ดวยการกระจัดเล็กๆ 13. ตอบ ขอ 4. ลูกธนูที่เคลื่อนที่ออกไปจะโคงลงแบบโพรเจกไทลเมื่อเคลื่อนที่ในระยะไกล เนื่องจากมีแรงโนมถวงกระทําตอ ลูกธนูตลอดการเคลื่อนที่ การยิงธนูจึงอาจเล็งใหตําแหนงที่ยิงเหนือเปาเล็กนอย ซึ่งเมื่อลูกธนูโคงลงก็จะตก ที่ตําแหนงเปาพอดี 14. ตอบ ขอ 2. สนามโนมถวงของโลกที่ระดับความสูงตางๆ จากผิวโลก จะมีคาแตกตางกัน ซึ่งยิ่งความสูงจากผิวโลกมาก สนามโนมถวงก็จะมีคานอยลง 15. ตอบ ขอ 1. จากสมการ w = mg ตองการหาสนามโนมถวง (g) โดยมวลของวัตถุจะมีคาคงที่ทุกสภาพโนมถวง g = w m = 16 10 = 1.6 m/s2 16. ตอบ ขอ 3. แรงที่กระทําใหใบไมรวงสูพื้น คือ แรงโนมถวงของโลก ซึ่งเปนแรงเดียวกับที่ทําใหดวงจันทรหรือดาวเทียม โคจรอยูรอบโลก เนื่องจากมีแรงดึงดูดระหวางกัน ขณะที่แรงจากแผนแมเหล็กเปนแรงแมเหล็ก แรงภายใน อะตอมที่กระทําตออิเล็กตรอนเปนแรงไฟฟาและแรงนิวเคลียร สวนแรงเนื่องจากสนามแมเหล็กที่กระทําตอ ขดลวดเปนแรงแมเหล็ก 17. ตอบ ขอ 4. เสนแรงไฟฟาแสดงถึงสนามไฟฟาจากประจุไฟฟา โดยจะพุงออกจากขั้วไฟฟาบวกไปขั้วไฟฟาลบเสมอ ซึ่งชวยบอกทิศทางของสนามไฟฟา สําหรับประจุที่เคลื่อนที่ภายในลวดตัวนํา จะมีสนามไฟฟาออกมาจาก ลวดตัวนําในทิศตั้งฉากกับผิวของตัวนํา 18. ตอบ ขอ 4. ในสนามแมเหล็กทิศพุงเขา เมื่อพิจารณาอนุภาคQ และR ดวยกฎมือขวา พบวาอนุภาคQ เปนประจุบวก และอนุภาค R เปนประจุลบ เมื่อใหอนุภาคทั้งสองอยูในสนามไฟฟาจะเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันขาม โดยอนุภาคที่มีประจุบวก (Q) จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันกับเสนสนามไฟฟา 19. ตอบ ขอ 1. กระแสไฟฟาเหนี่ยวนําเกิดขึ้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟาผานขดลวดตัวนํา ทําใหเกิด กระแสไฟฟาขึ้นในขดลวดตัวนํา จึงนําหลักการดังกลาวมาใชสรางเครื่องกําเนิดไฟฟาจากพลังงานกล ในการหมุน ที่เรียกวา ไดนาโม (28)
  • 29.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 20. ตอบ ขอ3. หลอดรังสีแคโทดเปนการสรางลําอิเล็กตรอนหรือรังสีแคโทดภายในหลอดแกว ซึ่งหากภายในหลอดแกวมี อากาศอยูมาก จะเกิดการชนกันของอนุภาคอิเล็กตรอนในอากาศ ทําใหไมสามารถวิเคราะหลําอิเล็กตรอน ไดอยางถูกตอง 21. ตอบ ขอ 1. สนามแมเหล็กมีอํานาจดึงดูดสารแมเหล็กและสงผลใหเกิดแรงแมเหล็กตอประจุไฟฟาที่กําลังเคลื่อนที่ แตหากเปนประจุไฟฟาที่อยูนิ่งจะไมเกิดแรงกระทําใดๆ ตอประจุ 22. ตอบ ขอ 1. เมื่อกระแสไฟฟาผานลวดตัวนําในทิศทาง I หากพิจารณาดวยกฎมือขวาสําหรับประจุบวกผานสนามแมเหล็ก จาก N ไป S แรงที่กระทําจะมีทิศชี้ลง 23. ตอบ ขอ 4. เสนแรงแมเหล็กจะพุงจากขั้วเหนือไปขั้วใตเสมอ จากภาพในโจทยจะเห็นวาเสนแรงแมเหล็กจะพุงจาก B ไป A และ C ไป D ทําใหทราบไดวา B และ C เปนขั้วเหนือ สวน A และ D เปนขั้วใต 24. ตอบ ขอ 4. แมเหล็กในมอเตอรจะทําใหเกิดสนามแมเหล็กขึ้น เมื่อจายกระแสไฟฟาเขาไปผานขดลวดตัวนํา ซึ่งเมื่อ ขดลวดตัวนําที่มีกระแสไฟฟาอยูในสนามแมเหล็ก จะเกิดแรงแมเหล็กที่ทําใหขดลวดตัวนําหมุน 25. ตอบ ขอ 3. แมเหล็กมีสมบัติความเปนคูขั้ว เมื่อแบงแทงแมเหล็กออกเปนสองสวน หนวยที่เรียกวา ไดโพล ซึ่งแสดง ความเปนขั้วจะมีการจัดเรียงตัว ทําใหเกิดขั้วแมเหล็กเปนสองขั้วเสมอ ดังภาพ 26. ตอบ ขอ 1. แรงนิวเคลียรตองเปนแรงดูดที่มีคามากกวาแรงผลักทางไฟฟา จึงทําใหนิวคลีออนรวมกันอยูได และเปน แรงที่เกิดภายในระยะทางที่สั้นมาก คือ ระหวางนิวคลีออนดวยกัน ซึ่งมีระยะทางประมาณ 10-15 เมตร หรือนอยกวา 27. ตอบ ขอ 4. แรงนิวเคลียรมีความสําคัญในการสรางพลังงานนิวเคลียร ซึ่งถือเปนแหลงพลังงานสําคัญที่มนุษยสามารถ นํามาใชประโยชนได เชน พลังงานไฟฟา เปนตน แตทั้งนี้หากนําพลังงานไปใชในทางที่ไมสรางสรรคก็อาจ เกิดโทษได 28. ตอบ ขอ 1. การหักเหเปนการที่คลื่นเคลื่อนที่ผานตัวกลาง ทําใหคลื่นเปลี่ยนความเร็วและความยาวคลื่น การสะทอน เปนการที่คลื่นกระทบพื้นผิวแลวเกิดการเปลี่ยนทิศทางกลับเขาสูทิศทางเดิม การเลี้ยวเบนเกิดขึ้นเมื่อคลื่น เคลื่อนที่ออมสิ่งกีดขวาง และการแทรกสอดเปนการรวมกันของคลื่นสองขบวนขึ้นไป 29. ตอบ ขอ 2. เมื่อเรียงลําดับคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากความยาวคลื่นมากไปนอยไดดังนี้ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด แสงอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ และรังสีแกมมา 30. ตอบ ขอ 1. คลื่นเปนการแผของพลังงาน ที่อาจมีตัวกลางหรือไมก็ได ซึ่งคลื่นที่เคลื่อนที่ผานตัวกลางจะเรียกวา คลื่นกล และคลื่นที่เคลื่อนที่โดยไมอาศัยตัวกลาง เรียกวา คลื่นแมเหล็กไฟฟา 31. ตอบ ขอ 1. การสังเกตปลาในนํ้า คลื่นแสงที่สะทอนเขาสูตาเราจะเคลื่อนที่ผานตัวกลางที่ตางชนิดกัน ทําใหคลื่นเกิด การหักเห เราจึงมองเห็นปลามีขนาดตางไปจากปกติ N S N S N S (29)
  • 30.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 32. ตอบ ขอ2. ระยะทาง (s) = 20 เมตร ความยาวคลื่น (λ) = 2 เมตร เวลา (t) = 10 วินาที หาความถี่จากสูตร v = fλ จะได f = v λ หาอัตราเร็วคลื่นจาก v = s t = 20 10 = 2 m/s หาความถี่ f = v λ = 2 2 = 1 Hz ดังนั้น ลูกบอลจะสั่นขึ้นลงดวยความถี่ 1 Hz 33. ตอบ ขอ 3. ความเขมเสียงเปนระดับพลังงานเสียงที่ตกกระทบตั้งฉากตอพื้นที่ในหนึ่งหนวยเวลา ซึ่งใชบอกความดังเบา ของเสียงที่ไดยิน โดยความเขมเสียงที่มนุษยไดยินจะอยูในชวง 1-10-12 วัตตตอตารางเมตร 34. ตอบ ขอ 3. เวลา 0.4 วินาที หมายถึง เวลาที่เสียงเดินทางไปถึงกนทะเลแลวสะทอนกลับขึ้นมายังเรือ ดังนั้นเวลา 0.4 วินาที จะไดเปนระยะทาง 2 เทาของกนทะเล จาก s = vt ถาเวลา = 0.4 วินาที จะไดระยะทางที่เสียงเดินทาง = 2s เมตร ดังนั้น 2s = 1500 m/s × 0.4 s s = 600 m 2 = 300 m ดังนั้น ทะเลบริเวณนี้ลึก 300 เมตร 35. ตอบ ขอ 2. เครื่องโซนารเปนอุปกรณหาปลาในทะเล โดยจะปลอยคลื่นเสียงลงไปในทะเลเพื่อรับคลื่นที่สะทอนกลับมา ซึ่งจะบอกตําแหนงหรือจํานวนของปลาใตนํ้าได 36. ตอบ ขอ 3. คลื่นสามารถเคลื่อนที่ไดเมื่อผานตัวกลางที่มีความหนาแนนมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคลื่นเสียงเคลื่อนที่ผานพื้นดิน จะสามารถฟงเสียงได เนื่องจากคลื่นเสียงเคลื่อนที่มาไดเร็วกวาตัวกลางที่เปนอากาศ 37. ตอบ ขอ 2. ความเขมเสียงหรือระดับความดังของเสียงที่มากเกินไปจะสงผลตอการไดยินของมนุษย ซึ่งทําใหประสิทธิภาพ การไดยินลดลงได จึงควรควบคุม ปองกัน และแกไข 38. ตอบ ขอ 4. โดยทั่วไปคลื่นวิทยุซึ่งมีความถี่ตํ่าจะสะทอนกับไอออนในชั้นไอโอโนสเฟยร จึงทําใหไมสามารถทะลุผาน ชั้นบรรยากาศของโลกออกไปได ในการสงสัญญาณระยะไกลผานดาวเทียมจึงใชคลื่นไมโครเวฟที่สามารถ ทะลุผานชั้นบรรยากาศตางๆ โดยไมสะทอนกลับ เพื่อสงสัญญาณไปยังดาวเทียมได 39. ตอบ ขอ 2. ความยาวคลื่นแปรผกผันกันกับความถี่ของคลื่น กลาวคือ ยิ่งมีคาความถี่มาก ความยาวคลื่นก็จะยิ่งมีคานอย เมื่อเรียงลําดับคลื่นที่มีความยาวคลื่นจากมากไปนอยได ดังนี้ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด แสง อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ และรังสีแกมมา (30)
  • 31.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 40. ตอบ ขอ3. คลื่นที่สามารถทะลุแผนกระดาษไดตองเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีพลังงานสูง ไดแก รังสีแกมมา และ รังสีเอกซ ซึ่งมีความถี่สูง และความยาวคลื่นสั้น 41. ตอบ ขอ 4. ปฏิกิริยาฟชชันเปนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตอเนื่องเมื่อนิวเคลียสถูกยิงดวยนิวตรอน ผลของการถูกแบงจะมี นิวตรอนหลุดออกมาจากธาตุใหมไปกระทบธาตุอื่นๆ ปฏิกิริยาจึงเกิดอยางตอเนื่อง 42. ตอบ ขอ 2. ปฏิกิริยานิวเคลียรที่สามารถเกิดขึ้นบนโลกและควบคุมไดในปจจุบัน คือ ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน หรือ ปฏิกิริยาลูกโซ ซึ่งถูกนํามาใชในการสรางพลังงานไฟฟาในโรงงานไฟฟานิวเคลียร 43. ตอบ ขอ 1. ในการผลิตพลังงานนิวเคลียรของเครื่องปฏิกรณ อาศัยหลักการของปฏิกิริยาฟชชัน โดยการปลอยอนุภาค นิวตรอนออกจากตนกําเนิดนิวตรอน ซึ่งอนุภาคเหลานี้จะวิ่งไปชนกับอะตอมของเชื้อเพลิงนิวเคลียร (ปกติจะเปนยูเรเนียมที่มีความเขมขนสูง) เมื่อนิวตรอนชนกับอะตอมของยูเรเนียมจะทําใหอะตอม เหลานั้นแตกตัวออกจากกัน เกิดการปลดปลอยอนุภาคนิวตรอนออกมาอีก และนิวตรอนที่เกิดขึ้นก็จะ วิ่งไปชนกับอะตอมบริเวณใกลเคียง ทําใหเกิดการแตกตัวตอเนื่องกันไปเปนปฏิกิริยาลูกโซ ซึ่งจากปฏิกิริยา ดังกลาว ทําใหเกิดพลังงานนิวเคลียรขึ้นมา 44. ตอบ ขอ 3. รังสีแกมมาเปนอนุภาคที่ไมมีประจุ คือ มีความเปนกลางทางไฟฟา จึงไมเบี่ยงเบนเมื่อเคลื่อนที่ผาน สนามไฟฟาหรือสนามแมเหล็ก 45. ตอบ ขอ 4. เมื่อธาตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งเกิดการสลายตัว จะปลดปลอยรังสีตางๆ ไดแก แอลฟา (4 2He) บีตา ( 0 -1e) และแกมมา หากธาตุที่เกิดขึ้นหลังการสลายตัวมีเลขมวลและเลขอะตอมลดลง รังสีที่ปลดปลอยออกมานั้น จะตองมีเลขมวลและเลขอะตอมที่ทําใหสมการฝงขวาเทากับฝงซาย (กอนสลายตัวเทากับหลังสลายตัว) 46. ตอบ ขอ 3. ธาตุกัมมันตรังสีเปนธาตุที่แผรังสีออกมาไดเอง เนื่องจากนิวเคลียสของธาตุดังกลาวไมเสถียร จึงเกิด การสลายตัวเพื่อปลดปลอยพลังงานออกมาในรูปของรังสี ซึ่งการสลายตัวจะเกิดขึ้นตลอดเวลาจนกวา ธาตุกัมมันตรังสีจะเปลี่ยนแปลงเปนธาตุที่มีความเสถียร 47. ตอบ ขอ 2. จากสมการการสลายตัว 238 92U  234 90Th + X นั้น X จะตองมีเลขมวลและเลขอะตอมที่เมื่อรวมกับ ธาตุใหมที่ได คือ 234 90Th แลวทําใหผลรวมเทากันกับกอนเกิดการสลายตัว นั่นคือ X ตองมีเลขมวลเปน 4 และเลขอะตอมเปน 2 (จากเลขมวล 238 = 234 + 4 และ 92 = 90 + 2) ซึ่งอนุภาคที่มีเลขมวลเปน 4 และเลขอะตอมเปน 2 คือ นิวเคลียสของฮีเลียม หรืออนุภาคแอลฟา (4 2He) 48. ตอบ ขอ 4. แผนฟลมที่ใชในการวัดปริมาณรังสี เปนแผนฟลมลักษณะเดียวกับฟลมถายภาพ ซึ่งจะทําปฏิกิริยากับ แสงหรืออนุภาคที่มีพลังงาน โดยอุปกรณจะใชแผนฟลมบรรจุไวในกลองที่หอหุมไวไมใหโดนแสง เพื่อ หลีกเลี่ยงปฏิกิริยาที่จะเกิดกับแสง และใหไดรับผลจากกัมมันตภาพรังสีเทานั้น 49. ตอบ ขอ 4. จากสัญลักษณนิวเคลียร เลขดานลางจะระบุถึงเลขอะตอม ซึ่งหมายถึงจํานวนโปรตอนของธาตุนั้น สวนเลขดานบนจะระบุเลขมวล ซึ่งเปนผลรวมระหวางโปรตอนและนิวตรอน จึงทําใหทราบไดวา 127 53I มีโปรตอน 53 ตัว และนิวตรอน 74 ตัว (127-53) 50. ตอบ ขอ 2. สารกัมมันตรังสีจะมีการสลายตัวตามคาครึ่งชีวิต คือ ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่มีอยูเมื่อเวลาผานไปเทากับคา ครึ่งชีวิต ซึ่งลักษณะการสลายตัวจะลดลงแบบไฮเพอรโบลา (31)
  • 32.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. แนวตอบ วัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวดิ่งโดยไมมีแรงอื่นๆมากระทํา จะเคลื่อนที่ดวยความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก เทากันเสมอ ซึ่งความเรงจะไมขึ้นกับมวลหรือความเร็วตนของวัตถุ วัตถุทั้งสองที่เคลื่อนที่ดวยความเร็วตน ตางกันจะมีความเรงเทากัน คือ -g ขณะที่เคลื่อนที่ขึ้น และมีความเรงเปน g ขณะที่เคลื่อนที่ลง 2. แนวตอบ เข็มทิศเปนอุปกรณในการหาทิศทางที่อาศัยหลักการทํางานของแมเหล็กอันเนื่องมาจากสนามแมเหล็ก โดยตัวเข็มทิศจะเปนแมเหล็กที่มีนํ้าหนักเบา สามารถหมุนไดอยางอิสระในแนวราบ และเนื่องจากโลก- ทําหนาที่คลายแมเหล็กขนาดใหญที่มีขั้วแมเหล็กใตอยูที่ขั้วโลกเหนือ และขั้วแมเหล็กเหนือที่อยูที่ขั้วโลก ใต สนามแมเหล็กจะพุงออกจากทิศใตไปยังทิศเหนือและเหนี่ยวนําใหเข็มทิศวางตัวในแนวเหนือใต ดังภาพ 3. แนวตอบ 4. แนวตอบ กราฟแสดงความสัมพันธ ระหวางการกระจัดในแนว y ของจุด P กับเวลา 5. แนวตอบ จากสัญลักษณนิวเคลียรของเรเดียม 226 88Ra และ เรดอน 222 86Rn เขียนสมการการสลายตัวได ดังนี้ 226 88Ra 222 86Rn + 4 2He + ϒ นั่นคือ นอกจากจะมีการปลดปลอยแกมมาแลว ยังมีการปลดปลอยรังสีแอลฟาออกมาดวย 1 อนุภาค ตอนที่ 2 y 0 t N S S N S N ขั้วเหน�อ ภูมิศาสตร ขั้วเหน�อ แมเหล็ก ขั้วใต ภูมิศาสตร ขั้วใต แมเหล็ก 12ํ 12ํ (32)
  • 33.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. ตอบ ขอ4. การกระจัดเปนปริมาณที่แสดงถึงตําแหนงที่เปลี่ยนไปของวัตถุ ซึ่งจะระบุทั้งขนาดและทิศทางของตําแหนง โดยทิศทางการเคลื่อนที่จะลากจากจุดเริ่มตนไปยังจุดสิ้นสุดของการเคลื่อนที่ 2. ตอบ ขอ 3. การกระจัด คือ ระยะที่วัดจากจุดเริ่มตนไปยังจุดสิ้นสุดของการเคลื่อนที่ จากโจทยมีการกระจัด ดังนี้ 1. มีการกระจัด เทากับ 3 × 4 = 12 เมตร 2. มีการกระจัด เทากับ 4 × 3 = 12 เมตร 3. มีการกระจัด เทากับ 10 - 2 = 8 เมตร 3. ตอบ ขอ 1. รถยนตแลนไปไดระยะทาง s = 1 กิโลเมตร หรือ 1,000 เมตร จากสมการ v = s t หรือ t = s v จะได t = 1,000 เมตร 20 เมตรตอวินาที = 50 วินาที ดังนั้น เมื่อรถยนตคันนี้แลนไปได 1 กิโลเมตร จะใชเวลา 50 วินาที 4. ตอบ ขอ 1. เมื่อกอนหินกอนหนึ่งจมอยูที่กนบอจะไมมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว ความเรงจึงมีคาเปนศูนย ซึ่งการ เคลื่อนที่อื่นๆ มีการเปลี่ยนแปลงของความเร็วตลอดเวลา จึงเกิดความเรง 5. ตอบ ขอ 3. คํานวณหาอัตราเร็วที่วินาทีที่ 10 จาก v = u + at = 0 + (3 m/s2 )(10 s) = 30 m/s 6. ตอบ ขอ 3. ความเรง เปนอัตราสวนของความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหนวยเวลา โดยวัตถุที่มีการเปลี่ยนแปลงของ ความเร็วยอมเกิดความเรงขึ้น เมื่อมานะพยายามหยุดรถที่กําลังแลน กลาวคือ มีการลดความเร็วลงจน หยุดนิ่งหรือความเร็วเปนศูนย การเคลื่อนที่ดังกลาวจึงเกิดความเรง 7. ตอบ ขอ 2. จากกราฟ การเคลื่อนที่ดังกลาวมีความเร็วลดลงอยางสมํ่าเสมอ แสดงวาวัตถุเคลื่อนที่ดวยความเรงเปนลบ อยางคงที่ สามารถหาความเรงไดจากความเร็วที่เปลี่ยนไป ดังสมการ โดยกําหนดจุดที่ 1 ที่เวลา 0 วินาที และจุดที่ 2 ที่เวลา 5 วินาที a = v2 - v1 t2 - t1 = 5 m/s - 20 m/s 5 - 0 = -15 5 m/s2 = -3 m/s2 8. ตอบ ขอ 1. วัตถุที่ตกอยางอิสระจะเคลื่อนที่ภายใตความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลกดวยความเรงคงตัว จึงได กราฟเปนเสนตรงขนานกับแกน X ชุดที่ 3เฉลยแบบทดสอบ ตอนที่ 1 (33)
  • 34.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 9. ตอบ ขอ2. การเคลื่อนที่ของลูกตุม คาบของการแกวงจะขึ้นอยูกับความยาวเชือกและคาความเรงโนมถวงของโลก แตจะไมเกี่ยวของกับมวลของวัตถุ 10. ตอบ ขอ 3. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ภายใตแรงโนมถวง ซึ่งในแนวราบจะมีความเรงเปนศูนย เนื่องจากมีความเรงคงที่ และที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนที่ จะพิจารณาแนวเดียวกับการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง คือ ความเร็วในแนวดิ่งจะมีคาเปนศูนยที่ตําแหนงสูงสุด 11. ตอบ ขอ 3. แรงที่กระทํากับวัตถุขณะหมุนในแนวดิ่งจะมีทั้งแรงตึงเชือกและนํ้าหนักของวัตถุ แรงสูศูนยกลางจึงเปน ผลรวมของแรงตึงเชือกกับนํ้าหนักของวัตถุ 12. ตอบ ขอ 1. การเคลื่อนที่แบบวงกลมและการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายเปนการเคลื่อนที่แบบคาบ คือ วัตถุจะมี การเคลื่อนที่ครบรอบ 13. ตอบ ขอ 2. วัตถุที่ถูกปาขึ้นไปโดยทํามุมใดๆ กับแนวระดับจะคอยๆ เคลื่อนที่โคงลงแลวตกสูพื้นซึ่งเปนการเคลื่อนที่ แบบโพรเจกไทล โดยเกิดขึ้นเนื่องจากมีแรงโนมถวงกระทําตอวัตถุในแนวดิ่งตลอดการเคลื่อนที่ 14. ตอบ ขอ 2. การศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุมีประโยชนในการออกแบบผิวทางเพื่อรองรับการเคลื่อนที่บนถนนได เชน ความลาดเอียงหรือความเสียดทานของพื้นถนน เพื่อใหรถสามารถเขาโคงไดอยางปลอดภัย เปนตน 15. ตอบ ขอ 1. วิเคราะหคําตอบ ที่ผิวโลก w = mg w = mg 500 = m(10) m = 50 kg และเนื่องจากมวลมีคาคงที่เสมอ ดังนั้น มวลของชายคนนี้บนโลกและบนดวงจันทรจึงมีคาเทากัน 16. ตอบ ขอ 2. ภายใตสนามโนมถวงที่มีขนาดเทากัน คือ g แรงที่กระทําตอวัตถุมวล m จะมีขนาด w = mg ดังนั้น แรงที่ กระทําตอวัตถุทั้งสองหรือนํ้าหนักของวัตถุจึงมีขนาดเทากัน โดยวัตถุ B ที่กําลังตกจะมีความเรง เนื่องจาก แรงโนมถวง g ขณะที่วัตถุ A ที่วางนิ่งอยูจะมีความเรงเปนศูนย 17. ตอบ ขอ 3. แรงที่กระทําใหลูกแอปเปลตกลงสูพื้นโลก คือ แรงโนมถวงของโลก ซึ่งเปนแรงเดียวที่ทําใหดวงจันทรหรือ ดาวเทียมโคจรอยูรอบโลก เนื่องจากมีแรงดึงดูดระหวางกัน 18. ตอบ ขอ 1. เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาอยูในสนามไฟฟา จะถูกแรงกระทําเนื่องจากสนามไฟฟานั้น โดยอนุภาคที่มี ประจุบวก จะถูกแรงไฟฟากระทําในทิศทางเดียวกับสนามไฟฟา สวนอนุภาคที่มีประจุลบนั้น จะถูกแรงไฟฟา กระทําในทิศตรงขามกับสนามไฟฟา 19. ตอบ ขอ 1. เครื่องปนอาหารอาศัยหลักการทํางานของมอเตอรไฟฟาซึ่งเกิดการหมุนเมื่อมีการจายกระแสไฟฟาเขาไป ในขดลวดที่อยูในสนามแมเหล็ก ทําใหขดลวดเกิดการหมุน ซึ่งไมเกี่ยวของกับสนามไฟฟา 20. ตอบ ขอ 3. ความหนาแนนของสนามแมเหล็กสังเกตไดจากจํานวนเสนแรงแมเหล็ก ตอพื้นที่หนึ่งๆ จากภาพบริเวณ C เปนบริเวณที่มีความหนาแนนของ สนามแมเหล็กมากที่สุด เพราะมีจํานวนเสนแรงตอพื้นที่มากที่สุด B A C D (34)
  • 35.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 21. ตอบ ขอ3. จุดสะเทินเปนบริเวณหนึ่งในสนามแมเหล็กที่เกิดการรวมกันของสนามและหักลางกันจนเปนศูนย ทําใหไมมี สนามแมเหล็กไหลผานบริเวณดังกลาว ซึ่งหากนําเข็มทิศไปวางในจุดสะเทินเข็มทิศจะวางตัวไดอิสระ 22. ตอบ ขอ 1. นิวตรอนเปนอนุภาคชนิดหนึ่งในนิวเคลียส ซึ่งมีสมบัติเปนกลางทางไฟฟา เมื่อเคลื่อนที่เขาไปในสนาม- แมเหล็กโดยไมมีแรงกระทําอื่นๆ เขามารบกวน นิวตรอนจะไมมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ เพราะ แรงเนื่องจากสนามไฟฟาจะออกแรงกระทําตออนุภาคที่มีประจุทางไฟฟาบวกหรือลบเทานั้น 23. ตอบ ขอ 2. การวางตัวของสนามแมเหล็กโลก ขั้วแมเหล็กเหนือของโลกจะอยูบริเวณทิศใตและขั้วแมเหล็กใตของโลก จะอยูบริเวณทิศเหนือ 24. ตอบ ขอ 2. การแยกโลหะออกจากขยะที่มีปริมาณมาก นิยมใชแมเหล็กแรงสูงที่เปนแมเหล็กชั่วคราวดูดใหโลหะที่เปน สารแมเหล็กออกมาจากกองขยะ ซึ่งชวยประหยัดเวลาและอํานวยความสะดวกไดอยางมาก 25. ตอบ ขอ 2. อนุภาคทางไฟฟาจะเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็ก โดยการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่มีประจุจะเปลี่ยนทิศทางตาม กฎมือขวา ดังนั้นสามารถตั้งสมมติฐานไดวา อนุภาค A เปนอนุภาคที่มีประจุทางไฟฟา 26. ตอบ ขอ 3. แรงนิวเคลียร คือ แรงยึดเหนี่ยวระหวางโปรตอนกับนิวตรอนใหอยูดวยกันเปนนิวเคลียสในอะตอม 27. ตอบ ขอ 4. การศึกษาเรื่องสนามของแรงมีสวนชวยในดานตางๆ ยกเวนนําไปพัฒนาเทคโนโลยีดานสงคราม 28. ตอบ ขอ 4. คลื่นตามขวางและคลื่นตามยาวจะตางกันตรงที่ทิศทางการสั่นของคลื่นกับทิศทางการเคลื่อนที่ของอนุภาค ตัวกลาง โดยหากคลื่นสั่นในทิศตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของอนุภาคตัวกลาง จะเรียกวา คลื่นตามขวาง แตถาคลื่นสั่นในทิศเดียวกันหรือขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของอนุภาคตัวกลาง จะเรียกวา คลื่นตามยาว 29. ตอบ ขอ 3. แอมพลิจูด หมายถึง การกระจัดสูงสุดของคลื่น จากภาพแอมพลิจูดมีขนาด 30 เมตร ซึ่งอาจมีคาไดทั้ง 30 เมตร และ -30 เมตร ตามทิศทางของการกระจัด 30. ตอบ ขอ 1. คลื่นที่เคลื่อนที่ผานตัวกลางที่แตกตางกัน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็วและความยาวคลื่น ในขณะที่ ความถี่ของคลื่นยังมีคาคงที่ เรียกสมบัติดังกลาววา การหักเห 31. ตอบ ขอ 2. หาความยาวคลื่นจากความสัมพันธดังสมการ λ = v f = vT จะไดวา ความยาวคลื่น = (0.5 s)(0.02 m/s) = 0.01 เมตร หรือ 1 เซนติเมตร 32. ตอบ ขอ 2. เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผานตัวกลางที่แตกตางกัน คลื่นจะเคลื่อนที่ดวยความเร็วที่แตกตางกัน แตความถี่ของ คลื่นจะคงที่เสมอ จากความสัมพันธระหวางความถี่ ความยาวคลื่น และอัตราเร็ว เมื่อคลื่นหักเหจะพบวา ความยาวคลื่นจะเปลี่ยนแปลงตามไปดวย ระยะหางระหวางหนาคลื่นของสองบริเวณจึงไมเทากัน 33. ตอบ ขอ 2. การเลี้ยวเบนเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ปะทะสิ่งกีดขวางแลวเบนออมสิ่งกีดขวางนั้น 34. ตอบ ขอ 4. โรงภาพยนตรเปนหองโลงจึงเกิดเสียงสะทอน ซึ่งเสียงสะทอนนี้จะกอปญหาในการรับชมภาพยนตร จึงมีการ บุผนังและเกาอี้ของโรงภาพยนตรดวยวัสดุดูดซับเสียง เพื่อลดการสะทอนของเสียง 35. ตอบ ขอ 3. การตรวจอวัยวะภายในรางกายจะใชคลื่นที่มีความถี่เหนือเสียง เรียกวา คลื่นอัลตราซาวนด ซึ่งเมื่อ คลื่นตกกระทบเนื้อเยื่อชั้นตางๆ ก็จะสะทอนกลับมา แลวเครื่องจะแปลงสัญญาณใหเห็นเปนภาพ (35)
  • 36.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 36. ตอบ ขอ3. ความหนาที่แตกตางกันของสายกีตารแตละเสนมีผลตอความสามารถในการสั่น ทําใหสั่นดวยความถี่ที่ แตกตางกัน จึงสามารถสรางเสียงไดหลากหลายมากขึ้น 37. ตอบ ขอ 2. คางคาวเปนสัตวที่หากินในเวลากลางคืน โดยจะปลอยคลื่นเสียงในยานความถี่เหนือเสียง (มีความถี่สูงกวา ที่หูของเราจะสามารถไดยินได) ออกมา ซึ่งเมื่อคลื่นกระทบสิ่งกีดขวางจะสะทอนกลับเขามายังหูของคางคาว 38. ตอบ ขอ 2. องคการอนามัยโลกไดกําหนดระดับความเขมเสียงที่ปลอดภัยตอหูและจิตใจของผูฟงไวไมเกิน 85 เดซิเบล และไดยินติดตอกันไมเกิน 8 ชั่วโมง ถาระดับความเขมเสียงเกินกวาที่กําหนด ถือวาเปนมลภาวะของเสียง 39. ตอบ ขอ 4. คลื่นแมเหล็กไฟฟาเปนคลื่นที่ไมตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ซึ่งในที่นี้คลื่นแผนดินไหวเปนคลื่นที่ สั่นสะเทือนผานตัวกลางคือพื้นโลก จึงไมจัดเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟา 40. ตอบ ขอ 2. คลื่นกลเปนคลื่นที่ตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ขณะที่คลื่นแมเหล็กไฟฟาไมจําเปนตองอาศัยตัวกลาง ในการเคลื่อนที่ 41. ตอบ ขอ 4. ปฏิกิริยานิวเคลียรเกิดจากการเปลี่ยนแปลงองคประกอบของนิวเคลียส แลวทําใหเกิดธาตุใหม โดยจะมีการ ปลดปลอยพลังงานออกมา ซึ่งแบงไดเปน 2 ชนิด คือ ปฏิกิริยาฟชชัน และปฏิกิริยาฟวชัน 42. ตอบ ขอ 4. ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน เปนปฏิกิริยาการแบงแยกนิวเคลียสโดยการยิงอนุภาคนิวตรอนไปยังนิวเคลียสของ ธาตุหนักจนเกิดการแยกออกเปน2 นิวเคลียสใหมที่มีมวลใกลเคียงกัน ซึ่งผลของปฏิกิริยาจะมีการปลดปลอย พลังงานออกมาก และปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นอยางตอเนื่องเปนทอดๆ จึงเรียกวา ปฏิกิริยาลูกโซ 43. ตอบ ขอ 1. ปฏิกิริยานิวเคลียรแบงเปน 2 ชนิด คือ ปฏิกิริยาฟชชัน เกิดจากการยิงนิวเคลียสดวยอนุภาคนิวตรอน จนเกิดพลังงานมหาศาล และปฏิกิริยาฟวชัน เกิดจากการรวมกันของอนุภาคและคายพลังงานออกมา เปนปฏิกิริยาที่เกิดบนดวงอาทิตย ซึ่งยังไมสามารถทําใหเกิดขึ้นไดบนโลก ปฏิกิริยาฟชชันจึงถูกนํามาใช ผลิตกระแสไฟฟา 44. ตอบ ขอ 4. พลังงานนิวเคลียรถูกนําไปใชประโยชนในหลายๆ ดาน ยกเวนการนําไปผลิตอาวุธนิวเคลียรในการทําสงคราม 45. ตอบ ขอ 1. รังสีบีตา หรืออนุภาคบีตา เปนอิเล็กตรอนที่มีความเร็วสูง มีประจุเปนลบ มีอํานาจทะลุทะลวงมากกวาแอลฟา แตนอยกวาแกมมา บางครั้งอาจเรียกรังสีชนิดนี้วา เนกาตรอน 46. ตอบ ขอ 4. ไอโซโทป หมายถึง ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอนแตกตางกัน 47. ตอบ ขอ 3. ไอโซโทป หมายถึง ธาตุที่มีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอนแตกตางกัน ไอโซโทน หมายถึง ธาตุที่มีจํานวนนิวตรอนเทากัน แตมีจํานวนโปรตอนแตกตางกัน และไอโซบาร หมายถึง ธาตุที่มีเลขมวล เทากัน แตมีจํานวนโปรตอนแตกตางกัน 48. ตอบ ขอ 1. Co-60 หรือ โคบอลต-60 เปนธาตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งที่สลายตัวใหรังสีแกมมา ถูกนํามาใชผลิตรังสี แกมมาเพื่อการรักษาทางการแพทย เชน การรักษาโรคมะเร็ง การทําลายเซลลมะเร็ง เปนตน 49. ตอบ ขอ 2. ไอโซโทปตางๆ ของธาตุจะมีจํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอนแตกตางกัน 50. ตอบ ขอ 4. การศึกษาการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี จํานวนลูกเตาที่คัดออกจะแทนจํานวนนิวเคลียสที่สลายไป ขณะที่จํานวนลูกเตาที่ยังคงเหลือจะแทนจํานวนนิวเคลียสที่เหลืออยู (36)
  • 37.
    โครงการบูรณาการแบบทดสอบ โครงการวัดและประเมินผลโครงการวัดและประเมินผล 1. แนวตอบ การวิ่งรอบสนามครบหนึ่งรอบระยะทางในการวิ่งจะมีคาเทากับขนาดความยาวของเสนทางในการวิ่งทั้งหมด ขณะที่การกระจัดจะมีคาเปนศูนย เนื่องจากไมมีการเปลี่ยนตําแหนงของผูวิ่งเมื่อวิ่งครบรอบ 2. แนวตอบ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ในแนวระดับและแนวดิ่งพรอมๆ กัน โดยในแนวดิ่งนั้นจะมี แรงโนมถวงกระทําตลอดการเคลื่อนที่ ขณะที่ในแนวระดับวัตถุจะไมมีแรงใดๆ มากระทํา เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ ดวยความเร็วตนคาหนึ่ง ความเร็วตนในแนวระดับจึงไมมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีคาคงที่ 3. แนวตอบ การที่ประจุ-q ที่เคลื่อนที่ไปทางขวามือบนระนาบกระดาษนั้นมีการเคลื่อนที่โคงขึ้น แสดงวามีแรงเนื่องจาก สนามแมเหล็กมากระทําตลอดเวลาในทิศชี้ขึ้น เนื่องจากเปนประจุลบจะใชกดมือซายในการพิจารณาทิศทาง ของแรงและสนามแมเหล็ก โดยใหนิ้วทั้งสี่ชี้ไปในทิศทางการเคลื่อนที่ของประจุ และนิ้วโปงชี้ขึ้นแทนทิศทาง ที่แรงกระทําตอประจุ เมื่อกํามือหรือรวบมือ ทิศทางของสนามแมเหล็กจะพุงออกจากกระดาษ ดังนั้น ลักษณะของสนามแมเหล็กจะมีทิศทางพุงออกจากระนาบกระดาษและตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่ของ ประจุลบ 4. แนวตอบ ภาพแสดงองคประกอบของคลื่น 5. แนวตอบ กราฟแสดงความสัมพันธของสารกัมมันตรังสีที่เกิดการสลายตัวดวยครึ่งชีวิต ตอนที่ 2 -q F ความยาวคลื่น สันคลื่น ทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น แอมพลิจูด ทองคลื่น ความยาวคลื่น ปริมาณสาร เวลา T1/2 2T1/2 3T1/2 4T1/2 1/2N0 1/4N0 1/8N0 (37)