Download free for 30 days
Sign in
Upload
Language (EN)
Support
Business
Mobile
Social Media
Marketing
Technology
Art & Photos
Career
Design
Education
Presentations & Public Speaking
Government & Nonprofit
Healthcare
Internet
Law
Leadership & Management
Automotive
Engineering
Software
Recruiting & HR
Retail
Sales
Services
Science
Small Business & Entrepreneurship
Food
Environment
Economy & Finance
Data & Analytics
Investor Relations
Sports
Spiritual
News & Politics
Travel
Self Improvement
Real Estate
Entertainment & Humor
Health & Medicine
Devices & Hardware
Lifestyle
Change Language
Language
English
Español
Português
Français
Deutsche
Cancel
Save
Submit search
EN
Uploaded by
Tippatai
414 views
Ctms15912
9สามัญ คณิตศาสตร์
Education
◦
Read more
1
Save
Share
Embed
Download
Download to read offline
1
/ 26
2
/ 26
3
/ 26
4
/ 26
5
/ 26
6
/ 26
7
/ 26
8
/ 26
9
/ 26
10
/ 26
11
/ 26
12
/ 26
13
/ 26
14
/ 26
15
/ 26
16
/ 26
17
/ 26
18
/ 26
19
/ 26
20
/ 26
21
/ 26
22
/ 26
23
/ 26
24
/ 26
25
/ 26
26
/ 26
More Related Content
PDF
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
by
krurutsamee
PDF
เฉลยการวัดตำแหน่งและกระจาย
by
krurutsamee
PDF
เลขยกกำลัง_onet_เฉลย_.pdf
by
Thanuphong Ngoapm
PDF
แคลคูลัส9วิชาสามัญ(55-58)
by
Thanuphong Ngoapm
PDF
บทที่ 3 อนุกรมอนันต์
by
eakbordin
PDF
เฉลยPat3มีค52.pdf
by
Thanuphong Ngoapm
PDF
สูตรแคลคูลัส
by
Manode Boonpeng
DOCX
สูตรอินทิเกรต และ ดิฟ
by
Trae Treesien
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
by
krurutsamee
เฉลยการวัดตำแหน่งและกระจาย
by
krurutsamee
เลขยกกำลัง_onet_เฉลย_.pdf
by
Thanuphong Ngoapm
แคลคูลัส9วิชาสามัญ(55-58)
by
Thanuphong Ngoapm
บทที่ 3 อนุกรมอนันต์
by
eakbordin
เฉลยPat3มีค52.pdf
by
Thanuphong Ngoapm
สูตรแคลคูลัส
by
Manode Boonpeng
สูตรอินทิเกรต และ ดิฟ
by
Trae Treesien
What's hot
PDF
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.3 เทอม 2 ชุดที่ 1
by
คุณครูพี่อั๋น
PDF
9 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 2 2559
by
รวมข้อสอบ gat pat 9 วิชา
PDF
เมทริกซ์.pdf
by
ssusera0c3361
PDF
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
by
krurutsamee
PDF
เฉลยแคลคูลัส
by
krurutsamee
PDF
เอกสารประกอบการเรียนการสอน
by
รัชดาภรณ์ เขียวมณี
PPTX
บทที่ 1 หน่วยวัดและปริมาณทางฟิสิกส์
by
Thepsatri Rajabhat University
PDF
เรื่องเศษส่วนพหุนาม
by
พัน พัน
PDF
สรุปสถิติ
by
Sutthi Kunwatananon
PDF
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นเศษส่วน
by
kroojaja
PDF
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลา
by
พัน พัน
PDF
แบบฝึกหัดกฏการเคลื่อนที่ของนิวตัน
by
เซิฟ กิ๊ฟ ติวเตอร์
PDF
แบบฝึกหัดการวัดตำแหน่งของข้อมูล (สถิติ)
by
Math and Brain @Bangbon3
PDF
6 อนุกรมอนันต์
by
Toongneung SP
PDF
เฉลยPat3มีค53.pdf
by
Thanuphong Ngoapm
PDF
โจทย์ฝึกทักษะอัตราส่วนตรีโกณมิติ
by
sawed kodnara
DOCX
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
by
Parn Parai
PDF
เฉลยข้อสอบชีววิทยา โควตา ม.ช. ปี 37 46
by
ติ๊บ' นะ
PDF
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2
by
Wijitta DevilTeacher
PDF
เรื่องที่5งานและพลังงาน
by
Apinya Phuadsing
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.3 เทอม 2 ชุดที่ 1
by
คุณครูพี่อั๋น
9 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 2 2559
by
รวมข้อสอบ gat pat 9 วิชา
เมทริกซ์.pdf
by
ssusera0c3361
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
by
krurutsamee
เฉลยแคลคูลัส
by
krurutsamee
เอกสารประกอบการเรียนการสอน
by
รัชดาภรณ์ เขียวมณี
บทที่ 1 หน่วยวัดและปริมาณทางฟิสิกส์
by
Thepsatri Rajabhat University
เรื่องเศษส่วนพหุนาม
by
พัน พัน
สรุปสถิติ
by
Sutthi Kunwatananon
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นเศษส่วน
by
kroojaja
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลา
by
พัน พัน
แบบฝึกหัดกฏการเคลื่อนที่ของนิวตัน
by
เซิฟ กิ๊ฟ ติวเตอร์
แบบฝึกหัดการวัดตำแหน่งของข้อมูล (สถิติ)
by
Math and Brain @Bangbon3
6 อนุกรมอนันต์
by
Toongneung SP
เฉลยPat3มีค53.pdf
by
Thanuphong Ngoapm
โจทย์ฝึกทักษะอัตราส่วนตรีโกณมิติ
by
sawed kodnara
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
by
Parn Parai
เฉลยข้อสอบชีววิทยา โควตา ม.ช. ปี 37 46
by
ติ๊บ' นะ
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2
by
Wijitta DevilTeacher
เรื่องที่5งานและพลังงาน
by
Apinya Phuadsing
Similar to Ctms15912
PDF
7 วิชาสามัญ คณิต 57+เฉลย
by
sm_anukul
PDF
Pat1;61
by
ThunwaratTrd
PDF
Ctms25912
by
Tippatai
PDF
คณิต
by
Boyle606
PDF
Ctms25812
by
Manop Amphonyothin
PDF
Pat15711
by
Theerapong Ketsingnoi
PDF
Pat15703
by
Theerapong Ketsingnoi
PDF
Pat1
by
Jaturaphun
PDF
Pat15510
by
Theerapong Ketsingnoi
PDF
Pre o-net math6
by
Inthuon Innowon
PDF
Pre 7-วิชา 2
by
Wanutchai Janplung
PDF
ข้อสอบPre o-net math6
by
fahsudarrat
PDF
คณิตศาสตร์
by
kchwjrak
PDF
Pre 7 วิชา ครั้งที่ 1
by
Wanutchai Janplung
PDF
Pat15603
by
Theerapong Ketsingnoi
PDF
Pat15704
by
Theerapong Ketsingnoi
PDF
Pat15704
by
Sirintra Chaiwong
PDF
ข้อสอบ pre o-net ชุดที่ 3
by
benjalakpitayaschool
PDF
7วิชาสามัญ คณิต
by
Woraprom Hinmani
PDF
7วิชาสามัญ คณิต
by
wanalee_yrc
7 วิชาสามัญ คณิต 57+เฉลย
by
sm_anukul
Pat1;61
by
ThunwaratTrd
Ctms25912
by
Tippatai
คณิต
by
Boyle606
Ctms25812
by
Manop Amphonyothin
Pat15711
by
Theerapong Ketsingnoi
Pat15703
by
Theerapong Ketsingnoi
Pat1
by
Jaturaphun
Pat15510
by
Theerapong Ketsingnoi
Pre o-net math6
by
Inthuon Innowon
Pre 7-วิชา 2
by
Wanutchai Janplung
ข้อสอบPre o-net math6
by
fahsudarrat
คณิตศาสตร์
by
kchwjrak
Pre 7 วิชา ครั้งที่ 1
by
Wanutchai Janplung
Pat15603
by
Theerapong Ketsingnoi
Pat15704
by
Theerapong Ketsingnoi
Pat15704
by
Sirintra Chaiwong
ข้อสอบ pre o-net ชุดที่ 3
by
benjalakpitayaschool
7วิชาสามัญ คณิต
by
Woraprom Hinmani
7วิชาสามัญ คณิต
by
wanalee_yrc
Ctms15912
1.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 1 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59) วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2559 เวลา 8.30 - 10.00 น. ตอนที่ 1 แบบระบายตัวเลขที่เป็นคาตอบ จานวน 10 ข้อ ข้อละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน 1. กาหนดให้ 𝑃(𝑥) = 2𝑥3 + 𝑎𝑥2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏, 𝑐 เป็นจานวนจริง ถ้า 𝑥 + 1 , 𝑥 + 2 และ 𝑥 + 3 เป็นตัวประกอบชอง 𝑃(𝑥) แล้ว 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 12 2. 24 3. 32 4. 40 5. 46 2. จานวนเต็มบวก 𝑛 > 2 ที่น้อยที่สุดที่หารด้วย 18 และ 24 แล้วเหลือเศษ 2 มีค่าอยู่ในช่วงใดต่อไปนี้ 1. [73, 77] 2. [78, 82] 3. [83, 87] 4. [88, 92] 5. [93, 97] 3. กาหนดให้ 𝐴, 𝐵 ∈ (0, 𝜋 2 ) ถ้า tan 𝐴 = 2 และ tan 𝐵 = 3 แล้ว 𝐴 + 𝐵 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 𝜋 4 2. 𝜋 3 3. 3𝜋 4 4. 4𝜋 3 5. 5𝜋 4 12 Aug 2017
2.
2 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 4. ถ้า 𝑎⃑ = 2𝑖⃑ − 𝑗⃑ + 𝑘⃑⃑ และ 𝑏⃑⃑ × 𝑐⃑ = 3𝑖⃑ + 2𝑗⃑ − 𝑘⃑⃑ แล้ว (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ (𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑ + 𝑐⃑) เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. −3 2. −2 3. 2 4. 3 5. 2√21 5. กาหนดให้จุด (6, 4) อยู่บนวงกลม C ถ้าเส้นผ่านศูนย์กลางสองเส้นของวงกลม C คือส่วนของเส้นตรง 2𝑥 + 𝑦 = 5 และ 𝑥 + 3𝑦 = 10 แล้วรัศมีของวงกลมยาวเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. √21 หน่วย 2. √24 หน่วย 3. 5 หน่วย 4. √26 หน่วย 5. 6 หน่วย 6. ผลบวกของคาตอบทั้งหมดของสมการ log |𝑥 − 2|(𝑥−5) = 0 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 4 2. 5 3. 6 4. 8 5. 9
3.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 3 7. ถ้าผลการเรียนคณิตศาสตร์ของ ด.ช. จ้อย เป็นดังตารางต่อไปนี้ แล้วจานวนเปอร์เซ็นต์ของผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของ ด.ช. จ้อย เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 68 2. 71 3. 74 4. 77 5. 80 8. กาหนดให้ 𝑆 = {1, 2, 3, … , 8, 9} 𝒲 = { 𝐴 | 𝐴 ⊂ 𝑆 และ 𝐴 มีสมาชิก 4 ตัว } ถ้าสุ่มหยิบเซตหนึ่งเซตจาก 𝒲 แล้วความน่าจะเป็นที่จะได้เซตที่ไม่มีเลข 9 เป็นสมาชิก เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 2 9 2. 1 3 3. 4 9 4. 1 2 5. 5 9 9. ความน่าจะเป็นที่ดวงพรจะไปดูหนังและไปซื้อของในวันอาทิตย์เป็น 0.7 และ 0.6 ตามลาดับ ถ้าดวงพรจะทา กิจกรรมอย่างน้อย 1 อย่างแน่นอน แล้วความน่าจะเป็นที่ดวงพรจะทากิจกรรมทั้ง 2 อย่างเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 0.1 2. 0.2 3. 0.3 4. 0.4 5. 0.5 คะแนนที่ได้ (จากคะแนนเต็ม 100) เกณฑ์การให้น้าหนัก ในการคิดคะแนน การบ้าน 85 20% สอบกลางภาค 65 40% สอบปลายภาค 70 40%
4.
4 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 10. ถ้าลาดับ 𝑎 𝑛 = (3+2𝑛)13(5+𝑛)2 (1−2𝑛)15 แล้ว n lim 𝑎 𝑛 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. −1 2. − 1 2 3. − 1 4 4. 0 5. 1 2 ตอนที่ 2 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบที่ถูกที่สุด จานวน 20 ข้อ ข้อละ 4 คะแนน รวม 80 คะแนน 11. ถ้า 𝑧 เป็นจานวนเชิงซ้อน ซึ่งสอดคล้องกับสมการ 𝑧 + | 𝑧̅−1 𝑧−1 | = −3 + 2𝑖 แล้ว |𝑧| มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 3 2. √10 3. √13 4. 2√5 5. 4 12. ให้ 𝐴 = { 𝑥 | 𝑥 เป็นจานวนเต็มที่อยู่ในช่วง [−10, 10] } 𝐵 = { 𝑥 | (𝑥 + 5)(|𝑥| − 5) ≥ −9 } จานวนสมาชิกของ 𝐴 ∩ 𝐵 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 7 2. 14 3. 16 4. 18 5. 21
5.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 5 13. กาหนดให้ 𝑆 เป็นเซตของจานวนเต็มบวก 𝑛 โดยที่ 𝑛 หาร 3,399 แล้วเหลือเศษ 24 จานวนสมาชิกของ 𝑆 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 7 2. 8 3. 9 4. 10 5. 11 14. ไฮเพอร์โบลารูปหนึ่งมีโฟกัสอยู่ที่จุด (−7, 1) และ (5, 1) ถ้าเส้นกากับเส้นหนึ่งของไฮเพอร์โบลานี้ขนานกับ เส้นตรง √2𝑥 − 𝑦 + 5 = 0 แล้วสมการของไฮเพอร์โบลาคือข้อใดต่อไปนี้ 1. (𝑥+1)2 24 − (𝑦−1)2 12 = 1 2. (𝑥+1)2 12 − (𝑦−1)2 24 = 1 3. (𝑥−1)2 12 − (𝑦+1)2 24 = 1 4. (𝑥 + 1)2 − (𝑦−1)2 2 = 1 5. (𝑥 − 1)2 − (𝑦+1)2 2 = 1 15. กาหนดรูปสี่เหลี่ยม ABCD ดังรูป โดยมีด้าน BC, AC และ AD ยาวเท่ากับ 5, 7 และ 8 หน่วยตามลาดับ มี BÂD = 90° และ CB̂A = 120° พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ACD เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 22 ตารางหน่วย 2. 24 ตารางหน่วย 3. 28 ตารางหน่วย 4. 28√2 ตารางหน่วย 5. 28√3 ตารางหน่วย 120° A B C D 5 7 8
6.
6 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 16. กาหนดให้ 𝑎, 𝑏 เป็นจานวนจริง ถ้า 𝑣̅ = (sin 80° + sin20°)𝑖⃗+ 𝑎𝑗⃗+ 𝑏𝑘⃑⃗ และ |𝑣̅ × 𝑖⃗| = sin 70° + sin10° แล้ว |𝑣̅|2 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 1 2. 3 3. 5 4. 6 5. 7 17. ผลบวกของคาตอบทั้งหมดของสมการ (log 100𝑥)2 + 2 log100 𝑥 + 2 = 0 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 11 1000 2. 101 1000 3. 11 100 4. 101 5. 110 18. กาหนดระบบสมการ 𝐴𝑋 = 𝐵 เมื่อ 𝐴 = [ 𝑎 2 1 𝑏 0 −1 𝑐 2 −2 ] , 𝑋 = [ 𝑥 𝑦 𝑧 ] และ 𝐵 = [ 3 3 −4 ] ถ้า [ 𝑎 2 1 𝑏 0 −1 𝑐 2 −2 3 3 −4 ] ~ [ 1 2 1 0 1 0 0 0 1 3 −3 5 ] แล้ว det(𝐴) มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. −8 2. −4 3. −1 4. 4 5. 8
7.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 7 19. กาหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎9 เป็นลาดับเลขคณิต ซึ่งมีผลต่างร่วม 𝑑 > 0 และ 𝑏1 , 𝑏2 , 𝑏3 , … , 𝑏9 เป็นลาดับเรขาคณิต ซึ่งมีอัตราส่วนร่วม 𝑟 > 0 พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. det [ 𝑎1 𝑎2 𝑎3 𝑎4 𝑎5 𝑎6 𝑎7 𝑎8 𝑎9 ] = 𝑑 ข. det [ 𝑏1 𝑏2 𝑏3 𝑏4 𝑏5 𝑏6 𝑏7 𝑏8 𝑏9 ] = 𝑟 ค. det [ 2 𝑎1 2 𝑎2 2 𝑎3 2 𝑎4 2 𝑎5 2 𝑎6 2 𝑎7 2 𝑎8 2 𝑎9 ] = 2 𝑑 ง. det [ 𝑏1 2 𝑏2 2 𝑏3 2 𝑏4 2 𝑏5 2 𝑏6 2 𝑏7 2 𝑏8 2 𝑏9 2 ] = 𝑟2 จานวนข้อความที่ถูกเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 0 (ไม่มีข้อความใดถูก) 2. 1 3. 2 4. 3 5. 4 20. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 } จานวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึ่ง 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมาชิก 2 ตัว เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96 21. คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนห้องหนึ่งมีการแจกแจงปกติ โดยมีค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานเท่ากับ 60 และ 10 คะแนน ตามลาดับ ถ้านักเรียนที่สอบได้คะแนนน้อยกว่า 70 คะแนน มี 84.13% แล้วนักเรียนที่สอบได้ 50 คะแนน จะมีตาแหน่งเปอร์เซ็นไทล์ที่เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 15.87 2. 24.13 3. 34.13 4. 47.61 5. 50
8.
8 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 22. ตารางแจกแจงความถี่ของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน 40 คน เป็นดังนี้ ถ้าข้อมูลชุดนี้มีมัธยฐานเท่ากับ 17.5 คะแนน แล้วค่าเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบจะเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 16.50 คะแนน 2. 16.75 คะแนน 3. 17.25 คะแนน 4. 17.50 คะแนน 5. 17.75 คะแนน 23. ถ้า 𝑓 เป็นฟังก์ชันซึ่งมีกราฟดังรูป แล้ว 3 0 (|𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 6 2. 10 3. 12 4. 16 5. 32 24. ถ้า 𝑓(𝑥) เป็นฟังก์ชันพหุนาม และกราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดกับกราฟของ 𝑦 = 3𝑥 − 4 ที่ 𝑥 = 2 และ 𝑥 = 5 แล้ว 5 2 (2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥2 − 1)𝑓′(𝑥)) 𝑑𝑥 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 94 2. 104 3. 158 4. 258 5. 264 ช่วงคะแนน ความถี่ 1 – 5 6 – 10 11 – 15 16 – 20 21 – 25 26 – 30 4 𝑎 6 𝑏 10 4 0 1 3 Y X พื้นที่ 6 ตารางหน่วย พื้นที่ 16 ตารางหน่วย 𝑦 = 𝑓(𝑥)
9.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 9 25. กาหนดให้ 𝑎 𝑛 เป็นลาดับเลขคณิต ซึ่งมี 𝑎1 = 2 และผลต่างร่วมเท่ากับ − 2 9 ถ้า 𝑏 𝑛 = 2 𝑎 𝑛 แล้วจานวนเต็มบวก 𝑚 ที่น้อยที่สุดที่ทาให้ 𝑏1 ∙ 𝑏2 ∙ 𝑏3 ∙ … ∙ 𝑏 𝑚 ≥ 1024 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 7 2. 8 3. 9 4. 10 5. 11 26. กาหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎 𝑛 , … เป็นอนุกรมเรขาคณิต ถ้า 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 = 211 9 และ 1i 𝑎𝑖 = 27 แล้วจานวนจริง 𝑥 ซึ่งทาให้ 11 1 i |𝑎𝑖 − 𝑥| มีค่าน้อยที่สุด เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 64 81 2. 1 3. 16 9 4. 32 27 5. 64 27 27. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรีสาม ซึ่งมีค่าวิกฤตที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. 𝑓′′(−4) ∙ 𝑓′′(4) < 0 ข. 𝑓(4√3) = 2𝑓(0) ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 2𝑓(0) ง. ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของ 𝑓(−2) , 𝑓(−1) , 𝑓(0) , 𝑓(1) , 𝑓(2) เท่ากับ 𝑓(0) จานวนข้อความที่ถูกเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 0 (ไม่มีข้อความใดถูก) 2. 1 3. 2 4. 3 5. 4
10.
10 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 28. ถ้า 𝑆 เป็นเซตของจานวนเต็มบวก 𝑚 ที่ทาให้ 2100 2100−𝑚 เป็นจานวนเต็มบวก แล้วผลบวกของสมาชิกของ 𝑆 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 99(299) 2. 100(299) + 1 3. 99(2100) + 1 4. 100(2100 ) 5. 101(2101) 29. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, … , 99, 100 } และ 𝐵 = { 𝑘 ∈ 𝐴 | ( cos 5𝜋 8 − 𝑖 sin 5𝜋 8 cos 3𝜋 4 − 𝑖 sin 3𝜋 4 ) 𝑘 = 𝑖 } โดยที่ 𝑖2 = −1 จานวนสมาชิกของ 𝐵 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 5 2. 7 3. 9 4. 11 5. 13 30. กาหนดให้ 𝑆 = { −2 , −1 , 0 , 1 , 2 } 𝐴 = [ 0 1 −1 1 ] 𝑊 = { [ 𝑎 𝑏 𝑐 𝑑 ] | 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ 𝑆} ถ้าสุ่มเมทริกซ์จากเซต 𝑊 มา 1 เมทริกซ์ แล้วความน่าจะเป็นที่จะได้เมทริกซ์ 𝐵 ซึ่ง 𝐴𝐵 = 𝐵𝐴 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 17 625 2. 19 625 3. 21 625 4. 23 625 5. 25 625
11.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 11 เฉลย 1. 5 7. 2 13. 5 19. 1 25. 3 2. 1 8. 5 14. 2 20. 5 26. 4 3. 3 9. 3 15. 1 21. 1 27. 4 4. 1 10. 3 16. 2 22. 1 28. 3 5. 4 11. 4 17. 1 23. 3 29. 2 6. 5 12. 2 18. 5 24. 4 30. 2 แนวคิด 1. กาหนดให้ 𝑃(𝑥) = 2𝑥3 + 𝑎𝑥2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏, 𝑐 เป็นจานวนจริง ถ้า 𝑥 + 1 , 𝑥 + 2 และ 𝑥 + 3 เป็นตัวประกอบชอง 𝑃(𝑥) แล้ว 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 12 2. 24 3. 32 4. 40 5. 46 ตอบ 5 𝑃(𝑥) เป็นพหุนามกาลังสาม ที่มี 𝑥 + 1 , 𝑥 + 2 และ 𝑥 + 3 เป็นตัวประกอบ ดังนั้น 𝑃(𝑥) ต้องอยู่ในรูป 𝑘(𝑥 + 1)(𝑥 + 2)(𝑥 + 3) เมื่อ 𝑘 เป็นจานวนจริง และจากพจน์กาลังสามของ 𝑃(𝑥) คือ 2𝑥3 ดังนั้น 𝑘 = 2 → 𝑃(𝑥) = 2(𝑥 + 1)(𝑥 + 2)(𝑥 + 3) จะกระจาย 𝑃(𝑥) แล้วเทียบสัมประสิทธิ์ก็ได้ แต่สังเกตว่าถ้าแทน 𝑥 = 1 ก็จะได้ 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 ได้เหมือนกัน 2. จานวนเต็มบวก 𝑛 > 2 ที่น้อยที่สุดที่หารด้วย 18 และ 24 แล้วเหลือเศษ 2 มีค่าอยู่ในช่วงใดต่อไปนี้ 1. [73, 77] 2. [78, 82] 3. [83, 87] 4. [88, 92] 5. [93, 97] ตอบ 1 ต้องหาจานวนที่น้อยที่สุด ที่หารด้วย 18 และ 24 ลงตัว แล้วเอามาบวก 2 ก็จะทาให้หารแล้วเหลือเศษ 2 จานวนที่น้อยที่สุด ที่หารด้วย 18 และ 24 ลงตัว = ค.ร.น. ของ 18 และ 24 → จะได้ ค.ร.น. = 6 × 3 × 4 = 72 → จะได้ 𝑛 = 72 + 2 = 74 อยู่ในช่วงของ ข้อ 1. [73, 77] 3. กาหนดให้ 𝐴, 𝐵 ∈ (0, 𝜋 2 ) ถ้า tan 𝐴 = 2 และ tan 𝐵 = 3 แล้ว 𝐴 + 𝐵 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 𝜋 4 2. 𝜋 3 3. 3𝜋 4 4. 4𝜋 3 5. 5𝜋 4 ตอบ 3 มี tan 𝐴 = 2 และ tan 𝐵 = 3 → สามารถหา tan(𝐴 + 𝐵) = tan 𝐴 + tan 𝐵 1 − tan 𝐴 tan 𝐵 = 2 + 3 1 − (2)(3) = 5 −5 = −1 และจาก 0 < 𝐴 < 𝜋 2 0 < 𝐵 < 𝜋 2 ดังนั้น 0 < 𝐴 + 𝐵 < 𝜋 จาก tan(𝐴 + 𝐵) = −1 จะได้ 𝐴 + 𝐵 = 3𝜋 4 𝑃(𝑥) = 2𝑥3 + 𝑎𝑥2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 = 2(𝑥 + 1)(𝑥 + 2)(𝑥 + 3) 2(13) + 𝑎(12) + 𝑏(1) + 𝑐 = 2(1 + 1)(1 + 2)(1 + 3) 2 + 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 = 48 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 = 46 แทน 𝑥 = 1 6 18 24 3 4
12.
12 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 4. ถ้า 𝑎⃑ = 2𝑖⃑ − 𝑗⃑ + 𝑘⃑⃑ และ 𝑏⃑⃑ × 𝑐⃑ = 3𝑖⃑ + 2𝑗⃑ − 𝑘⃑⃑ แล้ว (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ (𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑ + 𝑐⃑) เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. −3 2. −2 3. 2 4. 3 5. 2√21 ตอบ 1 (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ (𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑ + 𝑐⃑) 5. กาหนดให้จุด (6, 4) อยู่บนวงกลม C ถ้าเส้นผ่านศูนย์กลางสองเส้นของวงกลม C คือส่วนของเส้นตรง 2𝑥 + 𝑦 = 5 และ 𝑥 + 3𝑦 = 10 แล้วรัศมีของวงกลมยาวเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. √21 หน่วย 2. √24 หน่วย 3. 5 หน่วย 4. √26 หน่วย 5. 6 หน่วย ตอบ 4 เส้นผ่านศูนย์กลางวงกลม จะตัดกันที่จุดศูนย์กลางวงกลมเสมอ → หาจุดตัดเส้นตรง จะได้จุดศุนย์กลางวงกลม = จุดตัดเส้นตรง = (1, 3) ดังนั้น รัศมี = ระยะจากจุดศุนย์กลาง ไปจุดไหนก็ได้บนวงกลม = ระยะจาก (1, 3) ไป (6, 4) = √(6 − 1)2 + (4 − 3)2 = √26 6. ผลบวกของคาตอบทั้งหมดของสมการ log |𝑥 − 2|(𝑥−5) = 0 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 4 2. 5 3. 6 4. 8 5. 9 ตอบ 5 = (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑎⃑ + (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑏⃑⃑ + (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑐⃑ = (𝑎⃑ × 𝑎⃑) ∙ 𝑐⃑ + (𝑐⃑ × 𝑏⃑⃑) ∙ 𝑎⃑ + (𝑐⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑎⃑ = 0̅ ∙ 𝑐⃑ + (𝑐⃑ × 𝑏⃑⃑) ∙ 𝑎⃑ + 0̅ ∙ 𝑎⃑ = (𝑐⃑ × 𝑏⃑⃑) ∙ 𝑎⃑ = −(𝑏⃑⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑎⃑ = −(3𝑖⃑ + 2𝑗⃑ − 𝑘⃑⃑) ∙ (2𝑖⃑− 𝑗⃑ + 𝑘⃑⃑) = −((3)(2) + (2)(−1) + (−1)(1)) = −3 กระจาย (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ ในการบวกเวกเตอร์ หมุน × และ ∙ ค่าไม่เปลี่ยน 𝑢⃑⃑ × 𝑢⃑⃑ = 0̅ 0̅ ∙ 𝑢⃑⃑ = 0 𝑢⃑⃑ × 𝑣⃑ = −(𝑢⃑⃑ × 𝑣⃑) 2𝑥 + 𝑦 = 5 …(1) 𝑥 + 3𝑦 = 10 …(2) (1) × 3 : 6𝑥 + 3𝑦 = 15 …(3) (3) − (2) : 5𝑥 = 5 𝑥 = 1 (1) : 2(1) + 𝑦 = 5 𝑦 = 3 ระยะระหว่าง (𝑥1, 𝑦1) และ (𝑥2, 𝑦2) = √(𝑥2 − 𝑥1)2 + (𝑦2 − 𝑦1)2 log |𝑥 − 2|(𝑥−5) = 0 |𝑥 − 2|(𝑥−5) = 100 |𝑥 − 2|(𝑥−5) = 1 log แบบไม่มีฐาน คือ log ฐาน 10
13.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 13 ผลยกกาลัง เป็น 1 ได้ 3 กรณี คือ ฐาน = 1 , เลขชี้กาลัง = 0 (เมื่อ ฐาน ≠ 0) , (−1) 𝑐 เมื่อ 𝑐 เป็นเลขคู่ จะได้ผลบวกคาตอบ = 3 + 1 + 5 = 9 7. ถ้าผลการเรียนคณิตศาสตร์ของ ด.ช. จ้อย เป็นดังตารางต่อไปนี้ แล้วจานวนเปอร์เซ็นต์ของผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของ ด.ช. จ้อย เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 68 2. 71 3. 74 4. 77 5. 80 ตอบ 2 จากสูตรค่าเฉลี่ยถ่วงน้าหนัก จะได้ = ∑ 𝑤 𝑖 𝑥 𝑖 ∑ 𝑤 𝑖 = (20)(85) + (40)(65) + (40)(70) 20 + 40 + 40 = 1700 + 2600 + 2800 100 = 7100 100 = 71 8. กาหนดให้ 𝑆 = {1, 2, 3, … , 8, 9} 𝒲 = { 𝐴 | 𝐴 ⊂ 𝑆 และ 𝐴 มีสมาชิก 4 ตัว } ถ้าสุ่มหยิบเซตหนึ่งเซตจาก 𝒲 แล้วความน่าจะเป็นที่จะได้เซตที่ไม่มีเลข 9 เป็นสมาชิก เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 2 9 2. 1 3 3. 4 9 4. 1 2 5. 5 9 ตอบ 5 𝑛(𝑆) = จานวนแบบทั้งหมด = จานวนสับเซตของ 𝑆 ที่มีสมาชิก 4 ตัว → เลือก 4 ตัว จากสมาชิกของ 𝑆 (ซึ่งมี 9 ตัว) จะเลือกได้ (9 4 ) แบบ 𝑛(𝐸) = จานวนแบบที่โจทย์สนใจ = จานวนสับเซตของ 𝑆 ที่มีสมาชิก 4 ตัว ที่ไม่มีเลข 9 เป็นสมาชิก → เหลือให้เลือกแค่ 1, 2, 3, … , 8 (ทั้งหมด 8 ตัว) เลือกมา 4 ตัว จะเลือกได้ (8 4 ) แบบ จะได้ความน่าจะเป็น = 𝑛(𝐸) 𝑛(𝑆) = (8 4) (9 4) = 8 ∙ 7 ∙ 6 ∙ 5 4 ∙ 3 ∙ 2 ∙ 1 9 ∙ 8 ∙ 7 ∙ 6 4 ∙ 3 ∙ 2 ∙ 1 = 5 9 9. ความน่าจะเป็นที่ดวงพรจะไปดูหนังและไปซื้อของในวันอาทิตย์เป็น 0.7 และ 0.6 ตามลาดับ ถ้าดวงพรจะทา กิจกรรมอย่างน้อย 1 อย่างแน่นอน แล้วความน่าจะเป็นที่ดวงพรจะทากิจกรรมทั้ง 2 อย่างเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 0.1 2. 0.2 3. 0.3 4. 0.4 5. 0.5 ตอบ 3 จากโจทย์ จะได้ 𝑃(ดูหนัง) = 0.7 และ 𝑃 (ซื้อของ) = 0.6 ทาอย่างน้อย 1 อย่างแน่นอน แสดงว่า 𝑃 (ดูหนัง หรือ ซื้อของ) = 1 คะแนนที่ได้ (จากคะแนนเต็ม 100) เกณฑ์การให้น้าหนัก ในการคิดคะแนน การบ้าน 85 20% สอบกลางภาค 65 40% สอบปลายภาค 70 40% |𝑥 − 2| = 1 𝑥 − 2 = 1 , −1 𝑥 = 3 , 1 |𝑥 − 2| = −1 ค่าสัมบูรณ์เป็นลบไม่ได้ ไม่มีคาตอบ 𝑥 − 5 = 0 𝑥 = 5 ( 𝑥 = 5 จะได้ฐาน |𝑥 − 2| ≠ 0)
14.
14 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) ใช้สูตร Inclusive – Exclusive : 𝑃(𝐴 ∪ 𝐵) = 𝑃(𝐴) + 𝑃(𝐵) − 𝑃(𝐴 ∩ 𝐵) จะได้ 𝑃 (ดูหนัง หรือ ซื้อของ) = 𝑃(ดูหนัง) + 𝑃 (ซื้อของ) − 𝑃 (ดูหนัง และ ซื้อของ) 1 = 0.7 + 0.6 − 𝑃 (ดูหนัง และ ซื้อของ) ดังนั้น 𝑃 (ดูหนัง และ ซื้อของ) = 0.3 10. ถ้าลาดับ 𝑎 𝑛 = (3+2𝑛)13(5+𝑛)2 (1−2𝑛)15 แล้ว n lim 𝑎 𝑛 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. −1 2. − 1 2 3. − 1 4 4. 0 5. 1 2 ตอบ 3 จัดรูป 𝑎 𝑛 โดยดึง 𝑛 จากทั้งเศษและส่วนออกมาตัดกัน (3+2𝑛)13(5+𝑛)2 (1−2𝑛)15 = (𝑛( 3 𝑛 + 2)) 13 (𝑛( 5 𝑛 + 1)) 2 (𝑛( 1 𝑛 − 2)) 15 = 𝑛13 ( 3 𝑛 + 2) 13 𝑛2 ( 5 𝑛 + 1) 2 𝑛15 ( 1 𝑛 − 2) 15 = ( 3 𝑛 + 2) 13 ( 5 𝑛 + 1) 2 ( 1 𝑛 − 2) 15 → ดังนั้น n lim 𝑎 𝑛 = (0+2)13(0+1)2 (0−2)15 = 213 −215 = − 1 4 11. ถ้า 𝑧 เป็นจานวนเชิงซ้อน ซึ่งสอดคล้องกับสมการ 𝑧 + | 𝑧̅−1 𝑧−1 | = −3 + 2𝑖 แล้ว |𝑧| มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 3 2. √10 3. √13 4. 2√5 5. 4 ตอบ 4 จะได้ |𝑧| = √(−4)2 + 22 = √20 = 2√5 𝑧 + | 𝑧̅−1 𝑧−1 | = −3 + 2𝑖 𝑧 + | 𝑧̅−1̅ 𝑧−1 | = −3 + 2𝑖 𝑧 + | 𝑧−1̅̅̅̅̅̅ 𝑧−1 | = −3 + 2𝑖 𝑧 + | 𝑧−1̅̅̅̅̅̅ | | 𝑧−1 | = −3 + 2𝑖 𝑧 + 1 = −3 + 2𝑖 𝑧 = −4 + 2𝑖 สังยุคของจานวนจริง จะได้เท่าเดิม → 1̅ = 1 ดึงสังยุคออกนอกการลบ กระจายค่าสัมบูรณ์ในการคูณ จากสมมบัติของค่าสัมบูรณ์ จะได้ | 𝑧 − 1̅̅̅̅̅̅̅ | = | 𝑧 − 1 |
15.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 15 12. ให้ 𝐴 = { 𝑥 | 𝑥 เป็นจานวนเต็มที่อยู่ในช่วง [−10, 10] } 𝐵 = { 𝑥 | (𝑥 + 5)(|𝑥| − 5) ≥ −9 } จานวนสมาชิกของ 𝐴 ∩ 𝐵 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 7 2. 14 3. 16 4. 18 5. 21 ตอบ 2 แก้หา 𝐵 → จะแบ่งกรณีให้รู้เครื่องหมายของ 𝑥 เพื่อใช้สมบติ |𝑥| = { 𝑥 , 𝑥 ≥ 0 −𝑥 , 𝑥 < 0 ในการถอดค่าสัมบูรณ์ กรณี 𝑥 ≥ 0 : กรณี 𝑥 < 0 : กรณีนี้คือ 𝑥 ≥ 0 → จะเหลือคาตอบคือ [4, ∞) กรณีนี้คือ 𝑥 < 0 → จะได้คาตอบคือ [−8, −2] รวมสองกรณี จะได้ 𝐵 = [−8, −2] ∪ [4, ∞) 𝐴 ∩ 𝐵 = เอา 𝐵 เฉพาะที่อยู่ในช่วง [−10, 10] → [−8, −2] จะมี 7 ตัว → [4, 10] จะมี 7 ตัว 13. กาหนดให้ 𝑆 เป็นเซตของจานวนเต็มบวก 𝑛 โดยที่ 𝑛 หาร 3,399 แล้วเหลือเศษ 24 จานวนสมาชิกของ 𝑆 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 7 2. 8 3. 9 4. 10 5. 11 ตอบ 5 แสดงว่า ถ้าเอา 3399 มาหักเศษ 24 ออก ผลที่เหลือจะต้องหารด้วย 𝑛 ลงตัว นั่นคือ 𝑛 ต้องหาร 3399 – 24 = 3375 ลงตัว เนื่องจาก 3375 แยกตัวประกอบได้เป็น 33 ∙ 53 ดังนั้น 𝑛 ต้องอยู่ในรูป 3 𝑎 ∙ 5 𝑏 เมื่อ 𝑎, 𝑏 ∈ {0, 1, 2, 3} จะเห็นว่าเลือก 𝑎 และ 𝑏 ได้ตัวละ 4 แบบ (คือ 0 ถึง 3) ดังนั้น จะมี 3 𝑎 ∙ 5 𝑏 ได้ทั้งหมด 4 × 4 = 16 แบบ นอกจากนี้จะเห็นว่า 𝑛 ต้องมากกว่า 24 ด้วย (ไม่งั้น 𝑛 จะหารแล้วเหลือเศษ 24 ไม่ได้) ดังนั้น ต้องหัก 3 𝑎 ∙ 5 𝑏 ที่ ≤ 24 ออกด้วย ซึ่งจะมี 30 ∙ 50 = 1 , 31 ∙ 50 = 3 , 32 ∙ 50 = 9 30 ∙ 51 = 5 , 31 ∙ 51 = 15 ทั้งหมด 5 แบบ → เหลือจานวนแบบ = 16 − 5 = 11 แบบ (𝑥 + 5)(|𝑥| − 5) ≥ −9 (𝑥 + 5)( 𝑥 − 5) ≥ −9 𝑥2 − 25 ≥ −9 𝑥2 − 16 ≥ 0 (𝑥 + 4)(𝑥 − 4) ≥ 0 (𝑥 + 5)(|𝑥| − 5) ≥ −9 (𝑥 + 5)(−𝑥 − 5) ≥ −9 −𝑥2 − 5𝑥 − 5𝑥 − 25 ≥ −9 0 ≥ 𝑥2 + 10𝑥 + 16 0 ≥ (𝑥 + 8)(𝑥 + 2) −4 4 + − + −8 −2 + − + รวม 14 ตัว
16.
16 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 14. ไฮเพอร์โบลารูปหนึ่งมีโฟกัสอยู่ที่จุด (−7, 1) และ (5, 1) ถ้าเส้นกากับเส้นหนึ่งของไฮเพอร์โบลานี้ขนานกับ เส้นตรง √2𝑥 − 𝑦 + 5 = 0 แล้วสมการของไฮเพอร์โบลาคือข้อใดต่อไปนี้ 1. (𝑥+1)2 24 − (𝑦−1)2 12 = 1 2. (𝑥+1)2 12 − (𝑦−1)2 24 = 1 3. (𝑥−1)2 12 − (𝑦+1)2 24 = 1 4. (𝑥 + 1)2 − (𝑦−1)2 2 = 1 5. (𝑥 − 1)2 − (𝑦+1)2 2 = 1 ตอบ 2 จุดโฟกัสเรียงตัวในแนวนอน → เป็นไฮเพอร์โบลาแนวนอน ดังรูป จะได้รูปสมการคือ (𝑥−ℎ)2 𝑎2 − (𝑦−𝑘)2 𝑏2 = 1 จะได้ระยะโฟกัส 𝑐 = 5−(−7) 2 = 6 แทนในสูตร 𝑐2 = 𝑎2 + 𝑏2 โจทย์ให้เส้นกากับเส้นหนึ่งของไฮเพอร์โบลา (𝑥−ℎ)2 𝑎2 − (𝑦−𝑘)2 𝑏2 = 1 ขนานกับเส้นตรง แทน (2) ใน (1) จะได้ และ จุดศูนย์กลางต้องอยู่ตรงกลางระหว่างจุดโฟกัสทั้งสอง จะได้จุดศูนย์กลาง (ℎ, 𝑘) = ( −7+5 2 , 1+1 2 ) = (−1, 1) แทน 𝑎2 , 𝑏2 , ℎ , 𝑘 ใน (𝑥−ℎ)2 𝑎2 − (𝑦−𝑘)2 𝑏2 = 1 จะได้สมการไฮเพอร์โบลาคือ (𝑥+1)2 12 − (𝑦−1)2 24 = 1 15. กาหนดรูปสี่เหลี่ยม ABCD ดังรูป โดยมีด้าน BC, AC และ AD ยาวเท่ากับ 5, 7 และ 8 หน่วยตามลาดับ มี BÂD = 90° และ CB̂A = 120° พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ACD เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 22 ตารางหน่วย 2. 24 ตารางหน่วย 3. 28 ตารางหน่วย 4. 28√2 ตารางหน่วย 5. 28√3 ตารางหน่วย ตอบ 1 ใช้กฎของ cos กับ ∆ABC เพื่อหา BA → ถ้าให้ BA = 𝑥 จะได้ √2𝑥 − 𝑦 + 5 = 0 √2𝑥 + 5 = 𝑦 ความชัน = √2 จะได้เส้นกากับคือ (𝑥−ℎ)2 𝑎2 − (𝑦−𝑘)2 𝑏2 = 0 (𝑥−ℎ)2 𝑎2 = (𝑦−𝑘)2 𝑏2 𝑏2 𝑎2 (𝑥 − ℎ)2 = (𝑦 − 𝑘)2 ± 𝑏 𝑎 (𝑥 − ℎ) = 𝑦 − 𝑘 ความชัน = 𝑏 𝑎 , − 𝑏 𝑎 𝑏2 𝑎2 = 2 𝑏2 = 2𝑎2 …(2) 62 = 𝑎2 + 2𝑎2 36 = 3𝑎2 12 = 𝑎2 62 = 𝑎2 + 𝑏2 …(1) 𝐹1(−7, 1) 𝐹2(5, 1) → ขนานกัน ความชันจะเท่ากัน → 𝑏 𝑎 = √2 → แทนใน (2) จะได้ 𝑏2 = 2(12) = 24 72 = 𝑥2 + 52 − 2(𝑥)(5) cos 120° 49 = 𝑥2 + 25 − 10𝑥 (− 1 2 ) 120° A B C D 5 7 8
17.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 17 ลากเส้นประเพิ่มดังรูป จะได้ EF = BE = 3 และจะได้ CB̂E เหลือ 120° − 90° = 30° ใน ∆CBE จะได้ sin30° = CE BC จะได้ CF = CE + EF = 2.5 + 3 = 5.5 ดังนั้น พื้นที่ ∆ACD = 1 2 × AD × CF = 1 2 × 8 × 5.5 = 22 16. กาหนดให้ 𝑎, 𝑏 เป็นจานวนจริง ถ้า 𝑣̅ = (sin 80° + sin20°)𝑖⃗+ 𝑎𝑗⃗+ 𝑏𝑘⃑⃗ และ |𝑣̅ × 𝑖⃗| = sin 70° + sin10° แล้ว |𝑣̅|2 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 1 2. 3 3. 5 4. 6 5. 7 ตอบ 2 ใช้สูตร sin 𝐴 + sin 𝐵 = 2 sin 𝐴+𝐵 2 cos 𝐴−𝐵 2 จัดรูปผลบวกของ sin ในโจทย์ก่อน ดังนี้ ดังนั้น 𝑣̅ = (√3 sin50°)𝑖⃗+ 𝑎𝑗⃗+ 𝑏𝑘⃑⃗ และ |𝑣̅ × 𝑖⃗| = √3 sin 40° จะเห็นว่า ถ้ามี |𝑣̅|2 cos2 𝜃 อีกตัวมาบวก จะดึง |𝑣̅|2 แล้วใช้สูตร sin2 𝜃 + cos2 𝜃 = 1 เพื่อหาสิ่งที่โจทย์ถามได้ ซึ่งเราหา |𝑣̅|2 cos2 𝜃 ได้จากการดอท → 𝑣̅ ∙ 𝑖⃗ = |𝑣̅||𝑖⃗| cos 𝜃 = |𝑣̅| cos 𝜃 เอา (1) + (2) จะได้ (ความยาว เป็นลบไม่ได้) 1 2 = CE 5 2.5 = CE 30° A B C D 5 7 E F 3 8 0 = 𝑥2 + 5𝑥 − 24 0 = (𝑥 − 3)(𝑥 + 8) 𝑥 = 3 , −8 โคฟังก์ชัน sin2 𝜃 + cos2 𝜃 = 1 sin80° + sin20° = 2 sin 80°+20° 2 cos 80°−20° 2 = 2 sin50° cos 30° = 2 sin50° √3 2 = √3 sin50° sin70° + sin10° = 2 sin 70°+10° 2 cos 70°−10° 2 = 2 sin40° cos 30° = 2 sin40° √3 2 = √3 sin40° |𝑣̅||𝑖⃗| sin 𝜃 = √3 sin40° |𝑣̅| sin 𝜃 = √3 sin40° |𝑣̅|2 sin2 𝜃 = 3 sin2 40° …(1) |𝑢̅ × 𝑣̅| = |𝑢̅||𝑣̅| sin 𝜃 𝑢̅ ∙ 𝑣̅ = |𝑢̅||𝑣̅| cos 𝜃 [ √3 sin50° 𝑎 𝑏 ] ∙ [ 1 0 0 ] = |𝑣̅| cos 𝜃 √3 sin50° = |𝑣̅| cos 𝜃 3 sin2 50° = |𝑣̅|2 cos2 𝜃 …(2) |𝑣̅|2 sin2 𝜃 + |𝑣̅|2 cos2 𝜃 = 3 sin2 40° + 3 sin2 50° |𝑣̅|2 (sin2 𝜃 + cos2 𝜃) = 3(sin2 40° + cos2 40°) |𝑣̅|2 = 3
18.
18 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 17. ผลบวกของคาตอบทั้งหมดของสมการ (log 100𝑥)2 + 2 log100 𝑥 + 2 = 0 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 11 1000 2. 101 1000 3. 11 100 4. 101 5. 110 ตอบ 1 จะได้ผลบวกคาตอบ = 10−2 + 10−3 = 1 100 + 1 1000 = 10 + 1 1000 = 11 1000 18. กาหนดระบบสมการ 𝐴𝑋 = 𝐵 เมื่อ 𝐴 = [ 𝑎 2 1 𝑏 0 −1 𝑐 2 −2 ] , 𝑋 = [ 𝑥 𝑦 𝑧 ] และ 𝐵 = [ 3 3 −4 ] ถ้า [ 𝑎 2 1 𝑏 0 −1 𝑐 2 −2 3 3 −4 ] ~ [ 1 2 1 0 1 0 0 0 1 3 −3 5 ] แล้ว det(𝐴) มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. −8 2. −4 3. −1 4. 4 5. 8 ตอบ 5 แปลง [ 1 2 1 0 1 0 0 0 1 3 −3 5 ] กลับเป็นระบบสมการ จะได้ จะเอา 𝑥, 𝑦, 𝑧 ไปแทนใน แล้วหา 𝑎, 𝑏, 𝑐 ก็ได้ แต่ใช้กฎของเครเมอร์กับค่า 𝑥 จะหา det(𝐴) ได้โดยตรง จาก [ 𝑎 2 1 𝑏 0 −1 𝑐 2 −2 3 3 −4 ] ใช้กฎของเครเมอร์ จะได้ 𝑥 = | 3 2 1 3 0 −1 −4 2 −2 | | 𝑎 2 1 𝑏 0 −1 𝑐 2 −2 | 𝑥 + 2𝑦 + 𝑧 = 3 …(1) 𝑦 = −3 …(2) 𝑧 = 5 …(3) 𝑥 + 2(−3) + 5 = 3 𝑥 = 4 แทน (2), (3) ใน (1) : 4 = 0+8+6−0+6+12 det(𝐴) det(𝐴) = 32 4 = 8 (log 100𝑥)2 + 2 log100 𝑥 + 2 = 0 (log 100 + log 𝑥)2 + 2 log100 𝑥 + 2 = 0 log 𝑀𝑁 = log 𝑀 + log 𝑁 (log 102 + log 𝑥)2 + 2 log102 𝑥 + 2 = 0 (2 log 10 + log 𝑥)2 + 2 2 log10 𝑥 + 2 = 0 (2 + log 𝑥)2 + log 𝑥 + 2 = 0 𝐴2 + 𝐴 = 0 𝐴(𝐴 + 1) = 0 𝐴 = 0 , −1 2 + log 𝑥 = 0 , −1 log 𝑥 = −2 , −3 𝑥 = 10−2 , 10−3 log 𝑎 𝑏 𝑀 𝑁 = 𝑁 𝑏 log 𝑎 𝑀 log ไม่มีฐาน คือ ฐาน = 10 เปลี่ยนตัวแปร ให้ 2 + log 𝑥 = 𝐴
19.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 19 19. กาหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎9 เป็นลาดับเลขคณิต ซึ่งมีผลต่างร่วม 𝑑 > 0 และ 𝑏1 , 𝑏2 , 𝑏3 , … , 𝑏9 เป็นลาดับเรขาคณิต ซึ่งมีอัตราส่วนร่วม 𝑟 > 0 พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. det [ 𝑎1 𝑎2 𝑎3 𝑎4 𝑎5 𝑎6 𝑎7 𝑎8 𝑎9 ] = 𝑑 ข. det [ 𝑏1 𝑏2 𝑏3 𝑏4 𝑏5 𝑏6 𝑏7 𝑏8 𝑏9 ] = 𝑟 ค. det [ 2 𝑎1 2 𝑎2 2 𝑎3 2 𝑎4 2 𝑎5 2 𝑎6 2 𝑎7 2 𝑎8 2 𝑎9 ] = 2 𝑑 ง. det [ 𝑏1 2 𝑏2 2 𝑏3 2 𝑏4 2 𝑏5 2 𝑏6 2 𝑏7 2 𝑏8 2 𝑏9 2 ] = 𝑟2 จานวนข้อความที่ถูกเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 0 (ไม่มีข้อความใดถูก) 2. 1 3. 2 4. 3 5. 4 ตอบ 1 ก. | 𝑎1 𝑎2 𝑎3 𝑎4 𝑎5 𝑎6 𝑎7 𝑎8 𝑎9 | 𝐶3 − 𝐶2 = | 𝑎1 𝑎2 𝑑 𝑎4 𝑎5 𝑑 𝑎7 𝑎8 𝑑 | 𝐶2 − 𝐶1 = | 𝑎1 𝑑 𝑑 𝑎4 𝑑 𝑑 𝑎7 𝑑 𝑑 | = 0 → ก. ผิด ข. | 𝑏1 𝑏2 𝑏3 𝑏4 𝑏5 𝑏6 𝑏7 𝑏8 𝑏9 | = | 𝑏1 𝑏1 𝑟 𝑏1 𝑟2 𝑏4 𝑏4 𝑟 𝑏4 𝑟2 𝑏7 𝑏8 𝑏9 | = 𝑏1 𝑏4 | 1 𝑟 𝑟2 1 𝑟 𝑟2 𝑏7 𝑏8 𝑏9 | = 0 → ข. ผิด ค. 2 𝑎1 , 2 𝑎2 , 2 𝑎3 , 2 𝑎4 , … คือ 2 𝑎1 , 2 𝑎1+𝑑 , 2 𝑎1+2𝑑 , 2 𝑎1+3𝑑 , … คือ 2 𝑎1 , 2 𝑎1 ∙ 2 𝑑 , 2 𝑎1 ∙ 22𝑑 , 2 𝑎1 ∙ 23𝑑 , … → เป็นลาดับเรขาคณิต (คูณเพิ่มทีละ 2 𝑑 ) ซึ่งจากข้อ ข. ถ้าเอาลาดับเรขาคณิตมาใส่เมทริกซ์ จะได้ det = 0 ดังนั้น | 2 𝑎1 2 𝑎2 2 𝑎3 2 𝑎4 2 𝑎5 2 𝑎6 2 𝑎7 2 𝑎8 2 𝑎9 | = 0 → ค. ผิด ง. 𝑏1 2 , 𝑏2 2 , 𝑏3 2 , 𝑏4 2 , … คือ 𝑏1 2 , (𝑏1 𝑟)2 , (𝑏1 𝑟2)2 , (𝑏1 𝑟3)2 , … คือ 𝑏1 2 , 𝑏1 2 𝑟2 , 𝑏1 2 𝑟4 , 𝑏1 2 𝑟6 , … → เป็นลาดับเรขาคณิต (คูณเพิ่มทีละ 𝑟2 ) ซึ่งจากข้อ ข. ถ้าเอาลาดับเรขาคณิตมาใส่เมทริกซ์ จะได้ det = 0 ดังนั้น | 𝑏1 2 𝑏2 2 𝑏3 2 𝑏4 2 𝑏5 2 𝑏6 2 𝑏7 2 𝑏8 2 𝑏9 2 | = 0 → ง. ผิด ลาดับเลขคณิต พจน์ที่ติดกัน จะห่างกัน = 𝑑 สองหลักเหมือนกัน → det = 0 ลาดับเรขาคณิต พจน์ที่ติดกัน จะคูณเพิ่มทีละ 𝑟 ดึง 𝑏1 ออกจากแถว 1 , ดึง 𝑏4 ออกจากแถว 2 สองแถวเหมือนกัน → det = 0
20.
20 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 20. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 } จานวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึ่ง 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมาชิก 2 ตัว เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96 ตอบ 5 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมาชิก 2 ตัว → แสดงว่า ต้องเลือก 2 ตัวจาก 4 ตัวใน 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 } มาไว้ใน 𝐶 → เลือกได้ (4 2 ) แบบ และเนื่องจาก 𝐶 ⊂ 𝐴 ดังนั้น สมาชิกส่วนที่เหลือของ 𝐶 ต้องมาจาก 𝐴 เท่านั้น ที่เหลือใน 𝐴 คือ 1, 2, 7, 8 มี 4 ตัว → แต่ละตัวเลือก เอา หรือ ไม่เอา ให้ 𝐶 ได้ตัวละ 2 แบบ → เลือกได้ 24 แบบ ดังนั้น จานวนแบบของ 𝐶 คือ (4 2 ) × 24 = 4 ∙ 3 2 × 16 = 96 21. คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนห้องหนึ่งมีการแจกแจงปกติ โดยมีค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานเท่ากับ 60 และ 10 คะแนน ตามลาดับ ถ้านักเรียนที่สอบได้คะแนนน้อยกว่า 70 คะแนน มี 84.13% แล้วนักเรียนที่สอบได้ 50 คะแนน จะมีตาแหน่งเปอร์เซ็นไทล์ที่เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 15.87 2. 24.13 3. 34.13 4. 47.61 5. 50 ตอบ 1 ใช้สูตร 𝑧𝑖 = 𝑥 𝑖 − 𝑥̅ 𝑠 แปลง 70 คะแนน เป็นค่ามาตรฐาน จะได้ 𝑧 = 70 − 60 10 = 1 โจทย์ให้ น้อยกว่า 70 คะแนน มี 84.13% แสดงว่า พื้นที่ทางซ้าย 𝑧 = 1 คือ 0.8413 จะได้ พื้นที่จากแกนกลางถึง 𝑧 = 1 คือ 0.8413 − 0.5 = 0.3413 ดังรูป แปลง 50 คะแนนเป็นค่ามาตรฐาน จะได้ 𝑧 = 50 − 60 10 = −1 จากความสมมาตร จะได้พื้นที่จากแกนกลางถึง 𝑧 = −1 คือ 0.3413 ด้วย ดังนั้น จะเหลือพื้นที่ทางซ้าย = 0.5 − 0.3413 = 0.1587 ดังนั้น จะมี 15.87% ได้น้อยกว่า 50 คะแนน → ตรงกับ 𝑃15.87 1 0.8413 1 = 0.8413 – 0.5 = 0.3413 −1 0.3413 = 0.5 − 0.3413 = 0.1587
21.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 21 22. ตารางแจกแจงความถี่ของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน 40 คน เป็นดังนี้ ถ้าข้อมูลชุดนี้มีมัธยฐานเท่ากับ 17.5 คะแนน แล้วค่าเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบจะเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 16.50 คะแนน 2. 16.75 คะแนน 3. 17.25 คะแนน 4. 17.50 คะแนน 5. 17.75 คะแนน ตอบ 1 สร้างช่องความถี่สะสมดังรูป โจทย์ให้จานวนนักเรียน = 40 คน → 24 + 𝑎 + 𝑏 = 40 มัธยฐาน = 17.5 อยู่ในช่วง 16 – 20 จะได้ จากสูตรมัธยฐาน Med = 𝐿 + ( 𝑁 2 − 𝐹 𝐿 𝑓 𝑀𝑒𝑑 ) 𝐼 หา 𝑥̅ → ประมาณแต่ละชั้นด้วยจุดกึ่งกลางชั้น ช่วงคะแนน ความถี่ 1 – 5 6 – 10 11 – 15 16 – 20 21 – 25 26 – 30 4 𝑎 6 𝑏 10 4 𝐿 = 15.5 𝐼 = 20.5 – 15.5 = 5 𝑓 𝑀𝑒𝑑 = 𝑏 𝐹𝐿 = 10 + 𝑎 𝑎 = 16 − 𝑏 …(∗) ช่วงคะแนน ความถี่ ความถี่สะสม 1 – 5 6 – 10 11 – 15 16 – 20 21 – 25 26 – 30 4 𝑎 6 𝑏 10 4 4 4 + 𝑎 10 + 𝑎 10 + 𝑎 + 𝑏 20 + 𝑎 + 𝑏 24 + 𝑎 + 𝑏 17.5 = 15.5 + ( 40 2 − (10+𝑎) 𝑏 ) (5) 2 = ( 20 − (10+16−𝑏) 𝑏 ) (5) 2𝑏 = (20 − 26 + 𝑏)(5) 2𝑏 = −30 + 5𝑏 30 = 3𝑏 10 = 𝑏 จาก (∗) → แทนใน (∗) : 𝑎 = 16 − 10 = 6 ช่วงคะแนน ความถี่ (𝑓𝑖) จุดกึ่งกลางชั้น (𝑥𝑖) 𝑓𝑖 𝑥𝑖 1 – 5 6 – 10 11 – 15 16 – 20 21 – 25 26 – 30 4 6 6 10 10 4 3 8 13 18 23 28 12 48 78 180 230 112 660 จะได้ 𝑥̅ = ∑ 𝑓𝑖 𝑥 𝑖 𝑁 = 660 40 = 16.5
22.
22 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 23. ถ้า 𝑓 เป็นฟังก์ชันซึ่งมีกราฟดังรูป แล้ว 3 0 (|𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 6 2. 10 3. 12 4. 16 5. 32 ตอบ 3 แบ่งการอินทิเกรตเป็นช่วง เพื่อให้รู้เครื่องหมายบวกลบ แล้วใช้สมบัติ |𝑎| = { 𝑎 , 𝑎 ≥ 0 −𝑎 , 𝑎 < 0 ถอดค่าสัมบูรณ์ 3 0 (|𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 = 1 0 ( |𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 + 3 1 (|𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 = 1 0 (−𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 + 3 1 ( 𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 = 1 0 −2𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 3 1 0 𝑑𝑥 = −2 1 0 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 0 = −2 (−6) = 12 24. ถ้า 𝑓(𝑥) เป็นฟังก์ชันพหุนาม และกราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดกับกราฟของ 𝑦 = 3𝑥 − 4 ที่ 𝑥 = 2 และ 𝑥 = 5 แล้ว 5 2 (2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥2 − 1)𝑓′(𝑥)) 𝑑𝑥 มีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 94 2. 104 3. 158 4. 258 5. 264 ตอบ 4 โจทย์ให้กราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดกับกราฟของ 𝑦 = 3𝑥 − 4 ที่ 𝑥 = 2 และ 𝑥 = 5 พิจารณาค่าที่โจทย์ถาม จะเห็นว่ามี 2𝑥 และ 𝑥2 − 1 → ถ้าให้ 𝑢 = 𝑥2 − 1 จะได้ 𝑢′ = 2𝑥 ให้ 𝑣 = 𝑓(𝑥) จะได้ 2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥2 − 1)𝑓′(𝑥) = (𝑢′)(𝑣) + (𝑢)(𝑣′) = (𝑢𝑣)′ ดังนั้น 5 2 (2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥2 − 1)𝑓′(𝑥)) 𝑑𝑥 = 𝑢𝑣 | 5 2 = (𝑥2 − 1)𝑓(𝑥) | 5 2 = (52 − 1)𝑓(5) − (22 − 1)𝑓(2) = (24) (11) − (3) (2) = 258 0 1 3 Y X พื้นที่ 6 ตารางหน่วย พื้นที่ 16 ตารางหน่วย 𝑦 = 𝑓(𝑥) จากกราฟ ช่วง (0, 1) → 𝑓(𝑥) เป็นลบ ดังนั้น |𝑓(𝑥)| = −𝑓(𝑥) ช่วง (1, 3) → 𝑓(𝑥) เป็นบวก ดังนั้น |𝑓(𝑥)| = 𝑓(𝑥) จากกราฟ (พื้นที่ใต้ แกน X จะเป็นลบ) สูตรดิฟผลคูณ จาก (∗) ที่ 𝑥 = 2 จะได้ 𝑦 = 3(2) − 4 = 2 ที่ 𝑥 = 5 จะได้ 𝑦 = 3(5) − 4 = 11 แสดงว่า 𝑓(2) = 2 และ 𝑓(5) = 11 ด้วย …(∗)
23.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 23 25. กาหนดให้ 𝑎 𝑛 เป็นลาดับเลขคณิต ซึ่งมี 𝑎1 = 2 และผลต่างร่วมเท่ากับ − 2 9 ถ้า 𝑏 𝑛 = 2 𝑎 𝑛 แล้วจานวนเต็มบวก 𝑚 ที่น้อยที่สุดที่ทาให้ 𝑏1 ∙ 𝑏2 ∙ 𝑏3 ∙ … ∙ 𝑏 𝑚 ≥ 1024 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 7 2. 8 3. 9 4. 10 5. 11 ตอบ 3 26. กาหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎 𝑛 , … เป็นอนุกรมเรขาคณิต ถ้า 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 = 211 9 และ 1i 𝑎𝑖 = 27 แล้วจานวนจริง 𝑥 ซึ่งทาให้ 11 1 i |𝑎𝑖 − 𝑥| มีค่าน้อยที่สุด เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 64 81 2. 1 3. 16 9 4. 32 27 5. 64 27 ตอบ 4 จากสูตรอนุกรมเรขาคณิตอนันต์ จะได้ 1i 𝑎𝑖 = 𝑎1 1−𝑟 = 27 …(∗) และจากสูตรอนุกรมเรขาคณิต จะได้ 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 = 𝑎1(1−𝑟5) 1−𝑟 = 211 9 จากสมบัติของค่ากลางในเรื่องสถิติ 11 1 i |𝑎𝑖 − 𝑥| จะมีค่าน้อยที่สุด เมื่อ 𝑥 = มัธยฐานของข้อมูล 𝑎1 , 𝑎2 , … , 𝑎11 มีข้อมูล 11 ตัว → มัธยฐานอยู่ตัวที่ 𝑁+1 2 = 11+1 2 = 6 → มัธยฐาน = 𝑎6 ซึ่งจากสูตรลาดับเรขาคณิต 𝑎 𝑛 = 𝑎1 𝑟 𝑛−1 จะได้ 𝑎6 = 𝑎1 𝑟6−1 = 9 ( 2 3 ) 5 = 25 33 = 32 27 𝑏1 ∙ 𝑏2 ∙ 𝑏3 ∙ … ∙ 𝑏 𝑚 ≥ 1024 2 𝑎1 ∙ 2 𝑎2 ∙ 2 𝑎3 ∙ … ∙ 2 𝑎 𝑚 ≥ 1024 2 𝑎1+𝑎2+𝑎3+ … +𝑎 𝑚 ≥ 210 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + … + 𝑎 𝑚 ≥ 10 𝑚 2 (2𝑎1 + (𝑚 − 1)𝑑) ≥ 10 𝑚 2 (2(2) + (𝑚 − 1) (− 2 9 )) ≥ 10 2𝑚 − 𝑚2−𝑚 9 ≥ 10 18𝑚 − (𝑚2 − 𝑚) ≥ 90 0 ≥ 𝑚2 − 19𝑚 + 90 0 ≥ (𝑚 − 9)(𝑚 − 10) จาก 𝑏 𝑛 = 2 𝑎 𝑛 ฐาน 2 เหมือนกัน คูณกัน → เอาเลขชี้กาลังมาบวกกัน ตัดฐาน 2 ทั้งสองข้าง (ฐาน > 1 → ไม่ต้องกลับ มากกว่า ↔ น้อยกว่า) จากสูตรอนุกรมเลขคณิต โจทย์ให้ 𝑎1 = 2 , 𝑑 = − 2 9 9 10 + − + จะได้ 𝑚 ∈ [9, 10] → จานวนเต็มบวก 𝑚 น้อยสุด = 9 27(1 − 𝑟5 ) = 211 9 1 − 𝑟5 = 211 243 32 243 = 𝑟5 2 3 = 𝑟 จาก (∗) → แทนใน (∗) จะได้ 𝑎1 1− 2 3 = 27 𝑎1 = 27(1 − 2 3 ) = 9
24.
24 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 27. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรีสาม ซึ่งมีค่าวิกฤตที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. 𝑓′′(−4) ∙ 𝑓′′(4) < 0 ข. 𝑓(4√3) = 2𝑓(0) ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 2𝑓(0) ง. ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของ 𝑓(−2) , 𝑓(−1) , 𝑓(0) , 𝑓(1) , 𝑓(2) เท่ากับ 𝑓(0) จานวนข้อความที่ถูกเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 0 (ไม่มีข้อความใดถูก) 2. 1 3. 2 4. 3 5. 4 ตอบ 4 จาก 𝑓(𝑥) มีดีกรี 3 จะได้ 𝑓′(𝑥) มีดีกรี 2 ค่าวิกฤตเกิดที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 ดังนั้น สมการ 𝑓′(𝑥) = 0 มีคาตอบคือ 4, −4 จะได้ 𝑓′(𝑥) ต้องอยู่ในรูป 𝑎(𝑥 + 4)(𝑥 − 4) = 𝑎𝑥2 − 16𝑎 เมื่อ 𝑎 เป็นจานวนจริงใดๆ ที่ 𝑎 ≠ 0 ดิฟต่อจะได้ 𝑓′′(𝑥) = 2𝑎𝑥 อินทิเกรตจะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥3 3 − 16𝑎𝑥 + 𝑐 ก. 𝑓′′(−4) ∙ 𝑓′′(4) = 2𝑎(−4) ∙ 2𝑎(4) = −64𝑎2 < 0 → ก. ถูก ข. 𝑓(4√3) = 𝑎(4√3) 3 3 − 16𝑎(4√3) + 𝑐 2𝑓(0) = 2 ( 𝑎(03) 3 − 16𝑎(0) + 𝑐) = 64√3𝑎 − 64√3𝑎 + 𝑐 = 2( 𝑐) = 𝑐 = 2𝑐 จะเห็นว่า 𝑐 ≠ 2𝑐 ดังนั้น 𝑓(4√3) ≠ 2𝑓(0) → ข. ผิด ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 𝑎(−4)3 3 − 16𝑎(−4) + 𝑐 + 𝑎(4)3 3 − 16𝑎(4) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐 เท่ากับ 2𝑓(0) ที่เคยทา ในข้อ ข. → ค. ถูก ง. ค่าเฉลี่ย = 𝑓(−2) + 𝑓(−1) + 𝑓(0) + 𝑓(1) + 𝑓(2) 5 สังเกตว่า 𝑥 ทุกตัวที่อยู่ใน 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥3 3 − 16𝑎𝑥 + 𝑐 ถูกยกกาลังคี่ ( 𝑥3 , 𝑥1 ) ดังนั้น 𝑓(𝑘) กับ 𝑓(−𝑘) จะตัดกันได้เสมอ (เหมือนกับ 𝑓(−4) + 𝑓(4) ในข้อ ค.) 𝑓(−2) + 𝑓(2) = 𝑎(−2)3 3 − 16𝑎(−2) + 𝑐 + 𝑎(2)3 3 − 16𝑎(2) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐 𝑓(−1) + 𝑓(1) = 𝑎(−1)3 3 − 16𝑎(−1) + 𝑐 + 𝑎(1)3 3 − 16𝑎(1) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐 และ 𝑓(0) = 𝑎(03) 3 − 16𝑎(0) + 𝑐 = 𝑐 ดังนั้น 𝑓(−2)+𝑓(−1)+𝑓(0)+𝑓(1)+𝑓(2) 5 = 𝑓(−2)+𝑓(2) + 𝑓(−1)+𝑓(1) + 𝑓(0) 5 = 2𝑐 + 2𝑐 + 𝑐 5 = 5𝑐 5 = 𝑐 = 𝑓(0) → ง. ถูก (เมื่อ 𝑎 ≠ 0 → 𝑎2 จะเป็นบวกเสมอ) ตัดกันได้ ตัดกันได้
25.
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1
(ธ.ค. 59) 25 28. ถ้า 𝑆 เป็นเซตของจานวนเต็มบวก 𝑚 ที่ทาให้ 2100 2100−𝑚 เป็นจานวนเต็มบวก แล้วผลบวกของสมาชิกของ 𝑆 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 99(299) 2. 100(299) + 1 3. 99(2100) + 1 4. 100(2100 ) 5. 101(2101) ตอบ 3 2100 − 𝑚 ต้องเป็นตัวประกอบที่เป็นบวก ของ 2100 ตัวประกอบที่เป็นบวกของ 2100 จะมี 20 , 21 , 22 , … , 299 , 2100 ดังนั้น 2100 − 𝑚 = 20 , 21 , 22 , … , 299 , 2100 𝑚 = 2100 − 20 , 2100 − 21 , 2100 − 22 , … , 2100 − 299 , 2100 − 2100 ดังนั้น ผลบวก 𝑚 = (2100 − 20 ) + (2100 − 21 ) + (2100 − 22 ) + … + (2100 − 299 ) = 100(2100) − (20 + 21 + 22 + ⋯ + 299) = 100(2100) − ( 299(2)−20 2−1 ) = 100(2100) − (2100 − 1) = 100(2100) − 2100 + 1 = 99(2100) + 1 29. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, … , 99, 100 } และ 𝐵 = { 𝑘 ∈ 𝐴 | ( cos 5𝜋 8 − 𝑖 sin 5𝜋 8 cos 3𝜋 4 − 𝑖 sin 3𝜋 4 ) 𝑘 = 𝑖 } โดยที่ 𝑖2 = −1 จานวนสมาชิกของ 𝐵 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 5 2. 7 3. 9 4. 11 5. 13 ตอบ 2 จัดรูปให้เป็นเชิงขั้วก่อน cos 5𝜋 8 − 𝑖 sin 5𝜋 8 = cos 5𝜋 8 + 𝑖 sin (− 5𝜋 8 ) = cos (− 5𝜋 8 ) + 𝑖 sin(− 5𝜋 8 ) = cis (− 5𝜋 8 ) cos 3𝜋 4 − 𝑖 sin 3𝜋 4 = cos 3𝜋 4 + 𝑖 sin (− 3𝜋 4 ) = cos (− 3𝜋 4 ) + 𝑖 sin(− 3𝜋 4 ) = cis (− 3𝜋 4 ) ดังนั้น cos 5𝜋 8 − 𝑖 sin 5𝜋 8 cos 3𝜋 4 − 𝑖 sin 3𝜋 4 = cis(− 5𝜋 8 ) cis(− 3𝜋 4 ) = cis (− 5𝜋 8 − (− 3𝜋 4 )) = cis ( −5𝜋 + 6𝜋 8 ) = cis 𝜋 8 แทนในสมการเงื่อนไขของ 𝐵 จะได้ (cis 𝜋 8 ) 𝑘 = 𝑖 เงื่อนไขของ 𝐵 คือ 𝑘 ∈ 𝐴 ดังนั้น 1 ≤ 16𝑛 + 4 ≤ 100 ใช้ไม่ได้ ( 𝑚 ต้องเป็นบวก) 0, 1, … , 99 มี 100 ตัว อนุกรมเรขาคณิต 𝑆 𝑛 = 𝑎 𝑛 𝑟 − 𝑎1 𝑟 − 1 sin(−𝜃) = − sin 𝜃 cos(−𝜃) = cos 𝜃เปลี่ยนให้เครื่องหมายตรงกลางเป็นบวก เปลี่ยนมุมให้ตรงกับมุมของ sin cis 𝑘𝜋 8 = cis 𝜋 2 𝑘𝜋 8 = 2𝑛𝜋 + 𝜋 2 ; เมื่อ 𝑛 เป็นจานวนเต็ม 𝑘 = 16𝑛 + 4 𝑖 − 3 16 ≤ 𝑛 ≤ 96 16 − 3 16 ≤ 𝑛 ≤ 6 → 𝑛 = 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6 → มีทั้งหมด 7 จานวน
26.
26 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์
1 (ธ.ค. 59) 30. กาหนดให้ 𝑆 = { −2 , −1 , 0 , 1 , 2 } 𝐴 = [ 0 1 −1 1 ] 𝑊 = { [ 𝑎 𝑏 𝑐 𝑑 ] | 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ 𝑆} ถ้าสุ่มเมทริกซ์จากเซต 𝑊 มา 1 เมทริกซ์ แล้วความน่าจะเป็นที่จะได้เมทริกซ์ 𝐵 ซึ่ง 𝐴𝐵 = 𝐵𝐴 เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 17 625 2. 19 625 3. 21 625 4. 23 625 5. 25 625 ตอบ 2 ให้ 𝐵 = [ 𝑎 𝑏 𝑐 𝑑 ] แทนในเงื่อนไจ 𝐴𝐵 = 𝐵𝐴 จะได้ [ 0 1 −1 1 ] [ 𝑎 𝑏 𝑐 𝑑 ] = [ 𝑎 𝑏 𝑐 𝑑 ] [ 0 1 −1 1 ] เทียบสมาชิกตาแหน่งต่อตาแหน่ง จะได้ระบบสมการ จะเห็นว่า (3) ซ้ากับ (1) และ (2) (แทน 𝑐 = −𝑏 จาก (1) ลงใน (3) จะได้ −𝑎 − 𝑏 = −𝑑 และ (4) ซ้ากับ (1) (เอา (4) มาตัด 𝑑 ทั้งสองข้าง จะได้เหมือน (1) ) ดังนั้น สนใจแค่ (1) และ (2) ก็พอ เพราะถ้า (1) กับ (2) จริง จะทาให้ (3) และ (4) จริงโดยอัตโนมัติ และจาก 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ {−2, −1, 0, 1, 2} จะได้ 𝑎, 𝑏, 𝑐. 𝑑 ที่สอดคล้องกับ (1) และ (2) ดังนี้ กรณี 𝑏 = −2 : จาก (1) จะได้ 𝑐 = 2 และจาก (2) จะได้ กรณี 𝑏 = −1 : → 𝑐 = 1 และ กรณี 𝑏 = 0 : → 𝑐 = 0 และ กรณี 𝑏 = 1 : → 𝑐 = −1 และ กรณี 𝑏 = 2 : → 𝑐 = −2 และ รวมทุกกรณี จะได้จานวนแบบ = 3 + 4 + 5 + 4 + 3 = 19 แบบ → 𝑛(𝐸) = 19 หาจานวนแบบทั้งหมด 𝑛(𝑆) → 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 แต่ละตัวเป็น −2, −1, 0, 1, 2 ได้ตัวละ 5 แบบ ดังนั้น 𝑛(𝑆) = 54 = 625 → จะได้ความน่าจะเป็น = 19 625 เครดิต ขอบคุณ ข้อสอบ และเฉลยคาตอบ จาก อ.ปิ๋ง GTRmath ขอบคุณ คุณ Chonlakorn Chiewpanich ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ขอบคุณ คุณ คณิต มงคลพิทักษ์สุข (นวย) ผู้เขียน Math E-book สาหรับเฉลยข้อ 16. [ 𝑐 𝑑 −𝑎 + 𝑐 −𝑏 + 𝑑 ] = [ −𝑏 𝑎 + 𝑏 −𝑑 𝑐 + 𝑑 ] 𝑐 = −𝑏 …(1) 𝑑 = 𝑎 + 𝑏 …(2) −𝑎 + 𝑐 = −𝑑 …(3) −𝑏 + 𝑑 = 𝑐 + 𝑑 …(4) 𝑎 + 𝑏 = 𝑑 → ซ้ากับ (2) ) 𝑑 = 𝑎 − 2 −2 = 0 − 2 −1 = 1 − 2 0 = 2 − 2 𝑑 = 𝑎 − 1 −2 = −1 − 1 −1 = 0 − 1 0 = 1 − 1 1 = 2 − 1 𝑑 = 𝑎 −2 = −2 −1 = −1 0 = 0 1 = 1 2 = 2 𝑑 = 𝑎 + 1 −1 = −2 + 1 0 = −1 + 1 1 = 0 + 1 2 = 1 + 1 𝑑 = 𝑎 + 2 0 = −2 + 2 1 = −1 + 2 2 = 0 + 2 3 แบบ 3 แบบ 4 แบบ 4 แบบ 5 แบบ
Download