รายงานการทำ Lab วันที่ 10 ธันวาคม
- 1. รายงานการทา LAB วันที่ 10 ธันวาคม ประกอบไปด้ วย 5 LAB - LAB 1 : STAR – DELTA MOTOR STARTER - LAB 2 : FORWARD – REVERSE MOTOR - LAB 3 : PLC DIGITAL PRATICES - LAB 4 : PLC ANALOG PRACTICES - LAB 5 : CABINET EQUIPMENTS PRACTICES จากการทาLab wiring ทั ้ง 5 lab นั ้น ทาให้ ผมได้ รับความรู้หลายแบบ และเข้ าใจวิธีการต่อสายไฟโดยเริ่มจาก 1. ดู แปลนการวางอุปกรณ์ในตู้ 2. ตรวจเช็คเครื่องมือ ว่ามีอปกรณ์ครบหรือไม่ ุ 3. ตรวจดูว่ามีปากนกพอ หรืออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ ในการรวมสาย ต่อสายเชื่อมสายไฟเข้ าด้ วยกันเพื่อไม้ ให้ เป็ นการรกรุ งรัง 4. ปลอกหัวสายไฟติดปากนกลงไปในหัวสายไฟ แล้ วต่อสายไฟเข้ ากับ อุปกรณ์ต่างๆตาม Plan วงจรไฟฟา เราสามารถ Jump ้ เชื่อมสายด้ วย Terminal โดยหลักการวาง Terminal ควรวางไว้ ติดข้ างซ้ าย การวางสายไฟไม่ควรวางสายไฟแบบวัดเพื่อให้ ตรงกับขนาด เพราะท่าเกิดการผิดพลาด จะทาให้ ต้องเดินสายเดิมใหม่อีกครั ้งเราควรจะเผื่อสายไฟไว้ เพื่อให้ เดินได้ สะดวก โดย ยึดหลัก ท่าต่อออกจากอุปกรณ์เข้ ารางสายไฟควรจะต่อแบบตรงเข้ าราง
- 2. ซึงการที่เราศึกษาแปลนวงจรโดยระเอียดก่อนการที่จะทาการต่อสายไฟนั ้น จะทาให้ สายไฟเราสามารถวางเป็ นระบบได้ และ ่ เกิดความง่าย ต่อการซ่อมแซมและแก้ ไข เมื่อ มีการเสียหาย ข้ อควรระวังในการต่อสายไฟ ควรตรวจดูว่าต่อสายไฟแน่น และไขเข้ ากับอุปกรณ์ดีแล้ วไม่มีทองแดงโผล่ออกมา ส่วนปาก นกพี่มีการเปลือยมียางพลาสติกหุ้มอย่างดี มีการติดตั ้งสายดินไว้ แล้ ว และ ต่อวงจรได้ อย่างถูกต้ อง ปลอดภัย LAB 1 : STAR – DELTA MOTOR ความรู้ที่ได้ จากการต่อ ได้ ร้ ูว่า การต่อ แบบ star delta เป็ นการต่อแบบ ปองกันการ ้ กระชากของไฟเมื่อจ่ายไฟฟาเข้ ามอเตอร์ เพราะอาจจะทาให้ มอเตอร์ เสียได้ เมื่อ ไฟเกิดการกระตุกหรือ ตก โดยการเริ่ ม จาก วงจร star ้ ก่อนจะส่งผลทาให้ แรงบิทของมอเตอร์ มีค่าสูงกว่า เริ่มด้ วย Delta และ ช่วยลด การ เกิดการ Peak ของมอเตอร์ ได้ และส่วนใหญ่จะ เป็ นการต่อ แบบ 3 phase 380 V ซึง ใน plan นั ้นมีข้อผิดพลาดโดย ต้ องเปลียน คอนแท็คเตอร์ ที่ต่อจาก 22 ไป คอลย์ ของ K 3 และ ่ ่ จาก 22 ของ K 2 ไป คอลย์ ของ K 2 เพื่อปองกันการ short circuit ของวงจร ซึงได้ รับการบอกมาจาก พี่เสริม ซึงมาตรวจเช็ค การทา ้ ่ ่ lab 1 ให้ ครับ Lab 2 : FORWARD – REVERSE MOTOR เป็ นวงจรการกลับ ด้ านการหมุนของ motor โดยใช้ คอนแท็คเตอร์ โดยท่าอ่าน จาก plan จะได้ ว่า K 1 ใช้ ในการ หมุน ไปทางขวาแบบ Forward และ K 2 ใช้ ในการ หมุนไปทางซ้ ายแบบ Reverse โดยจะทาหน้ าที่ ต่างกันโดยเปลี่ยนด้ วยการใช้ ปุ่ ม เป็ นตัวกด
- 3. Lab 3 : PLC DIGITAL PRATICES จากการต่อนั ้น ผมคิดว่า Lab นี ้มีความยุ่งยากมากที่สดเพราะ มีการต่อที่เยอะ และ ุ Plan ที่ให้ มาขาดความระเอียด โดย มีสิ่งที่ผิดคือ ในสายที่ต่อออกมาเชื่อม terminal ตัวที่ 11 ตาม plan ต้ องเป็ น Switch แต่เนื่องจาก วาด plan ผิดพลาด ทาให้ Terminal ต่อเข้ า switch สองตัว ไม่ได้ ใช้ งาน แต่เปลียนเป็ น ต่อจาก switch เข้ า terminal เพื่อ ต่อไปยัง ่ PLC แทน และมีการต่อเข้ ากับ relay เพื่อใช้ ในการเปลียนข้ อมูล ่
- 4. Lab 4 : PLC ANALOG PRACTICES เป็ นการต่อที่มีวงจรแบบเดียวกับ Digital PLC แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้ อย ตรงที่ ANALOG PLC ไม่มี การต่อเข้ ากับ Relay Lab 5 : เป็ นการต่อที่คล้ ายคลึงกับสิงที่พี่บญมีสอนที่สดเพราะเป็ นการต่ออุปกรณ์ธรรมดา แต่ จากการอ่าน Plan นั ้น อุปกรณ์ที่ให้ มา ่ ุ ุ มีความผิดพลาดเนื่องจาก ใน Plan มีการระบุว่า Transformer นั ้นมีการเปลียนกระแสจาก 220VAC / 24 VDC 5 A อุปกรณ์ที่ให้ มา ่ นั ้น เป็ นการเปลียนจาก 380 VAC / 200 VAC และมีการให้ เต้ าเสียบที่ผิดแบบจนไม่สามารถเสียบ ปลักของ Modem ที่อยู่ในตู้ ่ ๊ สะพานไฟได้ แต่ผมคิดว่า Lab นี ้เป็ น Lab ที่ง่ายที่สดเนื่องจากตรงจากที่เรี ยนมามากที่สด และได้ มีการฝึ กต่อสาย Lan โดย มีสอง ุ ุ แบบคือ 1แบบ ต่อจาก Computer เข้ า Modem และ จาก Modem เข้ า Medem โดย จาก Computer จะต่อโดยเรี ยงจาก ขาวส้ ม – ส้ ม – ขาวเขียว – น ้าเงิน – ขาวน ้าเงิน – เขียว –ขาวน ้าตาล – น ้าตาล และ Modem เข้ า Modem ขาวเขียว - เขียว – ขาวส้ ม – น ้าเงิน - ขาวน ้าเงิน – ส้ ม – ขาวน ้าตาล – น ้าตาล
- 6. และอีกสิ่งสาคัญที่ควรรู้คือ ในPlan วงจรนั ้น สิงใหนคือสิงใหน โดยสัญลักษณ์ สาคัญที่ส่วนมากจะปรากฏใน Plan วงจรคือ ่ ่
- 8. นาย วีรวัต รัตนมนูญพร 53211841