Upload
Download free for 30 days
Login
Submit search
ตอบสนองพืช
8 likes
10,317 views
Wichai Likitponrak
1 of 29
Download now
Downloaded 213 times
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
More Related Content
PPTX
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
Li Yu Ling
PDF
ต่อมไร้ท่อ
sukanya petin
PDF
แบบทดสอบย่อย เรื่องกล้องจุลทรรศน์
Phattarawan Wai
PDF
อวัยวะรับความรู้สึก
Thitaree Samphao
PPT
การงอกของเมล็ด
Nokko Bio
DOC
แผนที่ 2 การจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ศก
Kob Ying Ya
PDF
ระบบหมุนเวียนเลือด
Thitaree Samphao
PDF
carbondioxide fixation
Thanyamon Chat.
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
Li Yu Ling
ต่อมไร้ท่อ
sukanya petin
แบบทดสอบย่อย เรื่องกล้องจุลทรรศน์
Phattarawan Wai
อวัยวะรับความรู้สึก
Thitaree Samphao
การงอกของเมล็ด
Nokko Bio
แผนที่ 2 การจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ศก
Kob Ying Ya
ระบบหมุนเวียนเลือด
Thitaree Samphao
carbondioxide fixation
Thanyamon Chat.
What's hot
(20)
PDF
ระบบหมุนเวียนเลือด
Thitaree Samphao
PDF
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
Thanyamon Chat.
PDF
Kingdom plantae
Thanyamon Chat.
PDF
ไอโซเมอร์
Maruko Supertinger
PDF
ระบบหายใจ (Respiratory System)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
PDF
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
sukanya petin
PDF
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
Thanyamon Chat.
PPTX
สมบัติของคลื่น
benjamars nutprasat
PDF
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
Wichai Likitponrak
PDF
ระบบหมุนเวียนเลือด
Wan Ngamwongwan
PDF
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
Wan Ngamwongwan
PDF
ผลและเมล็ดแก้
Anana Anana
PDF
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
bosston Duangtip
PDF
การเจริญของ embryo ไก่
NawatHongthongsakul
PDF
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
Thanyamon Chat.
PDF
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
Thitaree Samphao
PDF
อวัยวะรับความรู้สึก
สุรินทร์ ดีแก้วเกษ
PDF
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
Aomiko Wipaporn
PDF
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
Thanyamon Chat.
DOCX
ใบงานที่ 4.1 ม4
mrtv3mrtv4
ระบบหมุนเวียนเลือด
Thitaree Samphao
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
Thanyamon Chat.
Kingdom plantae
Thanyamon Chat.
ไอโซเมอร์
Maruko Supertinger
ระบบหายใจ (Respiratory System)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
sukanya petin
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
Thanyamon Chat.
สมบัติของคลื่น
benjamars nutprasat
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
Wichai Likitponrak
ระบบหมุนเวียนเลือด
Wan Ngamwongwan
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
Wan Ngamwongwan
ผลและเมล็ดแก้
Anana Anana
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
bosston Duangtip
การเจริญของ embryo ไก่
NawatHongthongsakul
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
Thanyamon Chat.
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
Thitaree Samphao
อวัยวะรับความรู้สึก
สุรินทร์ ดีแก้วเกษ
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
Aomiko Wipaporn
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
Thanyamon Chat.
ใบงานที่ 4.1 ม4
mrtv3mrtv4
Ad
Viewers also liked
(20)
PDF
ต่อมไร้ท่อ
Wichai Likitponrak
PDF
วิจัยในชั้นเรียนตรีโกณมิติ
Wichai Likitponrak
PDF
งานวิจัยในชั้นเรียนวิตกกังวล
Wichai Likitponrak
PDF
การเคลื่อนที่สมช
Wichai Likitponrak
PDF
สืบดอก
Wichai Likitponrak
PDF
Toolkit for 21st century
Wichai Likitponrak
PDF
วิจัยอนามัยเพศ
Wichai Likitponrak
PDF
วิจัยแบบเรียนสำเร็จรูป
Wichai Likitponrak
PDF
รักษาดุลม.5
Wichai Likitponrak
PDF
ประสาท
Wichai Likitponrak
PDF
วิจัยในชั้นเรียนเจตคติวิทยาศาสตร์
Wichai Likitponrak
PDF
มหัศจรรย์พืช
Wichai Likitponrak
PDF
สังเคราะห์แสง
Wichai Likitponrak
PDF
งานวิจัยในชั้นเรียนต้นทุนชีวิต
Wichai Likitponrak
PDF
แผนBioม.5 1
Wichai Likitponrak
PDF
แผนBioม.6 2
Wichai Likitponrak
PDF
แผนBioม.4 1
Wichai Likitponrak
PDF
วิจัย21สสค
Wichai Likitponrak
PDF
รวมเล่มโครงการสอน
Wichai Likitponrak
PDF
แผนBioม.6 1
Wichai Likitponrak
ต่อมไร้ท่อ
Wichai Likitponrak
วิจัยในชั้นเรียนตรีโกณมิติ
Wichai Likitponrak
งานวิจัยในชั้นเรียนวิตกกังวล
Wichai Likitponrak
การเคลื่อนที่สมช
Wichai Likitponrak
สืบดอก
Wichai Likitponrak
Toolkit for 21st century
Wichai Likitponrak
วิจัยอนามัยเพศ
Wichai Likitponrak
วิจัยแบบเรียนสำเร็จรูป
Wichai Likitponrak
รักษาดุลม.5
Wichai Likitponrak
ประสาท
Wichai Likitponrak
วิจัยในชั้นเรียนเจตคติวิทยาศาสตร์
Wichai Likitponrak
มหัศจรรย์พืช
Wichai Likitponrak
สังเคราะห์แสง
Wichai Likitponrak
งานวิจัยในชั้นเรียนต้นทุนชีวิต
Wichai Likitponrak
แผนBioม.5 1
Wichai Likitponrak
แผนBioม.6 2
Wichai Likitponrak
แผนBioม.4 1
Wichai Likitponrak
วิจัย21สสค
Wichai Likitponrak
รวมเล่มโครงการสอน
Wichai Likitponrak
แผนBioม.6 1
Wichai Likitponrak
Ad
Similar to ตอบสนองพืช
(13)
PDF
การเจริญเติบโตของพืช
kookoon11
PDF
M6 144 60_5
Wichai Likitponrak
PDF
Gibbellin.pdf
ThanatTP
PDF
ฮอร์โมนพืช ( Plant hormones )
พัน พัน
PDF
การตอบสนองของพืช Oui60
Oui Nuchanart
PDF
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืช
Wichai Likitponrak
PDF
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
Anana Anana
PDF
4 plantrespo plan
Wichai Likitponrak
PPT
Plant hormone
warinda_lorsawat
PPT
Plant hormone
warinda_lorsawat
PDF
Hormone and response plant
Thanyamon Chat.
PDF
การศึกษาการเจริญเติบโตระหว่างพืชที่ใช้ปุ๋ยเคมี และออกซิน IS
RusPateepawanit
PDF
การศึกษาการเจริญเติบโตระหว่างพืชที่ใช้ปุ๋ยเคมี และออกซิน
RusPateepawanit
การเจริญเติบโตของพืช
kookoon11
M6 144 60_5
Wichai Likitponrak
Gibbellin.pdf
ThanatTP
ฮอร์โมนพืช ( Plant hormones )
พัน พัน
การตอบสนองของพืช Oui60
Oui Nuchanart
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืช
Wichai Likitponrak
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
Anana Anana
4 plantrespo plan
Wichai Likitponrak
Plant hormone
warinda_lorsawat
Plant hormone
warinda_lorsawat
Hormone and response plant
Thanyamon Chat.
การศึกษาการเจริญเติบโตระหว่างพืชที่ใช้ปุ๋ยเคมี และออกซิน IS
RusPateepawanit
การศึกษาการเจริญเติบโตระหว่างพืชที่ใช้ปุ๋ยเคมี และออกซิน
RusPateepawanit
More from Wichai Likitponrak
(20)
PDF
บทที่ 1 หลายหลากชีวภาพ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 2 ระบบนิเวศ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 3 ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 3 สืบพันธุ์เจริญเติบโตสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย...
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 1 ระบบประสาท รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 2 ต่อมไร้ท่อ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 4 โครงสร้างเคลื่อนที่สัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 5 พฤติกรรมสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
ใบงานประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่2แสง_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่4วัสดุในชีวิตประจำวัน_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / ...
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่3ปฏิกิริยาเคมี_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่1คลื่น_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บท3ไฟฟ้า_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บท2ระบบนิเวศ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บท4ระบบสุริยะ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บท1พันธุกรรม_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
PDF
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
Wichai Likitponrak
PDF
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
Wichai Likitponrak
บทที่ 1 หลายหลากชีวภาพ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่ 2 ระบบนิเวศ วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่ 3 ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม วิชาชีววิทยา 5 ภาคเรียน 2/2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่ 3 สืบพันธุ์เจริญเติบโตสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย...
Wichai Likitponrak
บทที่ 1 ระบบประสาท รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่ 2 ต่อมไร้ท่อ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่ 4 โครงสร้างเคลื่อนที่สัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่ 5 พฤติกรรมสัตว์ รายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียน 1 /2567_ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
ใบงานประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยาพื้นฐาน-ครูวิชัย.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่2แสง_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่4วัสดุในชีวิตประจำวัน_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / ...
Wichai Likitponrak
บทที่3ปฏิกิริยาเคมี_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
บทที่1คลื่น_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
บท3ไฟฟ้า_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
บท2ระบบนิเวศ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
บท4ระบบสุริยะ_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
บท1พันธุกรรม_ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ วิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม1 / 2567.pdf
Wichai Likitponrak
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
Wichai Likitponrak
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
Wichai Likitponrak
ตอบสนองพืช
1.
บทที่ 4 การควบคุมการเจริญเติบโตและการตอบสนองของพืช รายวิชาชีววิทยา
3 (ว32243) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
10.
ฮอร์โมนพืชเป็นสารเคมีภายในพืชซึ่งเกี่ยวข้องกับการเจริญของพืชไม่เพียงแต่การเจริญของพืชทั้ง ต้นเท่านั้น หากแต่ยังเกี่ยวข้องกับการเจริญของพืชแต่ละส่วนด้วย ในปัจจุบันทราบกันดีแล้วว่าฮอร์โมนพืชมี ทั้งชนิดที่กระตุ้นการเจริญเติบโต
และระงับการเจริญเติบโตฮอร์โมนพืชที่พบในปัจจุบันคือ - ออกซิน (Auxin) - จิบเบอเรลลิน (Gibberellins) - ไซโตไคนิน(Cytokinins) - กรดแอบซิสิค (Abscisic Acid) หรือ ABA -เอทธิลีน (Ethylene) ซึ่งมีสภาพเป็นก๊าซ ฮอร์โมนพืชสามารถเคลื่อนย้ายภายในต้นพืชได้และมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การ เปลี่ยนแปลงทางคุณภาพและการพัฒนาของเนื้อเยื่อ และอวัยวะของพืชซึ่งได้รับฮอร์โมนนั้น ๆ ซึ่งมีผลต่อ กระบวนการทางสรีรวิทยาที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง ดังนั้นในการศึกษาทางด้านฮอร์โมนจึงมักศึกษาในแง่ของ แหล่งและกระบวนการสังเคราะห์ การเคลื่อนที่และเคลื่อนย้าย และปฏิกิริยาของฮอร์โมนที่มีต่อพืช ในประเทศไทยการใช้ฮอร์โมนพืชมีวัตถุประสงค์ในทางการเกษตรเพื่อให้มีผลผลิต เพื่อเพิ่ม ผลผลิตและคุณภาพ และเพื่อความสะดวกในการจัดการฟาร์ม ฮอร์โมนพืช (Plant hormone)
11.
ออกซิน (Auxin) ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับออกซินนั้นเกิดขึ้นจากงานของ Charles
Darwin ซึ่งศึกษาเรื่อง Phototropism ซึ่งพืชจะตอบสนองต่อการได้รับแสงเพียงด้านเดียวทาให้เกิดการโค้งเข้าหาแสง Darwin สรุปว่าเมื่อต้นกล้า ได้รับแสงจะทาให้มี "อิทธิพล" (Influence) บางอย่างส่งผ่านจากส่วนยอดมายังส่วนล่างของโคลีออพ ไทล์ ทาให้เกิดการโค้งงอเข้าหาแสง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาได้ศึกษาถึง "อิทธิพล" ดังกล่าว ต่อมา Boysen-Jensen และ Paal ได้ศึกษาและแสดงให้เห็นว่า "อิทธิพล" ดังกล่าวนี้มีสภาพเป็น สารเคมี ซึ่งในสภาพที่โคลีออพไทล์ได้รับแสงเท่ากันทั้งสองด้าน สารเคมีนี้จะเคลื่อนที่ลงสู่ส่วนล่างของโคลี ออพไทล์ ในอัตราเท่ากันทุกด้านและทาหน้าที่เป็นสารกระตุ้นการเจริญเติบโต ในปี ค.ศ. 1926 Went ได้ทางานทดลองและสามารถแยกสารชนิดนี้ออกจากโคลีออพไทล์ได้ โดยตัด ส่วนยอดของโคลีออพไทล์ของข้าวโอ๊ตแล้ววางลงบนวุ้นจะทาให้สารเคมีที่กระตุ้นการเจริญเติบโตไหลลงสู่ วุ้น เมื่อนาวุ้นไปวางลงที่ด้านหนึ่งของโคลีออพไทล์ที่ไม่มียอดด้านใดด้านหนึ่งจะทาให้โคลีออพไทล์ดังกล่าวโค้ง ได้ เขาสรุปว่าสารเคมีได้ซึมลงสู่วุ้นแล้วซึมจากวุ้นลงสู่ส่วนของโคลีออพไทล์ วิธีการดังกล่าวนอกจากเป็น วิธีการแรกที่แยกสารเคมีชนิดนี้ได้แล้ว ยังเป็นวิธีการวัดปริมาณของฮอร์โมนได้ด้วย เป็นวิธีที่เรียกว่า Bioassay สารเคมีดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อว่า ออกซิน ซึ่งในปัจจุบันพบในพืชชั้นสูงทั่วๆ ไป และมีความสาคัญต่อ การเจริญเติบโตของพืชสังเคราะห์ได้จากส่วนเนื้อเยื่อเจริญของลาต้น ปลายราก ใบอ่อน ดอกและผล และพบ มากที่บริเวณเนื้อเยื่อเจริญ โคลีออพไทด์และคัพภะ รวมทั้งใบที่กาลังเจริญด้วย
12.
การตอบสนองของพืชต่อออกซิน 1. การตอบสนองในระดับเซลล์ ออกซินทาให้เกิดการขยายตัวของเซลล์
เช่น ทาให้เกิดการขยายตัวของใบ ทาให้ผล เจริญเติบโต เช่น กรณีของสตรอเบอรี่ ถ้าหากกาจัดแหล่งของออกซิน ซึ่งคือส่วนของเมล็ดที่อยู่ภายนอกของผล จะ ทาให้เนื้อเยื่อของผลบริเวณที่ไม่มีเมล็ดรอบนอกไม่เจริญเติบโต ออกซินทาให้เกิดการแบ่งเซลล์ได้ในบาง กรณี เช่น กระตุ้นการแบ่งเซลล์ของแคมเบียมและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพ เช่น กระตุ้นให้เกิด ท่อน้าและท่ออาหาร กระตุ้นให้เกิดรากจากการปักชาพืช เช่น การใช้ IBA ในการเร่งรากของกิ่งชา แล้วยังกระตุ้นให้ เกิดแคลลัสในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แต่การตอบสนองในระดับเซลล์ที่เกิดเสมอคือ การขยายตัวของเซลล์ 2. การตอบสนองของอวัยวะหรือพืชทั้งต้น 2.1 เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของพืชแบบ Phototropism Geotropism 2.2 การที่ตายอดข่มไม่ให้ตาข้างเจริญเติบโต 2.3 การติดผล เช่น กรณีของมะเขือเทศ ใช้ 4 CPA จะเร่งให้เกิดผลแบบ Pathenocarpic และในเงาะถ้าใช้ NAA จะเร่งการเจริญของเกสรตัวผู้ทาให้สามารถผสมกับเกสรตัวเมียได้ ในดอกที่ได้รับ NAA เกสรตัวเมียจะไม่เจริญ เพราะได้รับ NAA ที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป แต่เกสรตัวผู้ยังเจริญได้ ทาให้การติดผลเกิดมากขึ้น 2.4 ป้องกันการร่วงของผลโดยออกซินจะยับยั้งไม่ให้เกิด Abcission layer ขึ้นมา เช่น การใช้ 2,4-D ป้องกันผลส้ม ไม่ให้ร่วง หรือ NAA สามารถป้องกันการร่วงของผลมะม่วง 2.5 ป้องกันการร่วงของใบ 2.6 ในบางกรณีออกซินสามารถทาให้สัดส่วนของดอกตัวเมียและตัวผู้เปลี่ยนไปโดยออกซินจะกระตุ้นให้มีดอกตัวเมีย มากขึ้น
13.
จิบเบอเรลลิน (Gibberellins) การค้นพบกลุ่มของฮอร์โมนพืชที่ปัจจุบันเรียกว่าจิบเบอเรลลินนั้น เกิดประมาณ
ปี 1920 เมื่อ Kurosawa นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ศึกษาในต้นข้าวที่เป็นโรค Bakanae หรือโรคข้าวตัวผู้ ซึ่งเกิด จากเชื้อรา Gibberella fujikuroi หรือ Fusarium moniliforme ซึ่งทาให้ต้นข้าวมีลักษณะสูง กว่าต้นข้าวปกติ ทาให้ล้มง่าย จากการศึกษาพบว่า ถ้าเลี้ยงเชื้อราในอาหารเลี้ยงเชื้อเหลวแล้วกรอง เอาเชื้อราออกไปเหลือแต่อาหารเลี้ยงเชื้อ เมื่อนาไปราดต้นข้าวจะทาให้ต้นข้าวเป็นโรคได้ จึงเป็นที่แน่ ชัดว่า เชื้อราชนิดนี้สามารถสร้างสารบางชนิดขึ้นในต้นพืชหรือในอาหารเลี้ยงเชื้อ ซึ่งกระตุ้นให้ต้นข้าว เกิดการสูงผิดปกติได้ในปี 1939 ได้มีผู้ตั้งชื่อสารนี้ว่าจิบเบอเรลลิน การค้นพบจิบเบอเรลลิน เกิดขึ้น ในช่วงเดียวกับที่พบออกซิน การศึกษาส่วนใหญ่จึงเน้นไปทางออกซิน ส่วนการศึกษาจิบเบอเรลลิน ในช่วงแรกจะเป็นไปในแง่ของโรคพืช ในการศึกษาขั้นแรกค่อนข้างยากเพราะมักจะมีกรดฟิวซาริค (Fusaric Acid) ปะปนอยู่ซึ่งเป็นสารระงับการเจริญเติบโต ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและ ส่วนประกอบทางเคมีของจิบเบอเรลลินนั้นได้รับการศึกษาในปี 1954 โดยนักเคมีชาวอังกฤษซึ่ง สามารถแยกสารบริสุทธิ์จากอาหารเลี้ยงเชื้อรา Gibberella fujikuroi และเรียกสารนี้ว่ากรดจิบเบอ เรลลิค (Gibberellic Acid) GA เป็นฮอร์โมนที่พบในพืชชั้นสูงทุกชนิด นอกจากนั้นยังพบในเฟิร์น สาหร่าย และเชื้อราบางชนิด แต่ไม่พบในแบคทีเรีย
14.
บทบาทของจิบเบอเรลลินที่มีต่อพืช 1. กระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชทั้งต้น จิบเบอเรลลินมีคุณสมบัติพิเศษ
ซึ่งสามารถกระตุ้น การเจริญเติบโตของพืชทั้งต้นได้โดยทาให้เกิดการยืดตัวของเซลล์ ซึ่งผลนี้จะต่างจากออกซินซึ่ง สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของชิ้นส่วนของพืชได้ พืชบางชนิดอาจจะไม่ตอบสนองต่อจิบเบอ เรลลิน อาจจะเป็นเพราะว่าในพืชชนิดนั้นมีปริมาณจิบเบอเรลลินเพียงพอแล้ว จิบเบอเรลลิน สามารถกระตุ้นการยืดยาวของช่อดอกไม้บางชนิดและทาให้ผลไม้มีรูปร่างยาวออกมา เช่น องุ่น และ แอปเปิล 2. กระตุ้นการงอกของเมล็ดที่พักตัวและตาที่พักตัว ตาของพืชหลายชนิดที่เจริญอยู่ในเขต อบอุ่นจะพักตัวในฤดูหนาว เมล็ดของพืชหลายชนิดมีพฤติกรรมเช่นนี้ด้วย ซึ่งการพักตัวจะลดลงจน หมดไป เมื่อได้รับความเย็นเพียงพอ การพักตัวของเมล็ดและตา อันเนื่องมาจากต้องการอุณหภูมิ ต่า วันยาว และต้องการแสงสีแดงจะหมดไปเมื่อได้รับจิบเบอเรลลิน
15.
บทบาทของจิบเบอเรลลินที่มีต่อพืช 3. การแทงช่อดอก การออกดอกของพืชเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่าง
เช่น อายุ และ สภาพแวดล้อม จิบเบอเรลลินสามารถแทนความต้องการวันยาวในพืชบางชนิดได้ และยังสามารถ ทดแทนความต้องการอุณหภูมิต่า (Vernalization) ในพืชพวกกะหล่าปลี และแครอท 4.จิบเบอเรลลิน สามารถกระตุ้นการเคลื่อนที่ของอาหารในเซลล์สะสมอาหาร หลังจากที่เมล็ด งอกแล้ว เพราะรากและยอดที่ยังอ่อนตัวเริ่มใช้อาหาร เช่น ไขมัน แป้ง และโปรตีน จากเซลล์สะสม อาหาร จิบเบอเรลลินจะกระตุ้นให้มีการย่อยสลายสารโมเลกุลใหญ่ให้เป็นโมเลกุลเล็ก เช่น ซูโครสและ กรดอะมิโน ซึ่งเกี่ยวพันกับการสังเคราะห์เอนไซม์หลายชนิดดังกล่าวข้างต้น 5. กระตุ้นให้เกิดผลแบบ Parthenocarpic ในพืชบางชนิด เปลี่ยนรูปร่างของใบพืชบางชนิด เช่น English Ivy และทาให้พืชพัฒนาการเพื่อทนความเย็นได้ 6. พืชที่มีดอกตัวผู้และตัวเมียแยกกันไม่ว่าจะต้นเดียวกัน หรือแยกต้นก็ตาม จิบเบอเรลลิน สามารถเปลี่ยนเพศของดอกได้ จิบเบอเรลลินมักเร่งให้เกิดดอกตัวผู้ ส่วนออกซิน เอทธิลีน และไซโต ไคนิน มักจะเร่งให้เกิดดอกตัวเมีย ในแตงกวาดอกล่าง ๆ มักเป็นดอกตัวผู้ และดอกบนเป็นดอกตัวเมีย การให้สารอีธีฟอนจะเร่งให้เกิดดอกตัวเมียขึ้น
16.
ไซโตไคนิน (Cytokinins) การค้นพบฮอร์โมนในกลุ่มนี้เริ่มจากการศึกษาการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โดยในปี
ค.ศ. 1920 Haberlandt ได้แสดงให้เห็นว่ามีสารชนิดหนึ่งเกิดอยู่ในเนื้อเยื่อพืชและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อ พาเรนไคมาในหัวมันฝรั่งกลับกลายเป็นเนื้อเยื่อเจริญได้ ซึ่งแสดงว่าสารชนิดนี้สามารถกระตุ้นให้มี การแบ่งเซลล์ ต่อมามีการพบว่าน้ามะพร้าวและเนื้อเยื่อของหัวแครอทมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการ แบ่งเซลล์เช่นกัน นักวิทยาศาสตร์หลายท่าน เช่น Skoog และ Steward ทาการทดลองในสหรัฐอเมริกา โดย ศึกษาความต้องการสิ่งที่ใช้ในการเจริญเติบโตของกลุ่มก้อนของเซลล์ (Callus) ซึ่งเป็นเซลล์ที่แบ่งตัว อย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพเกิดขึ้นของ pith จากยาสูบและรากของแค รอท จากผลการทดลองนี้ทาให้รู้จักไซโตไคนินในระยะปี ค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นฮอร์โมนพืชที่จาเป็น ต่อการแบ่งเซลล์และการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพของเนื้อเยื่อ ในปัจจุบันพบว่าไซโตไคนิน ยัง เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพ (Senescence) และการควบคุมการเจริญของตาข้างโดยตายอด (Apical Dominance) แม้ว่าไคเนติน BA และ PBA เป็นสารที่ไม่พบในต้นพืชแต่สารที่เกิดตามธรรมชาติและสาร สังเคราะห์หลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนไคเนตินนั้น เรียกโดยทั่วๆ ไปว่า ไซโตไคนิน ซึ่งเป็นสารที่ เมื่อมีผลร่วมกับออกซินแล้วจะเร่งให้เกิดการแบ่งเซลล์ในพืช
17.
ผลของไซโตไคนิน 1. กระตุ้นให้เกิดการแบ่งเซลล์และการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพใน tissue
culture โดยต้องใช้ ร่วมกับ Auxin ในการเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชนั้นหากให้ฮอร์โมน ไซโตไคนินมากกว่าออกซิน จะทาให้เนื้อเยื่อ นั้นเจริญเป็น ตา ใบ และลาต้น แต่ถ้าหากสัดส่วนของออกซินมากขึ้นกว่าไซโตไคนินจะทาให้เนื้อเยื่อนั้น สร้างรากขึ้นมา การ differentiate ของตาในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจาก Callus จากส่วนของลาต้นนั้น auxin จะระงับ และไซโตไคนินนั้นจะกระตุ้นการเกิด และต้องมีความสมดุลระหว่างไซโตไคนินและออก ซินชิ้นเนื้อเยื่อจึงจะสร้างตาได้ 2. ชะลอกระบวนการเสื่อมสลาย เช่น กรณีของใบที่เจริญเต็มที่แล้วถูกตัดออกจากต้น คลอโรฟิลล์ RNA และโปรตีนจะเริ่มสลายตัวเร็วกว่าใบที่ติดอยู่กับต้น แม้จะมีการให้อาหารกับใบเหล่านี้ก็ตาม ถ้า หากเก็บใบเหล่านี้ไว้ในที่มืดการเสื่อมสลายยิ่งเกิดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามหากใบเหล่านี้เกิดรากขึ้นที่โคนใบ หรือก้านใบ จะทาให้การเสื่อมสลายเกิดช้าลง เพราะไซโตไคนินผ่านขึ้นมาจากรากทางท่อน้า อย่างไรก็ ตามการให้ไซโตไคนินกับใบพืชเหล่านี้จะชะลอการเสื่อมสลายได้เหมือนกับรากเช่นกัน นอกจากนั้นไซโต ไคนินยังทาให้มีการเคลื่อนย้ายอาหารจากส่วนอื่นมายังส่วนที่ได้รับไซโตไคนินได้ เช่น กรณีของใบอ่อนซึ่ง มีไซโตไคนินมากกว่าใบแก่จะสามารถดึงอาหารจากใบแก่ได้
18.
ผลของไซโตไคนิน 3. ทาให้ตาข้างแตกออกมาหรือกาจัดลักษณะ Apical
Dominanceได้ การเพิ่มไซโตไคนิน ให้กับตาข้างจะทาให้แตกออกมาเป็นใบได้ ทั้งนี้เพราะตาข้างจะดึงอาหารมาจากส่วนอื่นทาให้ตาข้าง เจริญได้ เชื้อจุลินทรีย์บางชนิดสามารถสร้างไซโตไคนินกระตุ้นให้พืชเกิดการแตกตาจานวนมากมี ลักษณะผิดปกติ เช่น โรค Fascination นอกจากนั้นยังเร่งการแตกหน่อของพืช เช่น บอน และ โกสน 4. ทาให้ใบเลี้ยงคลี่ขยายตัว กรณีเมล็ดของพืชใบเลี้ยงคู่งอกในความมืด ใบเลี้ยงจะเหลือง และเล็ก เมื่อได้รับแสงจึงจะขยายตัวขึ้นมา ซึ่งเป็นการควบคุมของไฟโตโครม แต่ถ้าหากให้ไซโต โคนินโดยการตัดใบเลี้ยงมาแช่ในไซโตไคนิน ใบเลี้ยงจะคลี่ขยายได้เช่นกัน ลักษณะดังกล่าวพบ กับ แรดิช ผักสลัด และแตงกวา ออกซินและจิบเบอเรลลินจะไม่ให้ผลดังกล่าว 5. ทาให้เกิดการสร้างคลอโรพลาสต์มากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพอย่างหนึ่ง เช่น เมื่อ Callus ได้รับแสงและไซโตไคนิน Callus จะกลายเป็นสีเขียว เพราะพลาสติคเปลี่ยนเป็น คลอโรพลาสต์ได้ โดยการเกิดกรานาจะถูกกระตุ้นโดยไซโตไคนิน 6. ทาให้พืชทั้งต้นเจริญเติบโต 7. กระตุ้นการงอกของเมล็ดพืชบางชนิด
19.
กรดแอบซิสิค (Abscisic Acid)
หรือ ABA ในการศึกษาถึงการร่วงของใบ การพักตัวของตาและเมล็ดในช่วงปี ค.ศ. 1950-1960 นั้น ชี้ให้เห็นว่าเป็นไปได้ว่ามีสารระงับการเจริญปรากฏอยู่ในต้นพืช โครงสร้างของสารเคมี ดังกล่าว ถูกค้นพบในปี 1965 ในผล และใบของฝ้าย สารเคมีดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อว่า กรดแอบซิสิค หรือ ABA และพบว่าเป็นสารจาพวกเซสควิเทอร์พีนอยด์ ABA ถูกแยกออกจากพืชหลายชนิดทั้งแองจิโอสเปิร์มส์ จิมโนสเปิร์มส์ เฟินและมอส (Angiosperms, Gymnosperms, Ferns และ Mosses) การให้ ABA แก่ใบแก่หรือรากจะก่อให้เกิดการหยุดการเจริญเติบโตกับส่วนอื่น ๆ ของพืชได้ จึง แสดงให้เห็นว่า ABA เคลื่อนที่ได้ และจากการศึกษาพบว่าเคลื่อนที่ได้ในทุกทิศทางแต่ในราก ABA อาจจะเคลื่อนที่ในลักษณะเบสิพีตัล และโดยทั่ว ๆ ไป ABA อาจจะเคลื่อนที่ไปในท่อน้าและท่อ อาหาร พบ ABA มากที่ใบแก่ ผลแก่ และพืชที่ขาดน้า
20.
ผลของ ABA ต่อพืช 1.
ลดการคายน้าโดยกระตุ้นให้ปากใบปิด ซึ่งพืชตอบสนองได้ภายใน 1-15 นาที หลังจากได้รับ ABA ในพืชที่ขาดน้าจะมีปริมาณ ABA เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการลดการ คายน้าของพืช 2. กระตุ้นให้เกิดการพักตัวของตา ซึ่งจะเกิดกับพืชเขตอบอุ่น พบว่าเมื่อให้ ABA กับตาที่กาลังเจริญเติบโต จะทาให้ตาชะงักการเจริญเติบโตและเข้าสู่การพักตัวตามปกติ การ ให้ GA จะลดผลของ ABA ที่ทาให้ตาพักตัวได้ 3. การร่วงของใบและดอก เช่น ในฝ้าย ผลแก่ที่ร่วงเองจะมี ABA สูงมาก 4. เร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของใบ
21.
เอทธิลีน (Ethylene) เป็นฮอร์โมนพืชซึ่งควบคุมการเจริญเติบโตในหลายแง่ เช่น
การพัฒนา การเสื่อม สลาย ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่ ซึ่งเกิดเอทธิลีนขึ้นมา ผลของเอทธิลีนมีทั้งในแง่ที่เป็นประโยชน์หรือ เป็นโทษต่อพืช เอทธิลีนเป็นฮอร์โมนที่มีสภาพเป็นก๊าซซึ่งรู้จักกันมานานแล้ว จากการบ่มผลไม้ ในปี 1934 ได้มีการพิสูจน์ให้เห็นว่าเอทธิลีนเป็นก๊าซที่สังเคราะห์ขึ้นโดยพืช และสามารถเร่งกระบวนการ สุกได้ ต่อมาพบว่าการก่อกองไฟใกล้ ๆ สวนมะม่วงและสับปะรดจะกระตุ้นให้ออกดอกได้ ซึ่งสารที่ทา ให้เกิดการออกดอก คือ เอทธิลีนนั่นเอง เอทธิลีนเป็นฮอร์โมนพืชที่สาคัญในด้านหลังเก็บเกี่ยวด้วย ต่อมาพบว่า ดอก เมล็ด ใบ และรากพืชสามารถสังเคราะห์เอทธิลีนได้ เช่น ใน เซเลอรี่ พันธุ์ซึ่งต้นขาวเอง (Self blanching) พบว่า เซเลอรี่สามารถสร้างเอทธิลีนมา กาจัดสีเขียวที่ก้านได้ นอกจากนั้นในปี 1935 ยังพบว่า การให้ออกซินกับพืชอาจจะกระตุ้นให้พืชสร้าง เอทธิลีนได้ ซึ่งเป็นคาอธิบายได้ชัดเจนสาหรับกรณีที่เมื่อให้ออกซินกับพืชแล้วพืช ตอบสนองเหมือนกับ ได้รับเอทธิลีน ออกซินกับเอทธิลีนนั้นเมื่อให้กับพืชมักจะให้ผลส่งเสริมกัน ส่วนของพืชที่พบเอทธิลีน มากคือ ใบแก่ ผลไม้สุก และเนื้อเยื่อที่อยู่ภายใต้สภาพความเครียด (Stress)
22.
ผลของเอทธิลีนต่อพืช 1. กระตุ้นให้ผลไม้สุก ดังนั้นอาจจะเรียกเอทธิลีนว่า
Ripening hormone และใช้ในการบ่ม ผลไม้ในทางการค้า 2. กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพ เช่น กระตุ้นให้เกิด Abcission zone ขึ้น ทาให้ใบ และกลีบดอกร่วงได้ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพของราก และลาต้น รวมทั้งกระตุ้น การออกดอกของพืช เช่น สับปะรด กระตุ้นให้เกิด Adventitious root 3. กระตุ้นให้พืชออกจากการพักตัว เช่น กรณีของมันฝรั่ง 4. กระตุ้นให้เกิดดอกตัวเมียมากขึ้นในพืช Dioecious
23.
IAA ,IBA ,2,4-D
,NAA GA BA
24.
ABA
25.
Auxin ???
26.
Auxin ???
28.
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช (Plant tissue
culture) การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หมายถึง การนาเอาส่วนใดส่วนหนึ่ง ของพืช ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเนื้อเยื่อเซลล์ หรือเซลล์ไม่มี ผนัง มาเลี้ยงในอาหารเลี้ยงในสภาพปลอดเชื้อจุลิทรีย์ และ อยู่ในสภาพควบคุมอุณหภูมิ แสงและความชื้นเพื่อให้เซลล์ พืชที่นามาเพาะเลี้ยงนั้น ปราศจากเชื้อที่มารบกวนและ ทาลายการเจริญเติบโตของพืช การเลือกใช้สูตรอาหารและสารควบคุมการเจริญเติบโตที่ เหมาะสม เช่น ฮอร์โมนพืช ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ ของการเพาะเลี้ยงว่าต้องการให้ชิ้นส่วนนั้นเจริญไปเป็น ส่วนใด เช่น ถ้าต้องการให้เจริญไป เป็นส่วนลาต้นก็สามาร ทา การชักนา โดยใช้ฮอร์โมนพืชกลุ่ม Cytokinin หากต้องการให้เกิดราก อาจใช้ฮอร์โมนกลุ่ม Auxin หรืออาจจะใช้ฮอร์โมนหลายๆ ชนิดรวมกัน
29.
“THE END” THANK YOU
FOR YOUR ATTENTION!
Download