2-9  ของไหล Slide  นี้จัดทำตามเนื้อหาของ หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เล่ม ๒ของ สสวท .  กระทรวงศึกษาธิการ เผยแพร่เพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยไม่หวังผลกำไรหรือประโยชน์ทางการค้าใดๆ สำหรับคุณครูใช้สอนศิษย์ และสำหรับนักเรียนใช้อ่านประกอบการเรียน ศรัณยู อังศุสิงห์  ( qlmtls@yahoo.co.th)
ความหนาแน่น  (Density) เป็นสมบัติเฉพาะตัวของสาร โดยทั่วไปจะหมายถึงความหนาแน่นมวล  (mass density)  หมายถึงปริมาณมวลสารในหนึ่งหน่วยปริมาตร สารปริมาตร  V  มีมวล  m  จะได้ ความหนาแน่นเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร น้ำมีความหนาแน่น  1,000 kg/m 3 ความหนาแน่นของสาร
ความหนาแน่นสัมพัทธ์  (Relative Density) หมายถึงอัตราส่วนระหว่างความหนาแน่นของสารนั้นกับความหนาแน่นของสารอ้างอิง นิยมใช้น้ำบริสุทธิ์ที่อุณหภูมิ  4  องศาที่มีความหนาแน่น  1,000 kg/m 3  เป็นสารอ้างอิง สมัยก่อนเรียกความหนาแน่นสัมพัทธ์ที่ใช้น้ำเป็นสารอ้างอิง ว่า ความถ่วงจำเพาะ  (specific gravity)
ความดันในของเหลว ของเหลวที่บรรจุอยู่ในภาชนะ เราจะเห็นว่ามีแรงกระทำกับผนังของภาชนะทุกส่วนที่สัมผัสกับของเหลว ถ้าเจาะรูภาชนะจะเห็นว่าของเหลวจะพุ่งออกมา จริงๆแล้วในของเหลวไม่ว่าจะพิจารณาที่พื้นที่ใด จะมีแรงมากระทำเสมอ ขนาดของแรงที่กระทำตั้งฉากต่อพื้นที่หนึ่งหน่วย เรียกว่า ความดัน  (Pressure)
ความดันในของเหลว ให้   F  เป็นแรงที่ของเหลวกระทำตั้งฉากกับพื้นที่  A P  เป็นความดันที่เกิดจากของเหลวกระทำบนพื้นที่  A  จะเขียนได้ว่า ความดันเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร  ( N/m 2 )  หรือ  Pascal (Pa) F A แรง  F  มาจากไหน  จริงแล้วก็คือน้ำหนักของของไหล ที่อยู่เหนือพื้นที่  A  นั่นเอง ถ้าอย่างนั้นที่ที่ลึก ก็จะมีแรง มากกว่าที่ตื้น ใช่หรือไม่
ความดันในของเหลวขึ้นกับความลึก ความดันในของเหลวมีค่าเพิ่มตามความลึก พิจารณาของเหลวที่มีความหนาแน่น   อยู่นิ่งในภาชนะเปิดสู่บรรยากาศ W  เป็นน้ำหนักของเหลวบนพื้นที่   A  W = Mg =   Ahg P 0   เป็นความดันบรรยากาศ ดังนั้นแรงที่อากาศกระทำต่อพื้นที่  A  ด้านบนคือ  P 0 A ของเหลวอยู่ในสภาวะสมดุล PA = P 0 A +   Ahg P  = P 0  +   gh P 0 A PA
P  = P 0  +   gh ความดันในของเหลวที่มีความหนาแน่น   ที่ระดับความลึก h  จากผิวของเหลวที่บรรจุในภาชนะเปิดสู่บรรยากาศเท่ากับผลรวมของความดันบรรยากาศ  P 0   กับปริมาณ   gh ปริมาณ   gh   เป็นความดันเนื่องจากของเหลวที่ระดับลึก  h  ซึ่ง เกิดจากน้ำหนักของของเหลวเพียงอย่างเดียว ความดันนี้เรียกว่า ความดันเกจ  (Gauge pressure) P g  ผลรวมของความดันบรรยากาศกับความดันเกจ เรียกว่า ความดันสัมบูรณ์   (absolute pressure)
ความดันในของเหลวชนิดเดียวกันที่ระดับลึกเดียวกันมีค่าเท่ากันเสมอ โดยรูปทรงของภาชนะที่บรรจุไม่มีผลใดๆต่อความดัน
เครื่องมือวัดความดัน แมนอมิเตอร์   (manometer)  วัดความแตกต่างของความดันสองแหล่ง อาจวัดเทียบกับความดันยรรยากาศหรือความดันอื่นก็ได้ บารอมิเตอร์ (barometer)  ใช้วัดความดันบรรยากาศ บารอมิเตอร์แอนีรอยด์  (aneroid barometer)  วัดความดันอากาศ เครื่องวัดบูร์ดอง  (bourdon Gauge)  วัดความดันของไหลที่มีความดันสูง
แมนอมิเตอร์
บารอมิเตอร์ P 0   เป็นความดันบรรยากาศ ถ้าของเหลวเป็นปรอท  h=760 mm จะได้  P 0  = 1.01325 x 10 5   N/m 2
ความดันกับชีวิตประจำวัน เครื่องวัดความดันโลหิต หลอดดูดเครื่องดื่ม แผ่นยางติดผนัง
เครื่องวัดความดันโลหิต ทำด้วยแมนอมิเตอร์ที่มีปรอทบรรจุอยู่ ปลายข้างหนึ่งทีท่อยางสวมต่อกับถุงอากาศและมีลูกยางสำหรับอัดอากาศเข้าถุงอากาศ ในการวัดความดันโลหิต จะพันถุงอากาศเข้ากับท่อนแขน อัดอากาศเข้าไปให้มากพอที่จะบีบเส้นเลือดไม่ให้เลือดไหลไปที่ปลายแขน จากนั้นจะเปิดลิ้นปล่อยอากาศในถุงออกช้าๆ และใช้หูฟังเสียงชีพจรที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณแขนด้านหน้า เมื่อความดันอากาศในถุงเท่ากับความดันโลหิตในเส้นเลือด โลหิตจะเริ่มไหลสู่ปลายแขน ซึ่งจะได้ยินเสียงจากหูฟัง ความดันที่อ่านได้ในครั้งแรกจะเป็นความดันโลหิตสูงสุด  (systolic pressure)
เครื่องวัดความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงสุด  (systolic pressure)   เป็นความดันเส้นเลือดที่เกิดจากหัวใจบีบตัวส่งโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อค่อยๆปล่อยอากาศออกจากถุงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งความดันอากาศในถุงเท่ากับความดันโลหิตในเส้นเลือดดำที่ไหลกลับเข้าหัวใจ คราวนี้เสียงที่ได้ยินในตอนแรกจะเงียบลง และจะอ่านค่าความดันโลหิตต่ำสุด  (diastolic pressure)  จากความสูงของปรอท ร่างกายคนปกติจะมีความดันโลหิต  120 – 80  มิลลิเมตรปรอท  ( ความดันเกจ )
หลอดดูดเครื่องดื่ม เมื่อใช้หลอดดูดเครื่องดื่มทำให้อากาศในหลอดมีปริมาตรลดลง และทำให้ความดันอากาศในหลอดลดลงด้วย  ความดันอากาศภายนอกซึ่งมากกว่าก็จะสามารถดันของเหลวขึ้นไปแทนที่อากาศในหลอดดูดจนกระทั่งของเหลวไหลเข้าปาก
แผ่นยางติดผนัง เมื่อออกแรงกดแผ่นยางติดผนังบนผิวเรียบ เช่น แผ่นกระจก อากาศที่อยู่ระหว่างแผ่นยางกับแผ่นกระจกจะถูกขับออก ทำให้บริเวณดังกล่าวเกือบเป็นสูญญากาศ อากาศภายนอกซึ่งมีความดันสูงกว่าก็จะกดแผ่นยางให้แนบติดบนผนังกระจก
กฎของพาสคัล  (Pascal s law) เมื่อเพิ่มความดันในของเหลวที่อยู่นิ่งในภาชนะปิด ความดันที่เพิ่มจะถูกถ่ายทอดไปยังทุกๆตำแหน่งในของเหลวรวมทั้งที่ผนังของภาชนะนั้นด้วย เมื่อออกแรง  F 1  กดลูกสูบเล็กที่มีพื้นที่หน้าตัด  A 1   ความดันในของเหลวจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ  F 1 /A 1 จากกฎของพาสคัล ที่ลูกสูบใหญ่จะมีความดันเพิ่มขึ้นเท่ากับ  F 1 /A 1   ด้วย แต่ที่ลูกสูบใหญ่ความดันที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ  F 2 /A 2 การได้เปรียบเชิงกล
แรงลอยตัวและหลักของอาร์คิมีดีส วัตถุรูปทรงกระบอกสูง  h  พื้นที่หน้าตัด  A  จมอยู่ในของเหลวที่มีความหนาแน่น   อยู่ในสภาวะสมดุล P 1   คือความดันของเหลวที่ผิวบน P 2   คือความดันของเหลวที่ผิวล่าง W  คือน้ำหนักของวัตถุ V  คือปริมาตรของวัตถุ  = Ah h 2 h 1 h F 1 F 2 ของเหลวมีความหนาแน่น  
แรงลอยตัวและหลักของอาร์คิมีดีส F 2 -F 1   คือแรงที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างของ ความดันของของเหลวที่ระดับความลึกต่างกัน เมื่อวัตถุอยู่ในสภาวะสมดุล แรงนี้จะเท่ากับ น้ำหนักของวัตถุ เรียกแรงนี้ว่า  แรงลอยตัว จะเห็นว่าแรงลอยตัวมีค่าเท่ากับน้ำหนักของของเหลวที่มีปริมาตรเท่ากับปริมาตรของวัตถุส่วนที่จมอยู่ในของเหลว นี่คือหลักของ  Archimedes
ตัวอย่าง  9.5   บอลลูนยังไม่บรรจุแก๊สพร้อมกระเช้ามีมวล  M kg  ต้องบรรจุแก๊สฮีเลียมปริมาตรเท่าไร บอลลูนจึงจะลอยนิ่งในอากาศบริเวณผิวโลกได้พอดี แรงลอยตัว  =  น้ำหนักฮีเลียม  +  น้ำหนักบอลลูนพร้อมกระเช้า ให้  V  เป็นปริมาตรฮีเลียมที่บรรจุ  air gV   =   He gV   + Mg  air V   =   He V   + M V = M/(  air  -   He   )
ตัวอย่าง  9.6   นำวัตถุก้อนหนึ่งใส่ลงในน้ำ ปรากฎว่าวัตถุลอยน้ำโดยมีปริมาตรส่วนที่จมในน้ำเป็น  n   เท่าของปริมาตรวัตถุ  (0<n<1)  ความหนาแน่นของวัตถุนี้เป็นกี่เท่าของความหนาแน่นของน้ำ ให้  V  เป็นปริมาตรของวัตถุ แรงลอยตัว  =  น้ำหนักของวัตถุ  water  g ( n V) =   object  g V n    water  =   object  ความหนาแน่นของวัตถุมีค่าเท่ากับ  n   เท่าของความหนาแน่นของน้ำ
ตัวอย่าง   9.7  ชั่งมงกุฎในอากาศอ่านน้ำหนักได้  8.5 N  ชั่งในน้ำอ่านน้ำหนักได้  7.7 N  มงกุฎทำด้วยทองคำบริสุทธิ์หรือไม่ ถ้าความหนาแน่นของทองคำบริสุทธิ์เท่ากัน  19.3x10 3  kg m -3 ชั่งในอากาศได้  8.5 N   แสดงว่ามงกุฎมีมวล  8.5/g ให้มงกุฎมีปริมาตร  V ชั่งในน้ำ  แรงลอยตัว + แรงดึงของเครื่องชั่ง  =  น้ำหนัก  water  gV + 7.7 = 8.5 V = 0.8/(  water  g) ความหนาแน่นมงกุฎ  =  มวล / ปริมาตร  =  (8.5/g)/(0.8/(  water  g)) = 8.5   water  g/0.8g = 10.6x 10 3  kg m -3 ไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์
ความตึงผิว แมลงตัวเล็กๆ วิ่งหรือยืนบนผิวน้ำได้ หรือ ใบมีดโกนลอยบนผิวน้ำได้ทั้งๆที่ทำด้วยวัสดุที่มีความหนาแน่นมากกว่าน้ำ แสดงว่าต้องมีแรงที่ไม่ใช่แรงลอยตัวมากระทำแล้วช่วยพยุงขาแมลงหรือใบมีดโกนไว้ แรงนี้เป็นแรงระหว่างโมเลกุลของน้ำที่ผิวน้ำดึงกันไว้ทำให้ผิวน้ำราบเรียบและตึง จึงเรียกว่า  แรงดึงผิว  (surface tension)   แรงดึงผิวของของเหลวมีทิศทางขนานกับผิวของของเหลวและตั้งฉากกับของที่ของเหลวสัมผัส
ความตึงผิว ให้     หมายถึงความตึงผิว F  เป็นขนาดของแรงดึงผิว L  เป็นความยาวผิวสัมผัส เท่ากับสองเท่าของความยาวเส้นลวด   F/L  หน่วยเป็น  N/m ถ้าแรง  F  ทำให้ลวดเคลื่อนที่ไป   x W=F  x=   L   x =    A  W/     หน่วยเป็น  J/m 2 F แรงดึงผิว แรงดึงผิว
การโค้งของผิวของเหลว (meniscus effect)
การซึมตามรูเล็ก  (capillary  action)
ความหนืด  (viscosity) ของไหลที่มีความหนืดมากจะมีแรงต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุในของไหลนั้นมาก แรงต้านการเคลื่อนที่อันเนื่องมาจากความหนืดของของไหลเรียกว่า แรงหนืด (viscous force) แรงหนืดที่กระทำต่อวัตถุขึ้นอยู่กับขนาดความเร็วของวัตถุและแรงนี้มีทิศตรงกันข้ามกับทิศการเคลื่อนที่ของวัตถุ
การเคลื่อนที่ของลูกกลมโลหะในกลีเซอรอล ความเร็ว เวลา เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว W W F+F B F+F B
กฎของสโตกส์ แรงหนืดของของไหลที่กระทำกับวัตถุทรงกลม รัศมี  r  F  = 6  nrv n  คือความหนืดของของไหล หน่วยเป็น  Ns/m 2  หรือ  Pa s ในอดีตหน่วยของความหนืดคือ  Poise (P)  1   Pa s  = 10 P
พลศาสตร์ของไหล ต่อไปจะศึกษาเรื่องของไหลที่มีการเคลื่อนที่  ของไหลอุดมคติ มีคุณสมบัติดังนี้ มีการไหลอย่างสม่ำเสมอ  (steady flow) มีการไหลโดยไม่หมุน  (irrotational flow) มีการไหลโดยไม่มีแรงต้านทายเนื่องจากความหนืด (nonviscous flow) ไม่สามารถอัดได้  (incompressible flow)
สมการความต่อเนื่อง  (The Equation of Continuity) เป็นไปตามหลักการอนุรักษ์มวล ผลคูณระหว่างพื้นที่หน้าตัดกับอัตราเร็วของของไหลอุดมคติไม่ว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งใดในหลอดการไหลจะมีค่าคงตัวเสมอ A 1 v 1  = A 2 v 2
สมการของแบร์นุลลี  (Bernoulli s Equation) เป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน ผลรวมของความดัน พลังงานจลน์ต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร และพลังงานศักย์โน้มถ่วงต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร ณ ตำแหน่งใดๆ ภายในท่อที่ของไหลผ่าน มีค่าคงตัวเสมอ ค่าคงตัว
Venturi Tube
จงหาความเร็ว  V 1 ถ้าเปิดฝาบน  P = P 0   จะได้ว่า
แรงยกตัวของปีกเครื่องบิน  อุปกรณ์พ่นสี
ทำไมลูกกอล์ฟที่มีการหมุนถอยหลังถึงลอยได้สูงกว่า
 

fluid

  • 1.
    2-9 ของไหลSlide นี้จัดทำตามเนื้อหาของ หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เล่ม ๒ของ สสวท . กระทรวงศึกษาธิการ เผยแพร่เพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยไม่หวังผลกำไรหรือประโยชน์ทางการค้าใดๆ สำหรับคุณครูใช้สอนศิษย์ และสำหรับนักเรียนใช้อ่านประกอบการเรียน ศรัณยู อังศุสิงห์ ( [email protected])
  • 2.
    ความหนาแน่น (Density)เป็นสมบัติเฉพาะตัวของสาร โดยทั่วไปจะหมายถึงความหนาแน่นมวล (mass density) หมายถึงปริมาณมวลสารในหนึ่งหน่วยปริมาตร สารปริมาตร V มีมวล m จะได้ ความหนาแน่นเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร น้ำมีความหนาแน่น 1,000 kg/m 3 ความหนาแน่นของสาร
  • 3.
    ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (RelativeDensity) หมายถึงอัตราส่วนระหว่างความหนาแน่นของสารนั้นกับความหนาแน่นของสารอ้างอิง นิยมใช้น้ำบริสุทธิ์ที่อุณหภูมิ 4 องศาที่มีความหนาแน่น 1,000 kg/m 3 เป็นสารอ้างอิง สมัยก่อนเรียกความหนาแน่นสัมพัทธ์ที่ใช้น้ำเป็นสารอ้างอิง ว่า ความถ่วงจำเพาะ (specific gravity)
  • 4.
    ความดันในของเหลว ของเหลวที่บรรจุอยู่ในภาชนะ เราจะเห็นว่ามีแรงกระทำกับผนังของภาชนะทุกส่วนที่สัมผัสกับของเหลวถ้าเจาะรูภาชนะจะเห็นว่าของเหลวจะพุ่งออกมา จริงๆแล้วในของเหลวไม่ว่าจะพิจารณาที่พื้นที่ใด จะมีแรงมากระทำเสมอ ขนาดของแรงที่กระทำตั้งฉากต่อพื้นที่หนึ่งหน่วย เรียกว่า ความดัน (Pressure)
  • 5.
    ความดันในของเหลว ให้ F เป็นแรงที่ของเหลวกระทำตั้งฉากกับพื้นที่ A P เป็นความดันที่เกิดจากของเหลวกระทำบนพื้นที่ A จะเขียนได้ว่า ความดันเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร ( N/m 2 ) หรือ Pascal (Pa) F A แรง F มาจากไหน จริงแล้วก็คือน้ำหนักของของไหล ที่อยู่เหนือพื้นที่ A นั่นเอง ถ้าอย่างนั้นที่ที่ลึก ก็จะมีแรง มากกว่าที่ตื้น ใช่หรือไม่
  • 6.
    ความดันในของเหลวขึ้นกับความลึก ความดันในของเหลวมีค่าเพิ่มตามความลึก พิจารณาของเหลวที่มีความหนาแน่น  อยู่นิ่งในภาชนะเปิดสู่บรรยากาศ W เป็นน้ำหนักของเหลวบนพื้นที่ A W = Mg =  Ahg P 0 เป็นความดันบรรยากาศ ดังนั้นแรงที่อากาศกระทำต่อพื้นที่ A ด้านบนคือ P 0 A ของเหลวอยู่ในสภาวะสมดุล PA = P 0 A +  Ahg P = P 0 +  gh P 0 A PA
  • 7.
    P =P 0 +  gh ความดันในของเหลวที่มีความหนาแน่น  ที่ระดับความลึก h จากผิวของเหลวที่บรรจุในภาชนะเปิดสู่บรรยากาศเท่ากับผลรวมของความดันบรรยากาศ P 0 กับปริมาณ  gh ปริมาณ  gh เป็นความดันเนื่องจากของเหลวที่ระดับลึก h ซึ่ง เกิดจากน้ำหนักของของเหลวเพียงอย่างเดียว ความดันนี้เรียกว่า ความดันเกจ (Gauge pressure) P g ผลรวมของความดันบรรยากาศกับความดันเกจ เรียกว่า ความดันสัมบูรณ์ (absolute pressure)
  • 8.
  • 9.
    เครื่องมือวัดความดัน แมนอมิเตอร์ (manometer) วัดความแตกต่างของความดันสองแหล่ง อาจวัดเทียบกับความดันยรรยากาศหรือความดันอื่นก็ได้ บารอมิเตอร์ (barometer) ใช้วัดความดันบรรยากาศ บารอมิเตอร์แอนีรอยด์ (aneroid barometer) วัดความดันอากาศ เครื่องวัดบูร์ดอง (bourdon Gauge) วัดความดันของไหลที่มีความดันสูง
  • 10.
  • 11.
    บารอมิเตอร์ P 0 เป็นความดันบรรยากาศ ถ้าของเหลวเป็นปรอท h=760 mm จะได้ P 0 = 1.01325 x 10 5 N/m 2
  • 12.
  • 13.
    เครื่องวัดความดันโลหิต ทำด้วยแมนอมิเตอร์ที่มีปรอทบรรจุอยู่ ปลายข้างหนึ่งทีท่อยางสวมต่อกับถุงอากาศและมีลูกยางสำหรับอัดอากาศเข้าถุงอากาศในการวัดความดันโลหิต จะพันถุงอากาศเข้ากับท่อนแขน อัดอากาศเข้าไปให้มากพอที่จะบีบเส้นเลือดไม่ให้เลือดไหลไปที่ปลายแขน จากนั้นจะเปิดลิ้นปล่อยอากาศในถุงออกช้าๆ และใช้หูฟังเสียงชีพจรที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณแขนด้านหน้า เมื่อความดันอากาศในถุงเท่ากับความดันโลหิตในเส้นเลือด โลหิตจะเริ่มไหลสู่ปลายแขน ซึ่งจะได้ยินเสียงจากหูฟัง ความดันที่อ่านได้ในครั้งแรกจะเป็นความดันโลหิตสูงสุด (systolic pressure)
  • 14.
    เครื่องวัดความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงสุด (systolic pressure) เป็นความดันเส้นเลือดที่เกิดจากหัวใจบีบตัวส่งโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อค่อยๆปล่อยอากาศออกจากถุงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งความดันอากาศในถุงเท่ากับความดันโลหิตในเส้นเลือดดำที่ไหลกลับเข้าหัวใจ คราวนี้เสียงที่ได้ยินในตอนแรกจะเงียบลง และจะอ่านค่าความดันโลหิตต่ำสุด (diastolic pressure) จากความสูงของปรอท ร่างกายคนปกติจะมีความดันโลหิต 120 – 80 มิลลิเมตรปรอท ( ความดันเกจ )
  • 15.
    หลอดดูดเครื่องดื่ม เมื่อใช้หลอดดูดเครื่องดื่มทำให้อากาศในหลอดมีปริมาตรลดลง และทำให้ความดันอากาศในหลอดลดลงด้วย ความดันอากาศภายนอกซึ่งมากกว่าก็จะสามารถดันของเหลวขึ้นไปแทนที่อากาศในหลอดดูดจนกระทั่งของเหลวไหลเข้าปาก
  • 16.
    แผ่นยางติดผนัง เมื่อออกแรงกดแผ่นยางติดผนังบนผิวเรียบ เช่นแผ่นกระจก อากาศที่อยู่ระหว่างแผ่นยางกับแผ่นกระจกจะถูกขับออก ทำให้บริเวณดังกล่าวเกือบเป็นสูญญากาศ อากาศภายนอกซึ่งมีความดันสูงกว่าก็จะกดแผ่นยางให้แนบติดบนผนังกระจก
  • 17.
    กฎของพาสคัล (Pascals law) เมื่อเพิ่มความดันในของเหลวที่อยู่นิ่งในภาชนะปิด ความดันที่เพิ่มจะถูกถ่ายทอดไปยังทุกๆตำแหน่งในของเหลวรวมทั้งที่ผนังของภาชนะนั้นด้วย เมื่อออกแรง F 1 กดลูกสูบเล็กที่มีพื้นที่หน้าตัด A 1 ความดันในของเหลวจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ F 1 /A 1 จากกฎของพาสคัล ที่ลูกสูบใหญ่จะมีความดันเพิ่มขึ้นเท่ากับ F 1 /A 1 ด้วย แต่ที่ลูกสูบใหญ่ความดันที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ F 2 /A 2 การได้เปรียบเชิงกล
  • 18.
    แรงลอยตัวและหลักของอาร์คิมีดีส วัตถุรูปทรงกระบอกสูง h พื้นที่หน้าตัด A จมอยู่ในของเหลวที่มีความหนาแน่น  อยู่ในสภาวะสมดุล P 1 คือความดันของเหลวที่ผิวบน P 2 คือความดันของเหลวที่ผิวล่าง W คือน้ำหนักของวัตถุ V คือปริมาตรของวัตถุ = Ah h 2 h 1 h F 1 F 2 ของเหลวมีความหนาแน่น 
  • 19.
    แรงลอยตัวและหลักของอาร์คิมีดีส F 2-F 1 คือแรงที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างของ ความดันของของเหลวที่ระดับความลึกต่างกัน เมื่อวัตถุอยู่ในสภาวะสมดุล แรงนี้จะเท่ากับ น้ำหนักของวัตถุ เรียกแรงนี้ว่า แรงลอยตัว จะเห็นว่าแรงลอยตัวมีค่าเท่ากับน้ำหนักของของเหลวที่มีปริมาตรเท่ากับปริมาตรของวัตถุส่วนที่จมอยู่ในของเหลว นี่คือหลักของ Archimedes
  • 20.
    ตัวอย่าง 9.5 บอลลูนยังไม่บรรจุแก๊สพร้อมกระเช้ามีมวล M kg ต้องบรรจุแก๊สฮีเลียมปริมาตรเท่าไร บอลลูนจึงจะลอยนิ่งในอากาศบริเวณผิวโลกได้พอดี แรงลอยตัว = น้ำหนักฮีเลียม + น้ำหนักบอลลูนพร้อมกระเช้า ให้ V เป็นปริมาตรฮีเลียมที่บรรจุ  air gV =  He gV + Mg  air V =  He V + M V = M/(  air -  He )
  • 21.
    ตัวอย่าง 9.6 นำวัตถุก้อนหนึ่งใส่ลงในน้ำ ปรากฎว่าวัตถุลอยน้ำโดยมีปริมาตรส่วนที่จมในน้ำเป็น n เท่าของปริมาตรวัตถุ (0<n<1) ความหนาแน่นของวัตถุนี้เป็นกี่เท่าของความหนาแน่นของน้ำ ให้ V เป็นปริมาตรของวัตถุ แรงลอยตัว = น้ำหนักของวัตถุ  water g ( n V) =  object g V n  water =  object ความหนาแน่นของวัตถุมีค่าเท่ากับ n เท่าของความหนาแน่นของน้ำ
  • 22.
    ตัวอย่าง 9.7 ชั่งมงกุฎในอากาศอ่านน้ำหนักได้ 8.5 N ชั่งในน้ำอ่านน้ำหนักได้ 7.7 N มงกุฎทำด้วยทองคำบริสุทธิ์หรือไม่ ถ้าความหนาแน่นของทองคำบริสุทธิ์เท่ากัน 19.3x10 3 kg m -3 ชั่งในอากาศได้ 8.5 N แสดงว่ามงกุฎมีมวล 8.5/g ให้มงกุฎมีปริมาตร V ชั่งในน้ำ แรงลอยตัว + แรงดึงของเครื่องชั่ง = น้ำหนัก  water gV + 7.7 = 8.5 V = 0.8/(  water g) ความหนาแน่นมงกุฎ = มวล / ปริมาตร = (8.5/g)/(0.8/(  water g)) = 8.5  water g/0.8g = 10.6x 10 3 kg m -3 ไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์
  • 23.
    ความตึงผิว แมลงตัวเล็กๆ วิ่งหรือยืนบนผิวน้ำได้หรือ ใบมีดโกนลอยบนผิวน้ำได้ทั้งๆที่ทำด้วยวัสดุที่มีความหนาแน่นมากกว่าน้ำ แสดงว่าต้องมีแรงที่ไม่ใช่แรงลอยตัวมากระทำแล้วช่วยพยุงขาแมลงหรือใบมีดโกนไว้ แรงนี้เป็นแรงระหว่างโมเลกุลของน้ำที่ผิวน้ำดึงกันไว้ทำให้ผิวน้ำราบเรียบและตึง จึงเรียกว่า แรงดึงผิว (surface tension) แรงดึงผิวของของเหลวมีทิศทางขนานกับผิวของของเหลวและตั้งฉากกับของที่ของเหลวสัมผัส
  • 24.
    ความตึงผิว ให้  หมายถึงความตึงผิว F เป็นขนาดของแรงดึงผิว L เป็นความยาวผิวสัมผัส เท่ากับสองเท่าของความยาวเส้นลวด   F/L หน่วยเป็น N/m ถ้าแรง F ทำให้ลวดเคลื่อนที่ไป  x W=F  x=  L  x =   A  W/  หน่วยเป็น J/m 2 F แรงดึงผิว แรงดึงผิว
  • 25.
  • 26.
  • 27.
    ความหนืด (viscosity)ของไหลที่มีความหนืดมากจะมีแรงต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุในของไหลนั้นมาก แรงต้านการเคลื่อนที่อันเนื่องมาจากความหนืดของของไหลเรียกว่า แรงหนืด (viscous force) แรงหนืดที่กระทำต่อวัตถุขึ้นอยู่กับขนาดความเร็วของวัตถุและแรงนี้มีทิศตรงกันข้ามกับทิศการเคลื่อนที่ของวัตถุ
  • 28.
    การเคลื่อนที่ของลูกกลมโลหะในกลีเซอรอล ความเร็ว เวลาเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว W W F+F B F+F B
  • 29.
    กฎของสโตกส์ แรงหนืดของของไหลที่กระทำกับวัตถุทรงกลม รัศมี r F = 6  nrv n คือความหนืดของของไหล หน่วยเป็น Ns/m 2 หรือ Pa s ในอดีตหน่วยของความหนืดคือ Poise (P) 1 Pa s = 10 P
  • 30.
    พลศาสตร์ของไหล ต่อไปจะศึกษาเรื่องของไหลที่มีการเคลื่อนที่ ของไหลอุดมคติ มีคุณสมบัติดังนี้ มีการไหลอย่างสม่ำเสมอ (steady flow) มีการไหลโดยไม่หมุน (irrotational flow) มีการไหลโดยไม่มีแรงต้านทายเนื่องจากความหนืด (nonviscous flow) ไม่สามารถอัดได้ (incompressible flow)
  • 31.
    สมการความต่อเนื่อง (TheEquation of Continuity) เป็นไปตามหลักการอนุรักษ์มวล ผลคูณระหว่างพื้นที่หน้าตัดกับอัตราเร็วของของไหลอุดมคติไม่ว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งใดในหลอดการไหลจะมีค่าคงตัวเสมอ A 1 v 1 = A 2 v 2
  • 32.
    สมการของแบร์นุลลี (Bernoullis Equation) เป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน ผลรวมของความดัน พลังงานจลน์ต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร และพลังงานศักย์โน้มถ่วงต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร ณ ตำแหน่งใดๆ ภายในท่อที่ของไหลผ่าน มีค่าคงตัวเสมอ ค่าคงตัว
  • 33.
  • 34.
    จงหาความเร็ว V1 ถ้าเปิดฝาบน P = P 0 จะได้ว่า
  • 35.
  • 36.
  • 37.