่ ี ในผู
                        การชวยชวิ ้ ่
                                ต  ใหญ
        (Adult CardioPulmonary Resuscitation: CPR)
                                                                  ิ ์ุ
                                                              นพ.จรพงษ ศภเสาวภาคย์
                                                                    พญ.ปฏิ ุ
                                                                          มา พทธไพศาล

หวงโซ่       ีิ
 ่ ของการรอดชวต (Chain of Survival)




   1. เม่ ้
        ื ป่
        อพบผูวย(สงสัย)หัวใจหยุ ้ ้ วยแพทย์ พ “1669” ทั นที
                             ดเตน* แจงหน่  ชี
                                          ก้
                                           ู
                     *1. ผ้วยไม่ึ
                          ป่ ร้ ั ว 2. ไม่
                                สกต      หายใจ หรื        สม่                    ตอง
                                                                                  ้          ั
                                                 อ หายใจไม่ ำเสมอ (gasping) โดยไม่ ทำ “ตาด ูู ้ั มผส”
                                                                                           หฟง แกมส ั
                          ู     ู
   2.     ่
        เริ
          มกดหน้ ั นที
               าอกท ที    ่
                          สามารถทำได้
   3.   ชอกไฟฟา (defibrillation) ทันทีี้ ่ ้
          ็    ้                      ท่ อบงชี
                                       มี
                                        ข
   4.        ่ ีข
                ต  ้ ง (Advanced Cardiovascular Life Support)
        การชวยชวิ ั นสู
   5.   การดู ั งการชวยชวิ
            แลหล       ่ ี (Post­Cardiac Arrest Care)
                              ต

การช่ วตขั้ ้
    วยชี นพื
       ิ นฐาน (Basic Life Support: BLS)
      เร่้ ั นที ่ ้
        ิ          อพบผป่
        มตนทำท  เมื ู   วยสงสัยหัวใจหยุ ้
                                      ดเตน
และขอความชวยเหลอจากทมแพทย์ พแลว โดยมี
          ่    ื    ี    ก้
                          ช
                          ู ี ้       ขั้
                                        นตอน C­A­B
่
                                ิ
   1. C: Chest compression ­ เรมกดหน้    าอก 30 คร้
                                                  ั ง โดยให้ความสำคญกับ
                                                                      ั
         ○ กดลึ างน้
                  ก (อย่ อย 5 เซนติ  เมตร)
                   ว (อยางนอย 100 คร้
         ○ กดเร็ ่ ้                 ั ง/นาที)
         ○ ถอนมอจนสุื ด
                      อ ่
                    ต่ ื
         ○ กดให้ เนอง
         ○ หาม ชวยหายใจมากเกิ
              ้ ่                 นไป
                     ิ
   2. A: Airway ­ เปดทางเดิ            โลง ดวยการทำ การเชดหัว­เชยคาง (head tilt­chin lift)
                           นหายใจให้ ่ ้                    ิ
      หรื
        อยกกราม (jaw thrust)
   3. B: Breathing ­ ชวยหายใจ 2 ครั้ ้ ิ
                       ่            ง แลวเร่ มกดหน้  าอกในข้ ่
                                                             อ 1 ตอ
        ่ อัตราการกดหน้ ่
        ื ้
      เพอให               าอกตอการชวยหายใจ = 30:2
                                        ่
   4. ทำข้
         ั นตอน C­A­B ไปเร่ อย ๆ จนกวา เคร่ ็
                            ื           ่ ื อกไฟฟ้
                                            องช         า (defibrillator) มาถึ
                                                                             ง

     ื
AED คออะไร?
       AED (Automatic External Defibrillator) คื
                                               อ
   ่ ็
   องช       าท่
เครื อกไฟฟ้ ี ออกแบบให้ นคลื าห
               ถก          อา    ่ ้ ั วใจ และชวยช็
                            ่ นไฟฟ                 ่ อกไฟฟ้  าโดยอัตโนมัติ
                ู
     ใชไมจำเป็ ้ ี ้่ ั บคล่ ั วใจ
โดยผ้ ้ ่ นตองมความรเกี          ื
     ู                   ูยวก    นห
             เป้       ่ ้ ่ ั วใจหยุ ้ ี
       AED มีาหมายเพื ผ้
                       อให ู
                           ปวยห       ดเตน มโอกาสรอดชวิีมากข้
                                                          ต    ึน
        ็     ้ ี ข้
                ่ ึ
จากการชอกไฟฟาทเรว ็ น โดยผ้่ ื
                           ชว           ่
                                        ี เหตุ
                           ู ยเหลอ ณ ทเกด                    ่ าหนาท่ ี
                                          ิ  (bystander) เชน เจ้ ้ ี พก้ช
                                                                        ู
  าหนาท่ก้ าหนาท่
เจ้ ้ ีั ย เจ้ ้ ี
         ภ               ง นอกจากน้
                   ดับเพลิ                        ี
                                   ใน guideline ป 2010 ยั งได้
                                   ี                         แนะนำให้ ้
                                                                     ใช AED
         ู
ในโรงพยาบาล ในพ้ ่ ่
                 นทท่
                 ื ี ชำนาญการ CPR และไม่
                     ี
                     ไม                       คุ ั บการอ่
                                               นเคยก
                                               ้           าน EKG

การช่ วตขั้ ง (Advanced Cardiovascular Life Support: ACLS)
    วยชี นส ู
       ิ
       ในส่ ิ ่่้เพมขนมาในการชวยชวิ ้ งน้
          วนเสรมทีิ ึ          ่ ีขันสูั น
                                  ต
  ็     ่
เปนการเพิ
        มโอกาสการรอดชวิ
                     ีของผ้
                      ต     ปวยใหมากขึ ก ซ่
                             ่ ้ ้ ี ึ
                                     นไปอ งจะประกอบไปด้
                                                      วย
                            ู
1. การปฏิ ิ
            บตตามแนวทางการชวยชวิ
             ั                 ่ ี และการให้
                                     ต         ยา
   2. การจัดการทางเดิ                   ข้ ู
                                         ั นส
                     นหายใจโดยใช้ กรณ์ ง (advanced airway management)
                                   อปุ
   3. การใช้ ่ ื ิ
               องม                ป่
            เครื อตดตามอาการผ้ ย (physiologic monitoring)
                                  ู ว
การชวยชวิ ้ ง จะแบ่
    ่ ีขันสู
        ต           งแนวทางการรักษาออกเป็ น 3 กรณี ้ ่
                                                   ไดแก
          ี จร (Pulseless Arrest) เป็
   1. ไม่ พ
        มช ี                            ี ั ญที
                                    นกรณสำค สด  ุ่
   2. มี จรเตนช้ าปกติ
       ชพี ้ ากว่  (Bradycardia with Pulse)
   3. มี จรเตนเร็ ่ ิ
       ชพี ้ วกวาปกต (Tachycardia with Pulse)

1. ภาวะหั วใจหยุ น (Pulseless Arrest)
               ดเต้
        ประกอบไปด้ ั้     ยงตามลำดับความสำคญ ดังน้
                 วยขนตอนเรี                 ั      ี
   1.     ่ นดวยการก้ี ั้ ้
        เริ้ ้
          มต        ชพขนพื
                    ู            ่ ประสิ ภาพ และ defibrillation ได้ างเหมาะสม
                          นฐานอยางมี ทธิ                          อย่
   2.        ิ นเลื
        การเปดเส้ อดดำและการให้
                              ยา
   3.   การใส่ กรณ์ ยหายใจ (advanced airway) และ การ monitor capnography
             อุ ชว
              ป     ่
   4.   การคนหาสาเหตุ ั กษาสาเหตุ ั วใจหยุ ้
            ้        และร         ของห        ดเตน

         วยชี ุ
            ิ ปวยห
                ่
วงรอบการช่ วต ผ้ ั วใจหยุ ้
                        ดเตน




1. การก้ ั้ ้
        ี นฐานอยางมี ิ ิ
       ชพขนพื
       ู        ่ ประสทธภาพ
                   ุ่
Chest compression ที ณภาพ
                   มี
                    ค
●    กดหน้ ึ ่ ้
             าอก ลก อยางนอย 5 เซนติ         ว อยางนอย 100 คร้
                                  เมตร และเร็ ่ ้           ั ง/นาที
    ●    ถอนมื ้ จากการกดหน้ กคร้
             อใหสดุ           าอกทุ ั ง
    ●    กดหน้     ต่ ่ สด
             าอกให้ เนองท่
                    อ ื ี  ุ
    ●    สลับผ้ ้ ุ
              ู าอกทก ๆ 2 นาที
              กดหน
    ●    อัตราส่
               วนในการกดหน้ ่
                          าอกตอการชวยหายใจก่ ท่ วยหายใจ = 30:2
                                   ่       อนใส่ ช่
                                                อ
    ●    ใช้
            capnography monitor ให้
                                   PETCO2 >=10 mmHg
    ●    ใช้
            diastolic intraarterial pressure >=20

    อกดวยไฟฟ้
การช็ ้     า (Defibrillation)

    ●                              ปรมาณไฟฟ้
         Biphasic defibrillation ใช้ ิ     าตามคำแนะนำของผ้ ิ
                                                          ผล
                                                          ู ต (120 ­ 200 J) ถ้ ่ ใจ
                                                                             าไมแน่
         ให้ ้
           ใชขนาดไฟฟาทมากทสด่ ่
                       ้ ี ี ในเครืุ    ่
                                        อง
    ●    Monophasic defibrillation ใช้
                                      360 J

2. เปิ
     ดหลอดเลื
            อดดำ และให้
                      ยา
                  วยยา 2 ตวหลัก คื
         ประกอบไปด้       ั      อ
    1.                        ุ         ถ้ ป่
         Epinephrine 1 mg IV ทก 3­5 นาที ้ ยยังไม่ั บมามี จร
                                         าผู  ว      กล        ี
                                                              ชพ
    2.   Amiodarone 300 mg IV bolus ในคร้ั งแรก และ คร้ ่
                                                      ั งท 2 150 mg IV bolus
                                                          ี
                 ่ ่ ้ ั วใจเป็
                ี ื
                 ี
         ในกรณทคลนไฟฟาห         นแบบ VF/VT ทดอต ้ อการชอกไฟฟ้
                                                ่ ่
                                                ีื         ็     า
                    ่        ่ ม ดภาคผนวก
                ี ี ั บยาเพิ ิ ู
         รายละเอยดเกยวก      มเต

                  นหายใจในการช่ วิ ้ ง
3. การจั ดการทางเดิ             วยช ีขันสู
                                    ต
         การจัดการทางเดนหายใจ มเปาหมายเพ่ ้ ่ ้
                       ิ       ี ้       ื ู ปวยไดรับออกซิ ้
                                         อใหผ้           เจนเขาไปในกระแสเลื
                                                                          อด
   ่ ี
   ื ้ วนต่
เพอไปเลยงส่ าง ๆ ของร่   างกายในระหว่           ีิ
                                     างทำการชวยชวต
                                             ่

 ธี
  ก             นหายใจขั้ ู
วิ ารจัดการทางเดิ       นสง
    1. การใช้ ้หนากากออกซิ  เจน แบบมี ์
                                     วาลว (bag­valve mask ventilation)
         ็ ิ ารจัดการทางเดิ
       เปน วธี  ก              นหายใจในชวงแรกของการชวยชวิ ี ี
                                          ่            ่ ี มข้ คื
                                                            ต อด อ
                   ่้ วยเหลื ้ ่
       สามารถเริ นช่ อไดอยางรวดเร็
                   มต                     ว ในระหว่ ี ่
                                                   างทรอการใส่ กรณ์ ยหายใจ
                                                              อปุ ชว   ่
            จำเป็้ ้
       แต่ นตองใชในสถานการณ์ ี ว      ่้ ยเหลื
                                     ที ู
                                      มผช่ อมากกว่    า 1 คน
                         ึ
       และตองการการฝกฝนการใช้
              ้                          ่ สามารถชวยหายใจได้ ่ ี ทธิ
                                         ื ้
                                  งาน เพอให          ่         อยางมประสิ ภาพ
       และอาจทำให้           วนเขาไปในทางเดิ
                      ลมบางส่ ้             นอาหาร
       เกิ
         ดการสำลักเศษอาหารกลับเข้   ามาในทางเดินหายใจได้
               ่                             ้ ้
       การ ชวยหายใจแบบ bag­valve mask นจะใชอัตราส่
                                              ี        วนของการกดหน้   าอก
       ต่อการชวยหายใจ (compression­ventilation ratio) 30:2 โดยการชวยหายใจ 1
                 ่                                                   ่
       คร้ั งจะใช้ลมประมาณ 600 ml บี ้
                                     บเขาในเวลาประมาณ 1 วิ ี
                                                           นาท
    2. การใส่ กรณ์ ยหายใจ
               อปุ ชว   ่
             a. Oropharyngeal airway และ Nasopharyngeal airway
                 เป็ ุ ์ ยเปิ
                    นอปกรณชว ดทางเดิ
                             ่         นหายใจ
                   ่
                 ที ระโยชนในกรณี
                   มี
                    ป      ์        ่ นหายใจส่
                                   ที ิ
                                    ทางเด         วนบนของผ้ ยถกอดก้
                                                            ป่ ู ุั นจากล้
                                                            ูว              ิ
                                                                            น
                 และเพดานปาก ทำให้ วยเหลื
                                   ผ้่ อสามารถชวยหายใจได้ ระสทธิ
                                     ช
                                     ู               ่          มี ิ ภาพมากข้
                                                                 ป              ึ
                                                                                น
             b. อุ ์วยหายใจขนสู
                   ปกรณ ช่         ั้ ง (advanced airways)
                 เป็ ุ ์ วยให้ วยหายใจมี ทธิ
                    นอปกรณที ่
                             ช่ การช่            ประสิ ภาพมากข้  ึ
                                                                 น
                      ้
                 และปองกันภาวะสำลักจากการเกิ ดเศษอาหารในกระเพาะอาหารไหลย้ ั บออกมา
                                                                           อนกล
แต่ การใส่ กรณ์ ยหายใจเหล่้้ ยเหลื ้ ี
                         อป
                          ุ ชว     ่            ี ่ อจะตองมทักษะความชำนาญ
                                             าน ผชว
                                                  ู
               และมักตองใช้
                        ้ เวลา ทำให้ิ  เกดการหยุดกดหน้ ้ ่ ้
                                                       าอกขึ อยครัง
                                                            นบ
                  ่
                  ึ งผลโดยตรงต่
               ซงส่             อโอกาสการรอดชวต  ีของผ้ ย
                                                 ิ        ่
                                                         ปว
                                                         ู
                  ชว
                  ู ยเหล ืึ
               ผ้่ อจงควรช         ่ำหน
                                 ั งน้ ั กระหว่      ี       ี
                                              างผลด และผลเสยของการใส่ กรณ์ ยหายใจ
                                                                     อุ ชว
                                                                      ป      ่
                      เป้
               โดยมีาหมายรบกวนต่      อการกดหน้       น้ ่
                                               าอกให้ ยที
                                                       อ สด  ุ
                ั     ั ปกรณจัดการทางเดิ
               ปจจบนอุ ์                  นหายใจข้ ง ท่
                                                  ั นสู ีแนะนำให้ ้     างการชวยชวิ
                                                                ใชในระหว่     ่ ี ต
                    ุ
               ได้ ่
                   แก
                    i. Laryngeal mask airway (LMA)
                    ii. Esophageal­Tracheal tube
                    iii. Endotracheal tube

        วยหายใจในการก้ ข้ ู
หลักการช่            ชี ั นสง
                     ูพ
         ออกซเจน 100% (FiO2 1.0) โดยการเปิ
   1. ใช้ ิ                              ด oxygen flow ความเร็ว 10­15 ลิ
                                                                       ตร/นาที ่
                                                                              และตอ
      reservoir bag
                ่      อนการใส่ ชวยหายใจ คื ั ดส่
   2. อัตราการชวยหายใจก่        ท่ ่
                                  อ          อ ส วนกดหน้ วยหายใจ = 30:2
                                                            าอก:ช่
   3. อัตราการชวยหายใจหลังการใส่ ชวยหายใจ คื
                ่               ท่ ่
                                 อ           อ 8­10 คร้
                                                      ั ง/นาที

ข้ ึ ึ
 อพงระลกสำหรับการจัดการทางเดิ
                            นหายใจ และการช่             างการช่ ี
                                          วยหายใจ ในระหว่     วยชวิ
                                                                  ต
        เนองจากปญหาของภาวะหัวใจหยดเตนในชวงแรก เป็ ่
           ่
           ื     ั
                                          ุ้      ่        นเรื          ่อดหยุ
                                                              องของการทีื ดไหลเวี
                                                                         เล         ยน
  ไม่มี
แต่ ได้  ปั ญหาของออกซิ     เจนในเลื ่
                                    อดพรอง
     ความสำคญกับการกดหน้ ึ ี
การให้         ั                                ั
                                 าอกจงมความสำคญมากกว่   า การจั ดการทางเดิ
                                                                         นหายใจ
         ่           ั งนั้
และการชวยหายใจ ด น ในชวงแรกของชวยชวต
                                ่          ่  ี จึ ่ ้
                                                ิ งไมควรใหการใส่ ชวยหายใจขัดขวาง
                                                                   ท่ ่
                                                                    อ
หรื
  อทำให้ การกดหน้ ้ าช้
                    าอกตองล่ าออกไป
        นอกจากน้    ภาวะหั วใจหยุ ้ ื
                   ี              ดเตน เลอดจะไหลเวียนมาท่ี
                                                         ปอดลดลง
     ั ดส่
ทำให้ วนความตองการของการแลกเปลยนก
    ส               ้                     ี ๊ ั บอากาศภายในปอดลดลงตามไปด้ ั งนั้
                                          ่ าซก                                วย ด น
การชวยหายใจในชวงระหว่
    ่               ่                      ึี
                             างการทำ CPR จงมอ       ่ าปกต การช่
                                              ั ตราที กว่ ิ วยหายใจที ิ
                                                    ต่ำ                      ่ นไป
                                                                             มากเก
จะทำให้ ั นในปอดสงข้ ื
        แรงด              ู ึ อดจะไหลเวี ั บมาที
                            น เล          ยนกล      ่
                                                    หัวใจลดลง
 งผลใหโอกาสการรอดชวิ
ส่ ้                      ีของผ้
                           ต      ป่
                                  ู วยลดลง

การ monitor capnography
      เพ่ั ดระดับ CO2 ท่
         ื
         อว              ี
                         ออกมากับลมหายใจผู้ วย ซ่
                                          ป่ ึ  งการ monitor capnography
มี
 ประโยชน์ ี
         ดังน้
   1. ชวยยืั นตำแหนงของท่ วยหายใจ
        ่ นย           ่    อช่
   2. บ่งบอก และควบคุ ุภาพของการกดหน้
                       มคณ                 าอก (PETCO2 >= 10 mmHg)
   3. สัญญาณบ่  งบอกถึ งการกลับมาเตนของหัวใจ (Return Of Spontaneous Circulation:
                                   ้
      ROSC) ระด  ั บของ PETCO2 ข้ งไปเป็
                                  ึ ู น 35­40 mmHg
                                  นส
            แลตอเนื
   4. การดู ่ องหล  ่ ั งจากการชวยชวต ควบคุ
                                 ่ ี ิ       มการหายใจ ให้ PETCO2 อยู ั บ 35­45
                                                                     ในระด
                                                                     ่
       mmHg

       นหาสาเหตุ ั วใจหยดเต้
5. การค้       ของห     ุ น และให้ ั กษาสาเหตุ
                                   การร
       การคนหาสาเหตุ ั วใจหยุ ้
           ้       ของห                 การร        ซ่
                             ดเตน และให้ ั กษาสาเหตุึงประกอบไปด้
                                                               วย 5H และ 5T
ดังน้
    ี
    ● 5Hs
          ○ Hypovolemia
          ○ Hypoxia
          ○ Hydrogen ion (acidosis)
○   Hypo/Hyperkalemia
       ○   Hypothermia
●   5Ts
       ○   Tension pneumothorax
       ○   Tamponade, cardiac
       ○   Toxins
       ○   Thrombosis, pulmonary
       ○   Thrombosis, coronary
แนวทางการรักษาภาวะหัวใจหยุ ้
                         ดเตน Pulseless Arrest algorithm
ีี
2. มชพจร เต้ ากว่ ิ
           นช้ าปกต (Bradycardia with Pulse)
       อัตราการเตนของหัวใจที ยกว่ ื ่ั บ 50 ครั้
                    ้               ่
                                    น้ าหรอเทาก
                                      อ                       ง/นาที
     ็
มักเปนสาเหตุ้ิ
           ใหเกดความผิ ิ       ดปกตของระบบไหลเวี    ยนโลหิ ้
                                                           ตขึน
และนำไปสภาวะระบบไหลเวี
          ่
          ู                     ยนโลหิ้
                                      ตลมเหลวได้ ู ้
                                                   การดแลผู   วยในกล่ ้ึ ีาหมายสำคญ
                                                             ป่      ุี ้
                                                                     มน จงมเป           ั
   ่ ผ้
   ื ้ วยเหลื
เพอให ูช่ อสามารถตรวจพบภาวะห               ั วใจเตนช้ ิ ิึ       ่
                                                  ้ าผดปกต ซงอาจนำไปสห     ่
                                                                           ูั วใจหยุ ้
                                                                                    ดเตน
     ่ นใหการร
     ิ้ ้ ั กษาได้ ่ ู้
และเรมต                                        ีั้
                              อยางถกตอง โดยมขนตอนด อไปนั งต่ ้   ี
    1. ดแล ABC
         ู
    2. คนหาภาวะ unstable ท่ ้
         ้                          ี
                                    ตองไดรับการรักษาอย่ ่่ ้ ่
                                     ้                    างเรงดวน ไดแก
           a. ความด        ั นโลหิ ่
                                  ตตำ
           b. ระด                สึ
                     ั บความร้ ั วเปลี
                                 ูกต     ่
                                         ยนแปลงเฉยบพลัน
                                                     ี
           c. อาการ และอาการแสดงของภาวะช็             อก
           d. เจ็ ้ ี กับกลามเนอห
                   บหนาอก ทเข้    ่าได้ ้ ้ ั วใจขาดเลื
                                                   ื           อด
           e. ห  ั วใจล้            ี ัน
                             มเหลวเฉยบพล
    3. ให้ ั กษาผ้
          การร           ป่
                         ู          ุ่
                             วยในกลมที
                                    ่  unstable ซึ ่
                                                   งประกอบไปด้   วย
           a. รักษาด้        วยยา
                       i. Atropine 0.5 mg IV ทก 3­5 นาที
                                                     ุ          (มากสด 3 mg)
                                                                     ุ
                                ็ ั วแรกที ิ
                              เปนยาต       ่ จารณา
                                           ควรพ
                       ii. Dopamine 2­10 microgram/kg/min IV drip ในกรณี          ่
                                                                                 ที
                                                                                   Atropine ไมได้
                                                                                              ่ผล
                              หรื
                                อ
                       iii. Adrenaline 2­10 microgram/min IV drip ในกรณี       ท่
                                                                                ี           ไดผล
                                                                                 Atropine ไม่้
           b. รั กษาด้                  ้ ้ ั วใจ (transcutaneous pacing)
                             วยการใช้ ากระตุ
                                     ไฟฟ        นห
           c. ปรึ ้ยวชาญ เพ่ ิ
                    กษาผเชี   ู ่        ื จารณาให้ ั กษาต่
                                         อพ            การร       อไป
ีี
3. มชพจร เต้ ็ ่ ิ
           นเรวกวาปกต (Tachycardia with Pulse)
        อัตราการเตนของหัวใจที
                    ้                มากกว่ ื ่ั บ 150 ครั้
                                     ่     าหรอเทาก          ง/นาที
     ็
มักเปนสาเหตุ้ิ
            ใหเกดความผิ ิ     ดปกตของระบบไหลเวี    ยนโลหิ ้
                                                         ตขึน
และนำไปสภาวะระบบไหลเวี
           ่
           ู                   ยนโลหิ้ตลมเหลวได้ นเดี ั บภาวะหัวใจเตนช้ ิ ิ
                                                  เช่ ยวก               ้ าผดปกต
  ั้
ขนตอนการดู ้ ห
            แลผู   ่ ี
                  ปวยท    ่ั วใจเตนเร็ ิ ิั งน้
                                  ้ วผดปกตมด   ี ี
     1. ดูแล ABC
     2. คนหาภาวะ unstable ที ้
         ้                          ่
                                    ตองไดรับการรักษาอย่ ่่ ้ ่
                                     ้                  างเรงดวน ไดแก
            a. ความดันโลหิ ่      ตตำ
            b. ระด               สึ
                     ั บความร้ ั วเปลี
                                 ูกต      ่
                                          ยนแปลงเฉยบพลัน
                                                    ี
            c. อาการ และอาการแสดงของภาวะช็           อก
            d. เจ็ ้ ่าได้ ้ ้ ั วใจขาดเลื
                    บหนาอก ที กับกลามเนอห
                                  เข้             ื          อด
            e. หัวใจล้     มเหลวเฉยบพลัน
                                    ี
     ● ให้ การรั กษาผ้   ู ่
                         ปวยในกลุ ี ่่
                                    มท unstable ซึ ่
                                                   งประกอบไปด้ วย
            a. รักษาด้     วยการใช้ ้ไฟฟา: Synchronized Cardioversion
                   ดปรมาณไฟฟ้ ่้ ั กษณะคล่ ้ ั วใจ
                 คิ ิ               าที ตามล
                                       ใช              ื าห
                                                       นไฟฟ
                       i. Narrow regular: 50­100J
                       ii. Narrow irregular: 120­200 J biphasic หรื  อ 200 J monophasic
                       iii. Wide regular: 100J
                       iv. Wide irregular: defibrillation
            b. ในกรณี ็      ท่น Narrow regular อาจพิ
                              ี
                              เป                       จารณาให้   adenosine
     ● ในกรณทผู   ่ วยไมมี
                  ี่ ่
                 ี้ ป           unstable signs ให้                 ป่
                                                   ทำการ monitor ผ้ ่ ่ ้ิ
                                                                   ู ออยางใกลชด
                                                                    วยต
        และพิจารณาให้      ยาลดอัตราการเตนของหัวใจ ตามลักษณะของ EKG (ดภาคผนวก)
                                            ้                                ู
     ● ปรึ ้ยวชาญ เพ่ ิ
           กษาผเชู่ ี             ื จารณาให้ ั กษาต่
                                  อพ          การร      อไป
การดแลหลังหัวใจหยดเต้
    ู            ุ น (Post Cardiac Arrest Care)
          เป         ่ ผ้ ยท่ ีจากภาวะหัวใจหยุ ้ ี ภาพชวิ ี
       มีาหมายเพื ้ ่ ี วิ
            ้        อให ู รอดช ต
                            ปว                            ดเตน มคุณ      ีท่
                                                                          ต ดี
               ี ี และความพิ ี ิ้
ลดอัตราการเสยชวิ  ต              การ ท่ ดขึ
                                      อาจเก นตามมา โดยมี     แนวทางในการดู ั กษาดังน้
                                                                          แลร         ี
    1. ให้         น้ ่ อร
             O2 ให้ ยที  เพื
                    อ สด   ุ    ่ั กษาระดับ O2 sat ให้ >= 94%
    2. ชวยหายใจด้ ั ตรา 10­12 ครัง/นาที
           ่         วยอ               ้       โดยให้ ั บ PETCO2 อยู วง 35­45 mmHg
                                                     ระด              ในช
                                                                      ่ ่
    3. รั กษาภาวะความดันโลหิ ่   ตตำ โดยให้  SBP >= 90 mmHg ด้           IV fluid หรื
                                                                 วยการให้           อยา
       vasopressor (Dopamine, Adrenaline, Norepinephrine)
    4. รักษาระดับน้ ำตาลในเลื ้ ่ วง 144­180 mg%
                                อด ใหอยในช่
                                        ู
    5. พิ  จารณาทำ Induced Hypothermia โดยลดอุหภมิงกายลงเหลื
                                                     ณ ู่   รา         อ 32­34 องศาเซลเซี ยส
           ็
       เปนเวลา 12­24 ช     ่
                         ั วโมง
    6. พิ  จารณาสวนเส้ ื ั วใจ เพื ิ
                       นเลอดห          ่ ดทางเดิ นเลื
                                       อเป        นเส้ อด coronary (coronary reperfusion)
       กรณี    ่ ั ยสาเหตุ
              ที
               สงส          หัวใจหยดเตนจากภาวะกล้ ้ ั วใจขาดเลื ยบพลัน
                                    ุ้                   ื
                                                    ามเนอห          อดเฉี




สรปแนวทางการช่ วิ ี
  ุ          วยช ี  ค.ศ.2010
                 ต ป
       ผ้วย ทหัวใจหยดเตนเฉยบพลันจำเป็ ้ ้
        ู ่
        ป่ ี        ุ้ ี            นตองไดรับการรักษาทันที
     ่้
     มต             ้้
การเริ นการชวยชวิ ั นพื             ่้
             ่ ีข นฐาน (C­A­B) ซึ นการกดหน้
                  ต                 งเน               างมประสิ ภาพ
                                                าอกอย่ ี ทธิ
และการช็    อกไฟฟ้ ่
                  าอยางรวดเร็
                            ว โดยใช้   defibrillator หรื      ่ ้
                                                       อ AED ที ตอง
                                                              ถู
                                                               ก
โดยมีาหมายเพื ่
        เป้       ่ ิั ตราการรอดชวิ
                  อเพมอ              ี ตามหลั กฐานทางวิ
                                       ต                           ที ยู ั ุ
                                                                    ่ ่
                                                          ทยาศาสตร์ ี ในปจจบน
                                                                    มอ      ั
                ่ ีข ต ้ งเป็             ่ ืุ ์
           การชวยชวิ ั นสู นการใช้ ื อ อปกรณ
                                     เครองม
                 ่   ่
และยาในการชวยเพมโอกาสการรอดชวิ
                     ิ                         ป่ อยางไรกตาม
                                      ีของผ้ ย แต่ ่ ็
                                       ต       ู ว
       ั้ ู
ตองตงอย่
 ้          บนการทำการชวยชวต
                         ่   ีขั้ ้
                             ิ นพื             างมประสิ ภาพ
                                     นฐานอย่ ี ทธิ
       ้ ั กษาสาเหตุ
รวมทังการร             ของภาวะหัวใจหยดเตนน้                    อเน่
                                          ุ ้ ั น การดแลรักษาต่ อง
                                                       ู          ื
หลังจากที   ่               ็ ั จจัยสำคญในการลดอัตราการเสยชวิ
            หัวใจกลับมาเตนเปนป
                         ้              ั                     ีี ต
และอ ั ตราความพิ ี ิ   ่ ดตามมา
                  การทจะเก
ภาคผนวก: ACLS checklist
Pulseless arrest, shockable rhythm
  ● CPR
  ● Defibrillation
  ● Epinephrine 1 mg IV/IO q 3­5 min
  ● Amiodarone 300 mg (5 mg/kg), followed by 150 mg         IV/IO VF/VT
    unresponsive to CPR, defibrillation
  ● Lidocaine      1­1.5 mg/kg followed by 0.5­0.75 mg/kg   IV/IO max 3 mg/kg
  ● MgSO4          1­2 g IV/IO torsades de pointes


Pulseless arrest, non­shockable rhythm
  ●   CPR
  ●   Epinephrine 1 mg IV/IO q 3­5 min
  ●   Vasopressin 40 u IV/IO replace 1st, 2nd dose of epinephrine


Unstable Bradyarrhythmia
  ●   Atropine      0.5 mg IV/IO q 3­5 min
  ●   Transcutaneous pacing
  ●   Dopamine      2­10 mcg/kg/min     IV drip
  ●   Epinephrine 2­10 mcg/min          IV drip
  ●   Isoproterenol 2­10 mcg/min        IV drip


Unstable Tachyarrhythmia
  ●   Synchronized cardioversion


Stable Tachyarrhythmia

Narrow complex
  ● Vagal maneuver
  ● Adenosine    6 mg, followed by 12 mg     IV/IO only regular
  ● Diltiazem    15­20 mg (0.25 mg/kg) in 2 min, add 20­25 mg (0.35 mg/kg) in 15 min,
    5­15 mg/h maintenance      IV/IO
  ● Verapamil    5­15 mg IV in 2 min, add 5­10 mg q 5­10 min       total dose 20­30
    mg
  ● Atenolol     5 mg IV in 5 min, repeat 5 mg IV in 10 min
  ● Esmolol      0.5 mg/kg in 1 min
● Metoprolol   5 mg in 1­2 min, repeat q 5 min   max 15 mg
  ● Propranolol 1 mg in 1 min total 0.1 mg/kg
  ● Procainamide 100 mg every 5 min or 20­50 mg/min
  ● Amiodarone 150 mg in 10 min, 1 mg/min for 6 h, 0.5 mg/min   total dose <2.2 g
    in 24 h
  ● Digoxin      8­12 mcg/kg in 5 min, 25% q 4­8 h

Wide complex
  ● Procainamide 100 mg every 5 min or 20­50 mg/min
  ● Amiodarone 150 mg in 10 min, 1 mg/min for 6 h, 0.5 mg/min total dose <2.2 g
    in 24 h
  ● Sotalol      1.5 mg/kg in 5 min
  ● Lidocaine    1­1.5 mg/kg followed by 0.5­0.75 mg/kg  IV/IO max 3 mg/kg
  ● MgSO4        1­2 g IV in 15 min
ืางอิ
หนังสออ้ ง
  ● 2010 American Heart Association Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and
    Emergency Cardiovascular Care Science, November 2, 2010, Volume 122, Issue 18
    suppl 3
      ปแนวทางปฏิ ิ วยชวิ ี
  ● สรุ         บตการช่ ี ปค.ศ.2010, คณะกรรมการมาตรฐานการชวยชวิ
                 ั         ต                                    ่ ี ต
    โดยสมาคมแพทย์ ั วใจในพระบรมราชปถัมภ์
                   โรคห              ู
  ● เวบไซต์ นธิ วยชวิ
           มล ิอนช่ ี ThaiCPR.com http://www.thaicpr.com/
            ู ส         ต

ACLS 2010

  • 1.
    ่ ี ในผู การชวยชวิ ้ ่ ต ใหญ (Adult CardioPulmonary Resuscitation: CPR) ิ ์ุ นพ.จรพงษ ศภเสาวภาคย์ พญ.ปฏิ ุ มา พทธไพศาล หวงโซ่ ีิ ่ ของการรอดชวต (Chain of Survival) 1. เม่ ้ ื ป่ อพบผูวย(สงสัย)หัวใจหยุ ้ ้ วยแพทย์ พ “1669” ทั นที ดเตน* แจงหน่ ชี ก้ ู *1. ผ้วยไม่ึ ป่ ร้ ั ว 2. ไม่ สกต หายใจ หรื สม่ ตอง ้ ั อ หายใจไม่ ำเสมอ (gasping) โดยไม่ ทำ “ตาด ูู ้ั มผส” หฟง แกมส ั ู ู 2. ่ เริ มกดหน้ ั นที าอกท ที ่ สามารถทำได้ 3. ชอกไฟฟา (defibrillation) ทันทีี้ ่ ้ ็ ้  ท่ อบงชี มี ข 4. ่ ีข ต ้ ง (Advanced Cardiovascular Life Support) การชวยชวิ ั นสู 5. การดู ั งการชวยชวิ แลหล ่ ี (Post­Cardiac Arrest Care) ต การช่ วตขั้ ้ วยชี นพื ิ นฐาน (Basic Life Support: BLS) เร่้ ั นที ่ ้ ิ อพบผป่ มตนทำท  เมื ู วยสงสัยหัวใจหยุ ้ ดเตน และขอความชวยเหลอจากทมแพทย์ พแลว โดยมี ่ ื ี ก้ ช ู ี ้ ขั้ นตอน C­A­B
  • 2.
    ิ 1. C: Chest compression ­ เรมกดหน้ าอก 30 คร้ ั ง โดยให้ความสำคญกับ ั ○ กดลึ างน้ ก (อย่ อย 5 เซนติ เมตร) ว (อยางนอย 100 คร้ ○ กดเร็ ่ ้ ั ง/นาที) ○ ถอนมอจนสุื ด อ ่ ต่ ื ○ กดให้ เนอง ○ หาม ชวยหายใจมากเกิ ้ ่ นไป ิ 2. A: Airway ­ เปดทางเดิ โลง ดวยการทำ การเชดหัว­เชยคาง (head tilt­chin lift) นหายใจให้ ่ ้ ิ หรื อยกกราม (jaw thrust) 3. B: Breathing ­ ชวยหายใจ 2 ครั้ ้ ิ ่ ง แลวเร่ มกดหน้ าอกในข้ ่ อ 1 ตอ ่ อัตราการกดหน้ ่ ื ้ เพอให าอกตอการชวยหายใจ = 30:2 ่ 4. ทำข้ ั นตอน C­A­B ไปเร่ อย ๆ จนกวา เคร่ ็ ื ่ ื อกไฟฟ้ องช า (defibrillator) มาถึ ง ื AED คออะไร? AED (Automatic External Defibrillator) คื อ ่ ็ องช าท่ เครื อกไฟฟ้ ี ออกแบบให้ นคลื าห ถก อา ่ ้ ั วใจ และชวยช็ ่ นไฟฟ ่ อกไฟฟ้ าโดยอัตโนมัติ ู ใชไมจำเป็ ้ ี ้่ ั บคล่ ั วใจ โดยผ้ ้ ่ นตองมความรเกี ื ู ูยวก นห เป้ ่ ้ ่ ั วใจหยุ ้ ี AED มีาหมายเพื ผ้ อให ู ปวยห ดเตน มโอกาสรอดชวิีมากข้ ต ึน ็ ้ ี ข้ ่ ึ จากการชอกไฟฟาทเรว ็ น โดยผ้่ ื ชว ่ ี เหตุ ู ยเหลอ ณ ทเกด ่ าหนาท่ ี ิ  (bystander) เชน เจ้ ้ ี พก้ช ู าหนาท่ก้ าหนาท่ เจ้ ้ ีั ย เจ้ ้ ี ภ ง นอกจากน้ ดับเพลิ ี ใน guideline ป 2010 ยั งได้ ี แนะนำให้ ้ ใช AED ู ในโรงพยาบาล ในพ้ ่ ่ นทท่ ื ี ชำนาญการ CPR และไม่ ี ไม คุ ั บการอ่ นเคยก ้ าน EKG การช่ วตขั้ ง (Advanced Cardiovascular Life Support: ACLS) วยชี นส ู ิ ในส่ ิ ่่้เพมขนมาในการชวยชวิ ้ งน้ วนเสรมทีิ ึ ่ ีขันสูั น ต ็ ่ เปนการเพิ มโอกาสการรอดชวิ ีของผ้ ต ปวยใหมากขึ ก ซ่ ่ ้ ้ ี ึ นไปอ งจะประกอบไปด้ วย ู
  • 3.
    1. การปฏิ ิ บตตามแนวทางการชวยชวิ ั ่ ี และการให้ ต ยา 2. การจัดการทางเดิ ข้ ู ั นส นหายใจโดยใช้ กรณ์ ง (advanced airway management) อปุ 3. การใช้ ่ ื ิ องม ป่ เครื อตดตามอาการผ้ ย (physiologic monitoring) ู ว การชวยชวิ ้ ง จะแบ่ ่ ีขันสู ต งแนวทางการรักษาออกเป็ น 3 กรณี ้ ่  ไดแก ี จร (Pulseless Arrest) เป็ 1. ไม่ พ มช ี ี ั ญที นกรณสำค สด ุ่ 2. มี จรเตนช้ าปกติ ชพี ้ ากว่  (Bradycardia with Pulse) 3. มี จรเตนเร็ ่ ิ ชพี ้ วกวาปกต (Tachycardia with Pulse) 1. ภาวะหั วใจหยุ น (Pulseless Arrest) ดเต้ ประกอบไปด้ ั้ ยงตามลำดับความสำคญ ดังน้ วยขนตอนเรี ั ี 1. ่ นดวยการก้ี ั้ ้ เริ้ ้ มต ชพขนพื ู ่ ประสิ ภาพ และ defibrillation ได้ างเหมาะสม นฐานอยางมี ทธิ อย่ 2. ิ นเลื การเปดเส้ อดดำและการให้ ยา 3. การใส่ กรณ์ ยหายใจ (advanced airway) และ การ monitor capnography อุ ชว ป ่ 4. การคนหาสาเหตุ ั กษาสาเหตุ ั วใจหยุ ้ ้  และร  ของห ดเตน วยชี ุ ิ ปวยห ่ วงรอบการช่ วต ผ้ ั วใจหยุ ้ ดเตน 1. การก้ ั้ ้ ี นฐานอยางมี ิ ิ ชพขนพื ู ่ ประสทธภาพ ุ่ Chest compression ที ณภาพ มี ค
  • 4.
    กดหน้ ึ ่ ้ าอก ลก อยางนอย 5 เซนติ ว อยางนอย 100 คร้ เมตร และเร็ ่ ้ ั ง/นาที ● ถอนมื ้ จากการกดหน้ กคร้ อใหสดุ าอกทุ ั ง ● กดหน้ ต่ ่ สด าอกให้ เนองท่ อ ื ี ุ ● สลับผ้ ้ ุ ู าอกทก ๆ 2 นาที กดหน ● อัตราส่ วนในการกดหน้ ่ าอกตอการชวยหายใจก่ ท่ วยหายใจ = 30:2 ่ อนใส่ ช่ อ ● ใช้  capnography monitor ให้  PETCO2 >=10 mmHg ● ใช้  diastolic intraarterial pressure >=20 อกดวยไฟฟ้ การช็ ้ า (Defibrillation) ● ปรมาณไฟฟ้ Biphasic defibrillation ใช้ ิ าตามคำแนะนำของผ้ ิ ผล ู ต (120 ­ 200 J) ถ้ ่ ใจ าไมแน่ ให้ ้ ใชขนาดไฟฟาทมากทสด่ ่ ้ ี ี ในเครืุ ่ อง ● Monophasic defibrillation ใช้  360 J 2. เปิ ดหลอดเลื อดดำ และให้ ยา วยยา 2 ตวหลัก คื ประกอบไปด้ ั อ 1. ุ  ถ้ ป่ Epinephrine 1 mg IV ทก 3­5 นาที ้ ยยังไม่ั บมามี จร าผู ว กล ี ชพ 2. Amiodarone 300 mg IV bolus ในคร้ั งแรก และ คร้ ่ ั งท 2 150 mg IV bolus ี ่ ่ ้ ั วใจเป็ ี ื ี ในกรณทคลนไฟฟาห นแบบ VF/VT ทดอต ้ อการชอกไฟฟ้ ่ ่ ีื ็ า ่ ่ ม ดภาคผนวก ี ี ั บยาเพิ ิ ู รายละเอยดเกยวก มเต นหายใจในการช่ วิ ้ ง 3. การจั ดการทางเดิ วยช ีขันสู ต การจัดการทางเดนหายใจ มเปาหมายเพ่ ้ ่ ้ ิ ี ้ ื ู ปวยไดรับออกซิ ้ อใหผ้ เจนเขาไปในกระแสเลื อด ่ ี ื ้ วนต่ เพอไปเลยงส่ าง ๆ ของร่ างกายในระหว่ ีิ างทำการชวยชวต ่ ธี ก นหายใจขั้ ู วิ ารจัดการทางเดิ นสง 1. การใช้ ้หนากากออกซิ เจน แบบมี ์ วาลว (bag­valve mask ventilation) ็ ิ ารจัดการทางเดิ เปน วธี ก นหายใจในชวงแรกของการชวยชวิ ี ี ่ ่ ี มข้ คื ต อด อ ่้ วยเหลื ้ ่ สามารถเริ นช่ อไดอยางรวดเร็ มต ว ในระหว่ ี ่ างทรอการใส่ กรณ์ ยหายใจ อปุ ชว ่ จำเป็้ ้ แต่ นตองใชในสถานการณ์ ี ว ่้ ยเหลื ที ู มผช่ อมากกว่ า 1 คน ึ และตองการการฝกฝนการใช้ ้ ่ สามารถชวยหายใจได้ ่ ี ทธิ ื ้ งาน เพอให ่ อยางมประสิ ภาพ และอาจทำให้ วนเขาไปในทางเดิ ลมบางส่ ้ นอาหาร เกิ ดการสำลักเศษอาหารกลับเข้ ามาในทางเดินหายใจได้ ่ ้ ้ การ ชวยหายใจแบบ bag­valve mask นจะใชอัตราส่ ี วนของการกดหน้ าอก ต่อการชวยหายใจ (compression­ventilation ratio) 30:2 โดยการชวยหายใจ 1 ่ ่ คร้ั งจะใช้ลมประมาณ 600 ml บี ้ บเขาในเวลาประมาณ 1 วิ ี นาท 2. การใส่ กรณ์ ยหายใจ อปุ ชว ่ a. Oropharyngeal airway และ Nasopharyngeal airway เป็ ุ ์ ยเปิ นอปกรณชว ดทางเดิ ่ นหายใจ ่ ที ระโยชนในกรณี มี ป ์ ่ นหายใจส่ ที ิ ทางเด วนบนของผ้ ยถกอดก้ ป่ ู ุั นจากล้ ูว ิ น และเพดานปาก ทำให้ วยเหลื ผ้่ อสามารถชวยหายใจได้ ระสทธิ ช ู ่ มี ิ ภาพมากข้ ป ึ น b. อุ ์วยหายใจขนสู ปกรณ ช่ ั้ ง (advanced airways) เป็ ุ ์ วยให้ วยหายใจมี ทธิ นอปกรณที ่ ช่ การช่ ประสิ ภาพมากข้ ึ น ้ และปองกันภาวะสำลักจากการเกิ ดเศษอาหารในกระเพาะอาหารไหลย้ ั บออกมา อนกล
  • 5.
    แต่ การใส่ กรณ์ยหายใจเหล่้้ ยเหลื ้ ี อป ุ ชว ่ ี ่ อจะตองมทักษะความชำนาญ าน ผชว ู และมักตองใช้ ้ เวลา ทำให้ิ เกดการหยุดกดหน้ ้ ่ ้ าอกขึ อยครัง นบ ่ ึ งผลโดยตรงต่ ซงส่ อโอกาสการรอดชวต ีของผ้ ย ิ ่ ปว ู ชว ู ยเหล ืึ ผ้่ อจงควรช ่ำหน ั งน้ ั กระหว่ ี ี างผลด และผลเสยของการใส่ กรณ์ ยหายใจ อุ ชว ป ่ เป้ โดยมีาหมายรบกวนต่ อการกดหน้ น้ ่ าอกให้ ยที อ สด ุ ั ั ปกรณจัดการทางเดิ ปจจบนอุ ์ นหายใจข้ ง ท่ ั นสู ีแนะนำให้ ้ างการชวยชวิ ใชในระหว่ ่ ี ต ุ ได้ ่ แก i. Laryngeal mask airway (LMA) ii. Esophageal­Tracheal tube iii. Endotracheal tube วยหายใจในการก้ ข้ ู หลักการช่ ชี ั นสง ูพ ออกซเจน 100% (FiO2 1.0) โดยการเปิ 1. ใช้ ิ ด oxygen flow ความเร็ว 10­15 ลิ ตร/นาที ่  และตอ reservoir bag ่ อนการใส่ ชวยหายใจ คื ั ดส่ 2. อัตราการชวยหายใจก่ ท่ ่ อ อ ส วนกดหน้ วยหายใจ = 30:2 าอก:ช่ 3. อัตราการชวยหายใจหลังการใส่ ชวยหายใจ คื ่ ท่ ่ อ อ 8­10 คร้ ั ง/นาที ข้ ึ ึ อพงระลกสำหรับการจัดการทางเดิ นหายใจ และการช่ างการช่ ี วยหายใจ ในระหว่ วยชวิ ต เนองจากปญหาของภาวะหัวใจหยดเตนในชวงแรก เป็ ่ ่ ื ั ุ้ ่ นเรื ่อดหยุ องของการทีื ดไหลเวี เล ยน ไม่มี แต่ ได้ ปั ญหาของออกซิ เจนในเลื ่ อดพรอง ความสำคญกับการกดหน้ ึ ี การให้ ั ั าอกจงมความสำคญมากกว่ า การจั ดการทางเดิ นหายใจ ่ ั งนั้ และการชวยหายใจ ด น ในชวงแรกของชวยชวต ่ ่ ี จึ ่ ้ ิ งไมควรใหการใส่ ชวยหายใจขัดขวาง ท่ ่ อ หรื อทำให้ การกดหน้ ้ าช้ าอกตองล่ าออกไป นอกจากน้  ภาวะหั วใจหยุ ้ ื ี ดเตน เลอดจะไหลเวียนมาท่ี ปอดลดลง ั ดส่ ทำให้ วนความตองการของการแลกเปลยนก ส ้ ี ๊ ั บอากาศภายในปอดลดลงตามไปด้ ั งนั้ ่ าซก วย ด น การชวยหายใจในชวงระหว่ ่ ่ ึี างการทำ CPR จงมอ ่ าปกต การช่ ั ตราที กว่ ิ วยหายใจที ิ ต่ำ ่ นไป มากเก จะทำให้ ั นในปอดสงข้ ื แรงด ู ึ อดจะไหลเวี ั บมาที น เล ยนกล ่ หัวใจลดลง งผลใหโอกาสการรอดชวิ ส่ ้ ีของผ้ ต ป่ ู วยลดลง การ monitor capnography เพ่ั ดระดับ CO2 ท่ ื อว ี ออกมากับลมหายใจผู้ วย ซ่ ป่ ึ งการ monitor capnography มี ประโยชน์ ี ดังน้ 1. ชวยยืั นตำแหนงของท่ วยหายใจ ่ นย ่ อช่ 2. บ่งบอก และควบคุ ุภาพของการกดหน้ มคณ าอก (PETCO2 >= 10 mmHg) 3. สัญญาณบ่ งบอกถึ งการกลับมาเตนของหัวใจ (Return Of Spontaneous Circulation: ้ ROSC) ระด ั บของ PETCO2 ข้ งไปเป็ ึ ู น 35­40 mmHg นส แลตอเนื 4. การดู ่ องหล ่ ั งจากการชวยชวต ควบคุ ่ ี ิ มการหายใจ ให้ PETCO2 อยู ั บ 35­45 ในระด ่ mmHg นหาสาเหตุ ั วใจหยดเต้ 5. การค้ ของห ุ น และให้ ั กษาสาเหตุ การร การคนหาสาเหตุ ั วใจหยุ ้ ้ ของห การร  ซ่ ดเตน และให้ ั กษาสาเหตุึงประกอบไปด้ วย 5H และ 5T ดังน้ ี ● 5Hs ○ Hypovolemia ○ Hypoxia ○ Hydrogen ion (acidosis)
  • 6.
    Hypo/Hyperkalemia ○ Hypothermia ● 5Ts ○ Tension pneumothorax ○ Tamponade, cardiac ○ Toxins ○ Thrombosis, pulmonary ○ Thrombosis, coronary
  • 7.
  • 9.
    ีี 2. มชพจร เต้ ากว่ ิ นช้ าปกต (Bradycardia with Pulse) อัตราการเตนของหัวใจที ยกว่ ื ่ั บ 50 ครั้ ้ ่ น้ าหรอเทาก อ ง/นาที ็ มักเปนสาเหตุ้ิ ใหเกดความผิ ิ ดปกตของระบบไหลเวี ยนโลหิ ้ ตขึน และนำไปสภาวะระบบไหลเวี ่ ู ยนโลหิ้ ตลมเหลวได้ ู ้  การดแลผู วยในกล่ ้ึ ีาหมายสำคญ ป่ ุี ้ มน จงมเป ั ่ ผ้ ื ้ วยเหลื เพอให ูช่ อสามารถตรวจพบภาวะห ั วใจเตนช้ ิ ิึ ่ ้ าผดปกต ซงอาจนำไปสห ่ ูั วใจหยุ ้ ดเตน ่ นใหการร ิ้ ้ ั กษาได้ ่ ู้ และเรมต ีั้ อยางถกตอง โดยมขนตอนด อไปนั งต่ ้ ี 1. ดแล ABC ู 2. คนหาภาวะ unstable ท่ ้ ้ ี ตองไดรับการรักษาอย่ ่่ ้ ่ ้ างเรงดวน ไดแก a. ความด ั นโลหิ ่ ตตำ b. ระด สึ ั บความร้ ั วเปลี ูกต ่ ยนแปลงเฉยบพลัน ี c. อาการ และอาการแสดงของภาวะช็ อก d. เจ็ ้ ี กับกลามเนอห บหนาอก ทเข้ ่าได้ ้ ้ ั วใจขาดเลื ื อด e. ห ั วใจล้ ี ัน มเหลวเฉยบพล 3. ให้ ั กษาผ้ การร ป่ ู ุ่ วยในกลมที ่  unstable ซึ ่ งประกอบไปด้ วย a. รักษาด้ วยยา i. Atropine 0.5 mg IV ทก 3­5 นาที ุ  (มากสด 3 mg) ุ ็ ั วแรกที ิ เปนยาต ่ จารณา ควรพ ii. Dopamine 2­10 microgram/kg/min IV drip ในกรณี ่ ที  Atropine ไมได้ ่ผล หรื อ iii. Adrenaline 2­10 microgram/min IV drip ในกรณี ท่ ี ไดผล  Atropine ไม่้ b. รั กษาด้ ้ ้ ั วใจ (transcutaneous pacing) วยการใช้ ากระตุ ไฟฟ นห c. ปรึ ้ยวชาญ เพ่ ิ กษาผเชี ู ่ ื จารณาให้ ั กษาต่ อพ การร อไป
  • 11.
    ีี 3. มชพจร เต้ ็ ่ิ นเรวกวาปกต (Tachycardia with Pulse) อัตราการเตนของหัวใจที ้ มากกว่ ื ่ั บ 150 ครั้ ่ าหรอเทาก ง/นาที ็ มักเปนสาเหตุ้ิ ใหเกดความผิ ิ ดปกตของระบบไหลเวี ยนโลหิ ้ ตขึน และนำไปสภาวะระบบไหลเวี ่ ู ยนโลหิ้ตลมเหลวได้ นเดี ั บภาวะหัวใจเตนช้ ิ ิ  เช่ ยวก ้ าผดปกต ั้ ขนตอนการดู ้ ห แลผู ่ ี ปวยท ่ั วใจเตนเร็ ิ ิั งน้ ้ วผดปกตมด ี ี 1. ดูแล ABC 2. คนหาภาวะ unstable ที ้ ้ ่ ตองไดรับการรักษาอย่ ่่ ้ ่ ้ างเรงดวน ไดแก a. ความดันโลหิ ่ ตตำ b. ระด สึ ั บความร้ ั วเปลี ูกต ่ ยนแปลงเฉยบพลัน ี c. อาการ และอาการแสดงของภาวะช็ อก d. เจ็ ้ ่าได้ ้ ้ ั วใจขาดเลื บหนาอก ที กับกลามเนอห เข้ ื อด e. หัวใจล้ มเหลวเฉยบพลัน ี ● ให้ การรั กษาผ้ ู ่ ปวยในกลุ ี ่่ มท unstable ซึ ่ งประกอบไปด้ วย a. รักษาด้ วยการใช้ ้ไฟฟา: Synchronized Cardioversion ดปรมาณไฟฟ้ ่้ ั กษณะคล่ ้ ั วใจ คิ ิ าที ตามล ใช ื าห นไฟฟ i. Narrow regular: 50­100J ii. Narrow irregular: 120­200 J biphasic หรื อ 200 J monophasic iii. Wide regular: 100J iv. Wide irregular: defibrillation b. ในกรณี ็ ท่น Narrow regular อาจพิ ี เป จารณาให้  adenosine ● ในกรณทผู ่ วยไมมี ี่ ่ ี้ ป  unstable signs ให้ ป่ ทำการ monitor ผ้ ่ ่ ้ิ ู ออยางใกลชด วยต และพิจารณาให้ ยาลดอัตราการเตนของหัวใจ ตามลักษณะของ EKG (ดภาคผนวก) ้ ู ● ปรึ ้ยวชาญ เพ่ ิ กษาผเชู่ ี ื จารณาให้ ั กษาต่ อพ การร อไป
  • 13.
    การดแลหลังหัวใจหยดเต้ ู ุ น (Post Cardiac Arrest Care) เป ่ ผ้ ยท่ ีจากภาวะหัวใจหยุ ้ ี ภาพชวิ ี มีาหมายเพื ้ ่ ี วิ ้ อให ู รอดช ต ปว ดเตน มคุณ ีท่ ต ดี ี ี และความพิ ี ิ้ ลดอัตราการเสยชวิ ต การ ท่ ดขึ อาจเก นตามมา โดยมี แนวทางในการดู ั กษาดังน้ แลร ี 1. ให้ น้ ่ อร  O2 ให้ ยที  เพื อ สด ุ ่ั กษาระดับ O2 sat ให้ >= 94% 2. ชวยหายใจด้ ั ตรา 10­12 ครัง/นาที ่ วยอ ้  โดยให้ ั บ PETCO2 อยู วง 35­45 mmHg ระด ในช ่ ่ 3. รั กษาภาวะความดันโลหิ ่ ตตำ โดยให้  SBP >= 90 mmHg ด้  IV fluid หรื วยการให้ อยา vasopressor (Dopamine, Adrenaline, Norepinephrine) 4. รักษาระดับน้ ำตาลในเลื ้ ่ วง 144­180 mg% อด ใหอยในช่ ู 5. พิ จารณาทำ Induced Hypothermia โดยลดอุหภมิงกายลงเหลื ณ ู่ รา อ 32­34 องศาเซลเซี ยส ็ เปนเวลา 12­24 ช ่ ั วโมง 6. พิ จารณาสวนเส้ ื ั วใจ เพื ิ นเลอดห ่ ดทางเดิ นเลื อเป นเส้ อด coronary (coronary reperfusion) กรณี ่ ั ยสาเหตุ ที สงส หัวใจหยดเตนจากภาวะกล้ ้ ั วใจขาดเลื ยบพลัน ุ้ ื ามเนอห อดเฉี สรปแนวทางการช่ วิ ี ุ วยช ี  ค.ศ.2010 ต ป ผ้วย ทหัวใจหยดเตนเฉยบพลันจำเป็ ้ ้ ู ่ ป่ ี ุ้ ี นตองไดรับการรักษาทันที ่้ มต ้้ การเริ นการชวยชวิ ั นพื ่้ ่ ีข นฐาน (C­A­B) ซึ นการกดหน้ ต งเน างมประสิ ภาพ าอกอย่ ี ทธิ
  • 14.
    และการช็ อกไฟฟ้ ่ าอยางรวดเร็ ว โดยใช้  defibrillator หรื ่ ้ อ AED ที ตอง ถู ก โดยมีาหมายเพื ่ เป้ ่ ิั ตราการรอดชวิ อเพมอ ี ตามหลั กฐานทางวิ ต ที ยู ั ุ ่ ่ ทยาศาสตร์ ี ในปจจบน มอ ั ่ ีข ต ้ งเป็ ่ ืุ ์ การชวยชวิ ั นสู นการใช้ ื อ อปกรณ เครองม ่ ่ และยาในการชวยเพมโอกาสการรอดชวิ ิ ป่ อยางไรกตาม ีของผ้ ย แต่ ่ ็ ต ู ว ั้ ู ตองตงอย่ ้ บนการทำการชวยชวต ่ ีขั้ ้ ิ นพื างมประสิ ภาพ นฐานอย่ ี ทธิ ้ ั กษาสาเหตุ รวมทังการร ของภาวะหัวใจหยดเตนน้ อเน่ ุ ้ ั น การดแลรักษาต่ อง ู ื หลังจากที ่ ็ ั จจัยสำคญในการลดอัตราการเสยชวิ หัวใจกลับมาเตนเปนป ้ ั ีี ต และอ ั ตราความพิ ี ิ ่ ดตามมา การทจะเก
  • 15.
    ภาคผนวก: ACLS checklist Pulseless arrest, shockable rhythm ●CPR ● Defibrillation ● Epinephrine 1 mg IV/IO q 3­5 min ● Amiodarone 300 mg (5 mg/kg), followed by 150 mg IV/IO VF/VT unresponsive to CPR, defibrillation ● Lidocaine 1­1.5 mg/kg followed by 0.5­0.75 mg/kg IV/IO max 3 mg/kg ● MgSO4 1­2 g IV/IO torsades de pointes Pulseless arrest, non­shockable rhythm ● CPR ● Epinephrine 1 mg IV/IO q 3­5 min ● Vasopressin 40 u IV/IO replace 1st, 2nd dose of epinephrine Unstable Bradyarrhythmia ● Atropine 0.5 mg IV/IO q 3­5 min ● Transcutaneous pacing ● Dopamine 2­10 mcg/kg/min IV drip ● Epinephrine 2­10 mcg/min IV drip ● Isoproterenol 2­10 mcg/min IV drip Unstable Tachyarrhythmia ● Synchronized cardioversion Stable Tachyarrhythmia Narrow complex ● Vagal maneuver ● Adenosine 6 mg, followed by 12 mg IV/IO only regular ● Diltiazem 15­20 mg (0.25 mg/kg) in 2 min, add 20­25 mg (0.35 mg/kg) in 15 min, 5­15 mg/h maintenance IV/IO ● Verapamil 5­15 mg IV in 2 min, add 5­10 mg q 5­10 min  total dose 20­30 mg ● Atenolol 5 mg IV in 5 min, repeat 5 mg IV in 10 min ● Esmolol 0.5 mg/kg in 1 min
  • 16.
    ● Metoprolol 5 mg in 1­2 min, repeat q 5 min max 15 mg ● Propranolol 1 mg in 1 min total 0.1 mg/kg ● Procainamide 100 mg every 5 min or 20­50 mg/min ● Amiodarone 150 mg in 10 min, 1 mg/min for 6 h, 0.5 mg/min total dose <2.2 g in 24 h ● Digoxin 8­12 mcg/kg in 5 min, 25% q 4­8 h Wide complex ● Procainamide 100 mg every 5 min or 20­50 mg/min ● Amiodarone 150 mg in 10 min, 1 mg/min for 6 h, 0.5 mg/min total dose <2.2 g in 24 h ● Sotalol 1.5 mg/kg in 5 min ● Lidocaine 1­1.5 mg/kg followed by 0.5­0.75 mg/kg IV/IO max 3 mg/kg ● MgSO4 1­2 g IV in 15 min
  • 17.
    ืางอิ หนังสออ้ ง ● 2010 American Heart Association Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care Science, November 2, 2010, Volume 122, Issue 18 suppl 3 ปแนวทางปฏิ ิ วยชวิ ี ● สรุ บตการช่ ี ปค.ศ.2010, คณะกรรมการมาตรฐานการชวยชวิ ั ต ่ ี ต โดยสมาคมแพทย์ ั วใจในพระบรมราชปถัมภ์ โรคห ู ● เวบไซต์ นธิ วยชวิ มล ิอนช่ ี ThaiCPR.com http://www.thaicpr.com/ ู ส ต